คอลัมน์ : ประชาทรรศน์วิชาการ
“วาทตะวัน สุพรรณเภษัช” ฝากขอบคุณบรรดาแฟนๆ ที่แห่กันเข้าไปจองหนังสือ “เหี้ยส่องกระจก ถึงจุดจบรัดทำมะนวย” และ “รัดทำมะนวย ฉบับหัวคูณ” ใน www.vattavan.com จนเว็บแทบพัง!
“นักเขียน-มิลเลี่ยนคลิก” คนนี้ แย้มให้ฟังว่า จะเข็นหนังสือที่แค่ปกผู้คนก็ซูดส์ปากด้วยความสะใจ เพราะชื่อหนังสือคือ “ประชาธิปัตย์-พรรคดักดาน” ออกมาให้ท่านผู้อ่านได้ฮาแตก-ฮาแตนกันอีกในไม่ช้า...
เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่นี้ เห็นทีจะต้องรัวระฆังแล้วร้องป่าวให้แฟนๆ ของ“วาทตะวัน” วิพากษ์วิจารณ์เรื่อง “ม็อบ” ที่กำลังอวดศักดาด้วยการยึดทำเนียบรัฐบาลอยู่ในเวลานี้กันสักหน่อย
การเข้ายึดสถานที่ซึ่งเป็นศูนย์กลางการบริหารราชการของชาติ ด้วยการใช้จำนวนผู้คนเป็นอาวุธ กรูกันเข้าไปได้สำเร็จ ประกอบกับความที่รัฐบาลใจดี เกรงว่าผู้คนที่หลงเข้ามาร่วมในการยึดสถานที่ราชการต้องได้รับบาดเจ็บ
ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ศูนย์กลางของบริหารของบ้านเมือง ต้องตกอยู่ในความยึดครองภายใต้แกนนำพันธมิตรฯ จำนวนไม่กี่คนเท่านั้น
ไม่น่าเชื่อว่าประเทศไทยมีกองทัพ ซึ่งมีขุนทหารมากมาย แทบจะเหยียบกันตายในสนามกอล์ฟด้วยซ้ำ แต่กลับนั่งดูชาติอันเป็นที่รักของเราต้องตกอยู่ในกำมือของคณะผู้ก่อการ ซึ่งมีจำนวนไม่เกินนิ้วมือสองข้างรวมกัน
คนพวกนี้ได้นำเอา “ความคิดทางการเมือง” ตามแนวทางของตัว ไปยัดใส่หัวกบาลชาวบ้านที่ติดตามรายการจากสื่อนอกระบบอย่าง ASTV ได้สำเร็จ
นายทหารตัวเด่นๆ ทั้งหลาย ไม่รู้สึกเจ็บปวด รู้สึกรู้สากันบ้างหรืออย่างไร?
แม้คนมีหน้าที่ป้องกันชาติบ้านเมืองนั่งเฉยๆ ไม่ช่วยกันทำหน้าที่ของตัวเองก็ตาม แต่ยังดีที่พระสยามเทวาธิราชท่านไม่อู้หรือหลีกเลี่ยงภารกิจ ยังคงทำหน้าที่คุ้มครอง ปกปักรักษาเมืองไทยตามหน้าที่ของท่าน จึงดลบันดาลให้
หางของพันธมิตรฯ โผล่แดงโร่ออกมาทันเหตุการณ์พอดิบพอดี!
นั่นคือ...
ภาพกองกำลังที่เรียกยกยอพวกตัวเองว่า "นักรบศรีวิชัย" เป็นแนวหน้าถืออาวุธโห่ร้องแบบโจรห้าร้อย ละลาย ทะลุทะลวงรั้วกั้น แล้วกรูกันเข้ายึดสถานีโทรทัศน์ของกรมประชาสัมพันธ์ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่ด้วยกิริยาท่าทีสุดถ่อย พ่นถ้อยคำที่หยาบชั่วเป็นภาษาถิ่นใต้ออกมาให้ได้ยินกันชัดเจน
พวกนี้นอกจากคนใต้ที่ข่าวบอกว่าจ้างกันมาแล้ว ยังมีเด็กหน้ารามปนอีกหลายตัว!
บางส่วนก็บังอาจบุกรุกเข้าห้องส่วนพระองค์ของ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ฯ จนกระทั่งถูกจับกุมไปเกือบ 100 คน
ประชาชนชาวไทยเกือบทั้งประเทศ พูดกันอื้ออึงไปว่า “รับไม่ได้เด็ดขาด” กับการกระทำของ “กองโจร-ไฟว์ฮันเดรด” จึงขนานนามใหม่ให้เป็น
"นักรบศรีธัญญา"
...ฮากันไปเลย
บ้างก็เรียกว่า ไอ้พวกนี้ไม่ใช่นักรบ แต่เป็น
“ไอ้โจรอัปรีย์...กาลีบ้านกาลีเมือง!"
ภาพของ "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" พลอยเสียหายยับเยินไปด้วย
จะเห็นได้ว่า มีผู้วิเคราะห์ด้วยว่า ม็อบพันธมิตรฯ ครั้งนี้ คนกรุงเทพไม่ใช่แค่ "ไม่เอาด้วย" แต่ยังได้แสดงความชิงชังที่พวกตะไลห้าร้อยเหล่านี้ สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวกรุง ทั้งเด็กนักเรียนและผู้ใหญ่ ที่ต้องเดินทางกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
บ้างก็ต้องพึ่งบารมีศาล แต่ทุกคนต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางมากขึ้น
ชาวบ้านที่จำเป็นต้องขับรถผ่านกลุ่มม็อบ หลายคนก็ตะโกนด่าทอด้วยความคั่งแค้นอยู่หลังพวงมาลัย
แต่คนที่เลือกความสะดวก ก็ถุยน้ำลายในใจ หรือไม่ก็...
ยก "นิ้วกลาง" ให้...รู้แล้วรู้แรด กันไปเลย!
ดังนั้น ผู้ร่วมม็อบส่วนใหญ่คงมีแต่คนต่างจังหวัดเดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ เพราะแรงจ้างบ้าง แรงเงินบ้าง
อย่างไรก็ตาม มีบางส่วนที่พวกนักจิตวิทยาเขาเรียกว่าเป็นพวก “จิตอ่อน” ได้ยินการโฆษณาชวนเชื่อจากสื่อนอกระบบอย่าง ASTV ที่ใช้ถ้อยคำหยาบคายกรอกหูทุกวัน จนซึมซับเอนเอียงไปข้างพวกปลุกปั่น ถึงกับลงทุนควักเงินตัวเองเดินทางเข้ากรุงเทพฯ มา
...อย่างนั้นก็มี
ความเหิมเกริม อวดศักดา ท้าทายกฎหมายบ้านเมืองมาโดยตลอด แต่ก็ตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ เมื่อนักรบศรีธัญญาที่เมาใบกระท่อมปรุงแต่ง เป็นยาสูตร 4 x 100 ที่นิยมเสพกันอย่างแพร่หลายในแดนสะตอ ซึ่งปรุงง่ายๆ แค่ต้มน้ำใบกระท่อมกับยากันยุงและ
สารฟลูออเรสเซน์ในหลอดนีออน ยาแก้ไอ (ต่อมาเมื่อมีการตรวจค้นก็พบของเหล่านี้จากพวกนักรบใบกระท่อม) เท่านั้นเอง
เสพเข้าไปแล้วทำให้ไม่กลัวตาย สูตรเดียวกับพวกโจรก่อการร้ายภาคใต้ใช้เสพก่อนปฏิบัติการนั่นแหละ!
พวกนี้มันจึงตาขวางด้วยฤทธิ์ยา บุกเข้า “ปล้น!” สถานีโทรทัศน์ของรัฐอย่างอุกอาจเป็นที่สุด!!
แต่พระสยามเทวาธิราชสำแดงอิทธิฤทธิ์ ตีโต้กลับทันท่วงที บรรดาผู้บุกรุกกลับตกเป็นผู้ต้องหาในคดีร้ายแรงของตำรวจ ถูกจับกุมไปคุมขังที่เรือนจำ โดยศาลท่านไม่อนุญาตให้มีการประกันตัว
ส่วนแกนนำก็มี “หมายจับ” ข้อหากบฏ ซึ่งแม้ทนายผู้ต้องหาจะดิ้นขอประกันตัว ศาลท่านก็ยืนยันแข็งแรงว่า
เรื่องเข้ากระบวนการแล้ว ต้องมีการสอบสวน ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ และถ้าอัยการสั่งฟ้อง แกนนำก็ต้องไปแก้คดีตามระเบียบ
การที่มีข้อกฎหมายผูกเป็นเงื่อนไว้ที่คอบรรดาแกนนำ มันถอดออกยาก ถ้าถอดผิดเงื่อน ปมมันก็มัดคอตัวเองแน่นจนตายไปเอง!
เรื่องง่ายอย่างนี้ คอการเมืองแถวร้านกาแฟออน ล็อก หยุ่น ถึงกับทำนายว่า...
แกนนำทั้ง 5 บวก 4 ต้องดิ้นสุดชีวิต เพราะหากไม่ชนะ ก็จะไม่หลุดข้อหากบฏ ซึ่งต้องใช้เวลาอีกยาวนานในเรือนจำ
แต่อยากจะบอกให้ท่านผู้อ่านทราบว่า
ยิ่งเผด็จศึกรัฐบาลไม่ได้ และฝ่ายรัฐสามารถยื้อเวลาได้สำเร็จ จนจัดการเรื่องสำคัญๆ ที่ค้างอยู่ อย่างโผทหารเรียบร้อยไปแล้ว อีกทั้งผู้คนฝ่ายตรงข้าม รวมทั้งส่วนที่ไม่เห็นด้วยบวกกับแนวร่วมมุมกลับที่ไม่เห็นด้วย
ผนึกกำลังต่อต้านได้เข้มแข็งได้เมื่อใด...
จะมีคนฝ่ายตรงข้ามออกมาแฉหลักฐานเบื้องหลัง ที่เป็น “ความลับ-ความร้าย” ทั้งหลายทั้งปวง ก็จะค่อยๆ เปิดเผยออกมาทีละเล็กละน้อย แต่ก็จะเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน เพราะหูตาของผู้ที่หลงใหลได้ปลื้มกับฝ่ายพันธมิตรฯ
ตาจะได้สว่าง หูจะได้ไสว ขึ้นมากันเสียที
ที่น่าสงสารมากที่สุดคือบรรดาพวกนักรบศรีธัญญาที่ถูกจับกุมชุดแรก ซึ่งหลายคนได้รับการว่าจ้าง แลกกับเบี้ยรายวัน ซึ่งต้องถูกจับกุมคุมขัง
แต่คนอย่าง “บักใส” นักเคลื่อนไหวอาชีพ กลับปฏิเสธว่า เขาเหล่านี้ไม่ใช่พวกพันธมิตรฯ แต่ “บักลอง” ก็ยอมรับแต่โดยดีว่า
“ตำรวจจับ ‘พวกเรา’ ไป!”
ผู้คนในหมู่พันธมิตรฯ เองถึงกับพูดว่า
“ไอ้ “บักใส” นี่มันช่างขี้ขลาดเสียจริง!”
ไม่ต่างจากพวกสหายแกนนำที่ถูกหัวเราะเยาะ เย้ยหยัน จากประชาชน และสื่อมวลชนทั้งหลายว่า เป็นพวก “ซุกใต้ผ้าถุง” เมื่อมีข่าวว่า ตำรวจจะเข้าจู่โจม
สิ่งที่พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะคนกรุงเทพ มองดูว่าการกระทำของแกนนำพันธมิตรฯ นั้น เป็นการทำร้ายประเทศชาติของเราอย่างหนักหนาสาหัสก็ตามที แต่ถ้าเราชำเลืองดูเบื้องหลังของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็จะเห็นได้ว่า
ฝ่ายค้านอย่าง "พรรคประชาธิปัตย์" มีส่วนเกี่ยวข้องมาโดยตลอด!
ไม่ว่าจะมีสมาชิกพรรคเข้าไปเป็นแกนนำ การสนับสนุนจากคนสำคัญในพรรค ไปให้กำลังใจติดขอบเวที และข่าวว่าสนับสนุนปัจจัยเงินทองเข้าไปอีก
ส่วนจะสนับสนุนกันแค่ไหน ลองถาม คุณหญิงกัลยา (ฮัว) อดีตผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพคนนั้น กันเอาเองแล้วกัน เพราะไปยืนติดขอบเวทีให้ถ่ายภาพฟ้องออกมาทางหน้าหนังสือพิมพ์
ใช่แต่แค่นั้นนะ
รายงานจากหน่วยข่าวของทางราชการยังระบุว่า
พรรคเก่าแก่นี้ สนับสนุนการขนคนเข้ามาร่วมกับพันธมิตรฯ หลายจังหวัดถูกบันทึกภาพเอาไว้โดยละเอียด บางจังหวัดก็ถูกนำมาเสนอทางสื่อโทรทัศน์ ซึ่งหลักฐานเหล่านี้ อาจเป็นเหตุให้พรรคฝ่ายค้านดักดานนี้ ประสบกับความยุ่งยาก ที่ปล่อยให้ ส.ส. ในพรรค มาร่วมก่อการกบฏ แถมคนสำคัญในพรรคก็ยังไปร่วมสนับสนุนด้วย
ยิ่งเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา การอภิปรายทั่วไปในสภา เดอะมาร์คและคณะ ก็แก้ผ้าล่อนจ้อน บอกตัวตนเสร็จสรรพว่า พรรคเก่าแก่ของแกเป็นแค่...
“ลูกแหง่...ของพันธมิตรฯ”
อยากเรียนให้ท่านผู้อ่านทราบว่า
เรื่องของฝ่ายค้านดักดานพรรคนี้ ขอให้ติดตามคอลัมน์นี้ดีๆ อย่ากะพริบตา เพราะอาจพลาดข้อมูลเด็ดๆ ไป จะเสียดายกันทีหลัง!
ขณะนี้...เรายังไม่ทราบว่า
ความวุ่นวายจากม็อบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะสงบลงไปนานแค่ไหน แต่ผู้คนก็หวังว่า
ความสงบจะยืนยาวไปยาวนานสักหน่อย อย่างน้อยก็ขอให้ผู้คนได้ยิ้มแย้มแจ่มใสได้เหมือนกับคนลาว และคนเขมร ประเทศไทยที่รักของเราจะได้ก้าวหน้าไปในทางดีงาม พบกับความสุขสงบเหมือนเพื่อนบ้านเขาบ้าง
อย่างไรก็ตาม แม้ม็อบพันธมิตรฯ จะสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้คน ทำให้ประเทศไทยของเราตกต่ำลงในทุกๆ มิติ แต่หากมีใครถามว่า
สิ่งใดที่น่าจดจำมากที่สุดเกี่ยวกับม็อบพันธมิตรฯ?
สำหรับ “วาทตะวัน” แล้ว สิ่งที่น่าจดจำมากที่สุดก็คือ คำให้สัมภาษณ์ของ นายอมร อมรรัตนานนท์ ซึ่งถูกออกหมายจับข้อหากบฏ ได้ให้สัมภาษณ์ ไทยรัฐ ฉบับวันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม 2551 ซึ่งรายงานข่าวว่า
"... นอกจากนี้ยังมีการนำเสื้อใน กางเกงในผู้หญิง และผู้ชาย มาแจกจ่ายให้ผู้ชุมนุมที่ปักหลักพักค้างแรมมาหลายวัน ซึ่งต้องตากแดดตากฝน แต่ไม่มีสถานที่ซักเสื้อผ้าตากแดด เคยมีผู้ชุมนุมหญิงบางคนไปเล่าให้ นายอมร อมรรัตนานนท์ หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ฟังว่า เพิ่งจะเคยเป็น ‘โรคสังคัง’ เป็นครั้งแรกในชีวิต จากการต้องสวมเสื้อผ้าอับชื้น..."
อืมมมมมมม์...ขนาดผู้หญิง...ยังเป็นสังคัง!
ชักไม่อยากเรียกการชุมนุมครั้งนี้ว่าเป็น "ม็อบพันธมิตรฯ" แต่อยากขอเรียกกลุ่มผู้ชุมนุมที่ร่วมกันสร้างความคันในหัวใจให้กับประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศมายาวนานหลายเดือนว่า เป็น...
"ม็อบ...สังคัง!!!"
ทีแรกนึกว่า ซีม่าโลชั่น ตรา "บังคับคดี" จะใช้แก้คันได้ดี แต่ไม่ยักได้ผลตามคาด
เพราะ...เชื้อมันแรง!
เห็นทีจะต้องรอยาแก้สังคังยี่ห้อ “หมายจับ” ปรุงให้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อน แล้วกระมัง!!!
วาทตะวัน สุพรรณเภษัช