WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, September 4, 2008

สื่อนอกประณามเล่ห์กลพันธมิตรล้มระบบเลือกตั้ง


สื่อนอกรุมประณามพันธมิตรฯ ตัวการสร้างความวุ่นวายในบ้านเมือง ชี้เหตุที่ไม่พอใจรัฐบาล “สมัคร” เพราะชนะการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ผิดจากความตั้งใจของการยึดอำนาจ 19 ก.ย. ระบุกลุ่มม็อบต้องการเปลี่ยนการเมืองใหม่ ล้มล้างระบบการเลือกตั้งตามวิถีทางประชาธิปไตย หันมาใช้แนวทาง 70:30 ระบุบรรดาผู้อยู่เบื้องหลังเป็นพวกศักดินา เหยียดหยามประชาชนรากหญ้า

สถานการณ์ความวุ่นวายในประเทศไทย ได้ถูกตีแผ่ไปทั่วโลกผ่านสำนักข่าวของประเทศต่างๆ โดยรวมแล้วพุ่งเป้าไปที่กลุ่มพันธมิตรทำลายประชาธิปไตย ที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับความวุ่นวายมาตั้งแต่ก่อนการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 และสาเหตุสำคัญที่พันธมิตรฯ ไม่พอใจพรรคพลังประชาชน และนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เกิดจากการชนะเลือกตั้งอย่างท่วมท้นจนสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ พร้อมทั้งแฉพันธมิตรฯ มุ่งทำลายระบบการเลือกตั้ง หลังเสนอแนวคิดการเมืองใหม่ 70:30 ที่ขัดหลักการประชาธิปไตยอย่างชัดเจน

แคนเบอร่าไทม์ ของออสเตรเลียระบุว่าแกนนำของกลุ่มพันธมิตรฯ บางคนเป็นผู้ชักนำให้เกิดการรัฐประหารเมื่อเดือน ก.ย.2549 แต่การสนับสนุนให้เกิดรัฐบาลทหารถูกคัดค้านจากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเหล่านั้นก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขายังคงสนับสนุนนโยบายเดิมของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งถูกล้มล้างไป ด้วยการลงคะแนนให้กับนโยบายเดิมอีกครั้ง นี่จึงเป็นนโยบายที่ประสบความสำเร็จที่สุดในการต่อสู้ของพรรคการเมืองไทย

ความสัมพันธ์ระหว่างออสเตรเลียและไทยเจริญก้าวหน้าขึ้นมากในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา การลงนามในข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) เมื่อปี 2548 นำไปสู่การค้าในกรอบทวิภาคีที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง แม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงนี้อยู่ในภาวะวิกฤติ ประเทศไทยยังคงเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆ สำหรับออสเตรเลีย อีกทั้งความเชื่อมโยงทางการศึกษาและวัฒนธรรมถือว่าเฟื่องฟูกว่าสมัยใด และไทยยังเป็นผู้นำด้านสถาปัตยกรรมของระบบความปลอดภัย (Security Architecture) ในภูมิภาคนี้ด้วย

ดังนั้น ออสเตรเลียต้องไตร่ตรองอย่างระมัดระวังว่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อภาวะวิกฤติในขณะนี้ จริงอยู่ นายสมัคร จะกลายเป็นคนน่ารังเกียจ หากมีความรุนแรงเกิดขึ้นกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่มีเขาเป็นสาเหตุ สถานการณ์ย่อมเป็นไปในทางที่เลวร้าย แต่เราไม่ควรคล้อยตามคำหว่านล้อมของกลุ่มพันธมิตรฯ สาเหตุหลักที่ทำให้พวกเขาไม่พอใจเป็นเพราะ นายสมัคร ชนะการเลือกตั้งซึ่งจัดขึ้นเมื่อ 9 เดือนก่อน ซึ่งกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น และพวกเขาก็ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งด้วย

กลยุทธ์ของพันธมิตรฯ ขณะนี้คือการกระตุ้นให้เกิดความรุนแรงทางการเมือง โดยหวังว่าอาจจะเกิดการแตกหักขึ้น หรือบางทีก็อาจจะเป็นการเปิดทางให้กองทัพเข้ามาแทรกแซงอีกครั้งหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม มันเป็นผลพวงจากการเลือกตั้งและกระบวนการทางรัฐสภา แต่ความไม่ดีและข้อเสียเปรียบทั้งหลายยังนำไปสู่ความหวังว่ากระบวนการพัฒนาการเมืองไทยจะดำเนินไปอย่างสงบและมีเสถียรภาพมากกว่านี้ ส่วนพันธมิตรฯ ไม่ได้ต้องการแค่เพียงเปลี่ยนรัฐบาลเท่านั้น พวกเขาต้องการล้มล้างระบบการเลือกตั้งด้วย

รอยเตอร์ส ระบุว่า พันธมิตรฯ เป็นมวลชนฝ่ายขวา ซึ่งเป็นนักธุรกิจและนักกิจกรรมทางสังคม ซึ่งเริ่มรณรงค์ต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อปี 2549 และมีส่วนต่อการรัฐประหาร 19 กันยายน โดยกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวหาว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันนั้นเป็นตัวแทนที่ไม่ชอบธรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

ขณะเดียวกันพันธมิตรฯ ฉาบสีให้ตัวเองเป็นองครักษ์พิทักษ์พระมหากษัตริย์ ต่อต้านแนวทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะเปลี่ยนประเทศไทยเป็นสาธารณรัฐ ทั้งนี้ข้อกล่าวหาดังกล่าวถูกปฏิเสธจากทั้งรัฐบาลของนายสมัครและจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

ด้านสถานีโทรทัศน์ France24 ของฝรั่งเศส รายงานความสูญเสียจากการปะทะ โดยมีผู้เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 44 คน และอ้างคำสัมภาษณ์ของ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ว่า สถานการณ์จะยังคงสงบเรียบร้อยได้โดยอาศัยการเจรจา และให้คำมั่นว่า ทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่ใช้ความรุนแรงไม่ว่าในกรณีใดๆ

อย่างไรก็ตาม France24 ระบุว่าฝ่ายผู้ชุมนุมที่เรียกตัวเองว่าพันธมิตรฯ กลับเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ โดยอ้างคำพูดของ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข หนึ่งในแกนนำพันธมิตรว่า พันธมิตรจะไม่มีการเจรจาใดๆ กับใครทั้งสิ้น นายสมัครและรัฐบาลจะต้องออกไป

France 24 ระบุว่า ตลาดหุ้นของไทยนั้นปิดตัวโดยมีการซื้อขายต่ำลง 2.33 เปอร์เซ็นต์ในวันอังคารที่ผ่านมา ภายหลังเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนสว่างของวันเดียวกัน และโดยรวมแล้ว ตลาดหุ้นของไทยมีการซื้อขายต่ำลง 24 เปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่พันธมิตรฯ เริ่มรณรงค์ต่อต้านรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวชเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

ทั้งยังระบุว่า พันธมิตรฯ เริ่มรณรงค์ต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 2006 ซึ่งขณะนี้ลี้ภัยอยู่ในประเทศอังกฤษหลังจากที่กลุ่มพันธมิตรฯ มีส่วนกระตุ้นให้เกิดการรัฐประหารขึ้นเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ซึ่งเป็นการรัฐประหารที่ปราศจากการนองเลือด โดยรักษาสถิติที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นอีกนับจากเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 ซึ่งครั้งนั้น ผู้เรียกร้องประชาธิปไตยได้เสียชีวิตไปกว่าร้อยคน บนถนนราชดำเนินซึ่งเป็นถนนเส้นเดียวกับที่พันธมิตรฯ ใช้ในการประท้วงต่อต้านรัฐบาล

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พันธมิตรฯ ได้ขยายการต่อต้านรัฐบาลไปทั่วประเทศและรวมไปถึงการนัดหยุดงาน ปิดสนามบิน หยุดการเดินรถไฟ และเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ก็ยังออกมาเรียกร้องให้มีการหยุดจ่ายน้ำ และไฟฟ้า โดยยึดเอาวันพุธที่ 3 กันยายน เป็นวันดีเดย์

France24 ระบุว่า พันธมิตรฯ นั้นประกอบไปด้วยกลุ่มศักดินา และชนชั้นกลางบางส่วน แกนนำของพันธมิตรฯ นั้นได้แสดงออกอย่างเปิดเผยว่าดูถูกคุณค่าของคะแนนเสียงของคนจนที่เป็นฐานสนับสนุนรัฐบาลของพ.ต.ท.ทักษิณ และนายสมัคร และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นฝ่ายเสนอว่า ส.ส. ที่มาจากการเลือกตั้งนั้นควรมีเพียง 30 เปอร์เซ็นต์ของที่นั่งในสภา และที่เหลือควรมาจากการแต่งตั้ง

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น มุ่งประเด็นไปที่ผลกระทบด้านการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ทำรายได้มหาศาลให้กับประเทศไทย โดยระบุว่า การประกาศจากทางการเกาหลีใต้และสิงคโปร์ เตือนนักท่องเที่ยวให้หลีกเลี่ยงการเดินทางมาประเทศไทยนั้นเป็นตัวอย่างหนึ่งที่ส่อเค้าว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยจะต้องได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤติการเมืองในครั้งนี้ ซีเอ็นเอ็นย้ำว่า รายได้จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยนั้นมีส่วนอย่างมากต่อจีดีพีของประเทศที่เติบโตอยู่ในระดับ 6.5 เปอร์เซ็นต์ และการเมืองที่ไม่สงบครั้งนี้ก็ท้าทายต่อสโลแกนของประเทศ ที่ว่า ‘สยามเมืองยิ้ม’

ซีเอ็นเอ็น อ้างการวิเคราะห์ของแอนดรูว์ วอล์กเกอร์ นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติ ออสเตรเลียว่า สื่อมวลชนของออสเตรเลียนั้นรายงานตอกย้ำความน่ากลัวที่เกิดจากเหตุการณ์ไม่สงบในประเทศไทย โดยเฉพาะการประท้วงปิดสนามบินสามแห่งในภาคใต้ซึ่งถูกแต่งเติมเรื่องราวจนดูน่ากลัวมากยิ่งขึ้นไปอีก ‘การปิดสนามบินสามแห่งในภาคใต้ และปล่อยให้มีข่าวรายงานออกมาในหน้าหนังสือพิมพ์นั้นไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยที่เคยเป็นเป้าหมายปลายทางที่เป็นมิตรสำหรับนักท่องเที่ยว’

พร้อมกันนี้ยังอ้างอิงการวิเคราะห์จาก นายกอบสิทธิ ศิลปชัย หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์การลงทุนของสถาบันวิจัยธนาคารกสิกรไทยว่า การประท้วงของพันธมิตรฯ นั้น เป็นผลร้ายต่อการตัดสินใจของนักลงทุน และส่งผลให้ประเทศไทยมีภาพลักษณ์ไม่เป็นมิตรและไม่แน่นอนสำหรับการลงทุน นอกจากนี้ การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ก็มีผลต่อการตัดสิใจของนักท่องเที่ยวเช่นกัน เพราะทำให้เกิดความไม่แน่ใจว่า เกิดอะไรขึ้นในประเทศไทยกันแน่ ปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศไทย

ทั้งนี้ประเทศที่ประกาศเตือนประชาชนของตนเองให้หลีกเลี่ยงการเดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทยขณะนี้ประกอบด้วย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ และสิงคโปร์

สำนักข่าวซินหัวของจีน รายงานว่า กองทัพได้เข้ามามีบทบาทในการควบคุมสถานการณ์ในไทยแล้ว และขณะนี้สถานการณ์ทั่วไปยังอยู่ในความเรียบร้อย โดยสำนักข่าวซินหัวอ้างอิงการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดาว่าทหารจะไม่ใช้ความรุนแรงไม่ว่าในรูปแบบใดๆ และจะพยายามเจรจากับทุกฝ่าย รวมถึงการเจรจากับฝ่ายพันธมิตรฯ ด้วย

อย่างไรก็ตาม รายงานของซินหัวอ้างคำพูดของ พล.ต.จำลอง ศรีเมืองที่ปราศรัยให้กำลังใจผู้ร่วมชุมนุมว่า รัฐบาลไม่สามารถจับกุมผู้ชุมนุมได้ เพราะคุกมีพื้นที่ไม่เพียงพอที่จะบรรจุผู้ชุมนุมทั้งหมด

เช่นเดียวกับรอยเตอร์ส ที่ยังคงรายงานข่าวอย่างเกาะติดสถานการณ์ โดยอ้างอิงคำให้สัมภาษณ์ของนายสมัคร สุนทรเวชว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินนั้น ไม่ได้เป็นไปเพื่อจะใช้ความรุนแรง แต่เพื่อยุติความรุนแรง ขณะเดียวกันอ้างการปราศรัยของ พล.ต.จำลอง ศรีเมืองที่ปลุกเร้าผู้เข้าร่วมชุมนุมไม่ให้กลัวหมายจับจากทางการ โดยระบุว่าคุกไม่มีที่ว่างพอสำหรับผู้ชุมนุม

สำหรับสื่อต่างประเทศอื่นๆ เช่น อัลจาซีราห์ เอ็นเอชเค และสเตรทไทม์ ยังคงติดตามรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่ให้น้ำหนักไปที่การให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งยืนยันว่าจะไม่มีการรัฐประหารและคำปราศรัยจากเวทีพันธมิตรฯ ที่ยังคงเดินหน้าประท้วงเพื่อขับไล่รัฐบาลต่อไป

อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากการรายงานสถานการณ์แล้ว สิ่งที่สื่อต่างประเทศจับตามอง และรายงานอย่างต่อเนื่องก็คือภาวะเศรษฐกิจไทยที่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่ยังไม่มีความแน่นอนในขณะนี้