หลักการเปลี่ยนเป็น หลักกู เมื่อไหร่ ต่อให้พูดกันเป็นชาติ หรือประท้วงกันเป็นปี ก็ยากที่จะหาข้อยุติ วิกฤติบ้านเมืองตอนนี้ ไม่ได้พูดกันที่ต้นตอของปัญหา แต่ชอบจะแก้กันที่ปลายเหตุ อะไรๆก็เลยบูดๆเบี้ยวๆพิกล ยังเอาแน่เอานอนกับทางออกของวิกฤติไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอัน อย่างดีก็แค่ข้อเสนอขั้นเวลาเท่านั้น พวกที่ชอบออกมาวิจารณ์แสดงความเห็นกันเจื้อยแจ้ว ส่วนใหญ่จะพูดความจริงแค่ด้านเดียว แต่อีกด้านที่ทำให้บ้านเมืองอึมครึมอยู่ในเวลานี้ไม่เห็นใครกล้าพูด คิดแต่จะให้อีกฝ่ายต้องรับผิดชอบกับปัญหาต้องให้ยุบสภาให้ลาออกต่างๆนานา แต่อีกฝ่ายที่ทำตัวเป็นเจ้าของประเทศไม่มีใครกล้าแตะ เส้นใหญ่ ดังนั้น เมื่อยังแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ยังเกาไม่ถูกที่คัน ปัญหา ก็ยังคาราคาซัง อย่างนี้ไปเป็นปีเป็นชาติ สุดท้ายปัญหาก็จะพันกันไปพันกันมา เป็นลิงแก้แห ผมจะยกตัวอย่างเรื่องของการแก้รัฐธรรมนูญที่กำลังฮอตก็แล้วกัน ทั้งๆที่รู้กันอยู่เต็มอกว่า แม้จะแก้รัฐธรรมนูญให้เลิศขนาดไหน ฝ่ายผู้ชุมนุม นักการเมืองฝ่ายค้านและ 40 ส.ว. ก็ไม่ยอมรับอยู่ดี แค่ปาหี่การเมือง รัฐธรรมนูญเมื่อปี 2535 ถูกประณามว่าเป็นรัฐธรรมนูญเผด็จการ พอประชาธิปไตยเบิกบานก็สรรหาผู้ทรงคุณวุฒิ วัยวุฒิ ผู้นำสังคม ทุกสาขาอาชีพมาช่วยกันร่างรัฐธรรมนูญจนได้รัฐธรรมนูญ ที่ดีที่สุดเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เป็นสุดยอดของคัมภีร์ประชาธิปไตย ทะแม่งๆก็ตรงที่ว่า ก็ได้ผู้นำที่ได้รับความไว้วางใจจากอำนาจเผด็จการ มามีส่วนร่างรัฐธรรมนูญด้วย ผมเข้าใจว่าด้วยสถานการณ์ในขณะนั้น ก็คงจะให้อำนาจรัฐบาลที่มาจากประชาชนอย่างเต็มที่เลยเขียนรัฐธรรมนูญ เป็นเกราะป้องกันไว้จนกลายเป็นค่ายกลที่ไม่มีจุดอ่อน รัฐบาลก็เข้มแข็ง พรรคการเมืองก็เข้มแข็งทันตาเห็น เผอิญได้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บุคคลที่ประสบความสำเร็จ ในการบริหารมาเป็นนายกฯ เลยเหมือนพยัคฆ์ติดปีก ส่งให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ขี่พายุทะลุฟ้า จนเป็นที่มาของระบอบทักษิณ ชาวบ้านทั้งรักทั้งหลง ก็เลยเกิดกลุ่มคนที่ต่อต้านระบอบทักษิณขึ้นมาฉีกรัฐธรรมนูญปี 40 ฉบับที่เคยยกย่องเชิดชู คลอดรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 มาใหม่ ภายใต้สมมุติฐานที่มาจาก ตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณเพียงคนเดียว ทั้งที่ทำลายหลักการประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิง ทำลายทั้งระบอบประชาธิปไตย อธิปไตย สิทธิและเสรีภาพของประชาชนที่โดนหางเลขไปด้วย อาทิคนในบ้านเลขที่ 111 เป็นต้น คนดีบางคนถูกจับขึ้นเขียงฉิบ คนบัดซบหรือระบบขัดข้อง ถึงร่างรัฐธรรมนูญกันด้วยอารมณ์. “หมัดเหล็ก”