"อดิศร" เปิดหน้าจวกรัฐบาลระงับจ่ายเงินชดเชย "สารวัตรจ๊าบ" ย้ำต้องรอผลพิสูจน์เหตุคาร์บอมบ์ แขวะแก๊งพันธมารหาเรื่องใส่ตัว-พาคนไปตาย หลังเหตุสลายผู้ชุมนุม 7 ต.ค.
นายอดิศร เพียงเกษ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ได้กล่าวกรณีที่คณะกรรมการเยียวยาได้อนุมัติเงินชดเชยให้ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ว่า ของสารวัตรจ๊าบ นั้น อยากให้รัฐบาลระงับไว้ก่อน จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่ารถจี๊ปที่ระเบิดนั้นระเบิดเพราะสาเหตุใด ถ้าตอบไม่ได้ หรือพิสูจน์ไม่ได้ ก็ไม่สมควรได้รับการชดเชยใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นวันนั้น ส่วนตัวมองว่าไม่ได้เกิดจากตำรวจ แต่เกิดจาก "พันธมิตรเพื่อประชาธิปัตย์" ถ้าไม่รวมตัวมาชุมนุมที่หน้ารัฐสภาในวันนั้นก็จะไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรง และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาดูแลสถานการณ์ก็ไม่มีอาวุธและไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง
"นอกจากนี้ สารวัตรจ๊าบ มียศถึง พันตำรวจโท ย่อมมีความรู้ด้านระเบิดเป็นอย่างดี แต่ทำพลาดจึงไม่ควรได้รับเงินค่าชดเชยจากคณะกรรมการเยียวยา หรือจากหน่วยงานใด" นายอดิศร กล่าว
ด้าน ดร.สมควร สาระโกเษษ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี นายชวรัตน์ ชาญวีรกุล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเดียวกันว่า วัตถุประสงค์หลักของรัฐบาลคือ ต้องการรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด ในกรณีของ พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี หรือ สารวัตรจ๊าบ ก็เช่นเดียวกัน ถือว่าได้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม รัฐบาลจึงต้องจ่ายค่าชดเชยให้เช่นเดียวกันตามหลักเกฎฑ์
"ตราบใดที่เป็นคนไทย คณะกรรมการเยียวยาก็จะรับผิดชอบทุกอย่างโดยไม่แบ่งฝ่ายใด และจะช่วยเหลือทุกคน ถึงแม้ในใจจะทราบกันดีว่าใครเป็นใคร หรือ ใครถูกใครผิด รัฐบาลก็ต้องช่วยเหลือ และรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น หรือแม้กระทั่งแกนนำพันธมิตรฯคนใดคนหนึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์ รัฐบาลก็จะให้ความช่วยเหลือเช่นเดียวกัน"
เมีย'สารวัตรจ๊าบ'อวดดีไม่รับเงินเยียวยาฯ
วันนี้ (29 ต.ค.) น.ส.เพ็ญพิมล ใสงาม ภรรยา พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี หรือ “สารวัตรจ๊าบ” ประธานกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินบุรีรัมย์, ผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.บุรีรัมย์ และหัวหน้าการ์ดพันธมิตรฯ ภาคอีสาน ที่ถูกระเบิดเสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา เปิดเผยว่า ตนและครอบครัวขอยืนยันจะไม่รับเงินเยียวยาช่วยเหลือจากรัฐบาล
น.ส.เพ็ญพิมล กล่าวว่า ตนอยากให้รัฐบาลออกมาแสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และให้ความเป็นธรรมกับสามีที่ถูกยัดเยียดข้อหาพกพาระเบิด ซึ่งเป็นข้อหาที่หนักมากสำหรับสามีที่เสียชีวิตไปแล้ว จึงอยากเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่สามีและวงศ์ตระกูล
นอกจากนี้ นางเพ็ญพิมล กล่าวอีกว่า ตนจะสานต่อเจตนารมณ์ของสามีที่ได้สละชีวิตต่อสู้เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ โดยจะนำเงินที่ทางกลุ่มเครือข่ายพันธมิตรฯ บริจาคมาเก็บไว้ให้กับลูกๆ และบางส่วนจะนำมาจัดตั้งสถานีวิทยุชุมชนถ่ายทอดสัญญาณเสียงของสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี เพื่อให้ประชาชนชาวบุรีรัมย์ได้รับฟังข้อมูลข่าวสารที่แท้จริง รวมทั้งความเคลื่อนไหวต่างๆ ในการต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมืองของประชาชน