เล่ห์เหลี่ยม‘ขแมร’ยังแพรวพราว ย่องฟ้อง‘ยูเนสโก’กล่าวหาไทยปาระเบิดทำ‘ปราสาทพระวิหาร’เสียหาย ด้านอธิบดีกรมสารนิเทศ ระบุจับไต๋อุบายเขมรได้ พร้อมแจงทุกเวทีโลก
หลังจากที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้หารือระดับทวิภาคีกับสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ระหว่างการประชุมอาเซม ที่ประเทศจีน เพื่อหาทางออกต่อปัญหากรณีข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุด นายเพ สิพาน โฆษกคณะรัฐมนตรีของกัมพูชา เปิดเผยว่า รัฐบาลกัมพูชาได้ยื่นคำร้องเรียนถึงองค์ การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก กล่าวหาว่าทหารไทยสร้างความเสียหายให้ปราสาทพระวิหาร ซึ่งเป็นมรดกโลก ระหว่างที่ทหารไทยและกัมพูชาปะทะกันบริเวณพรมแดนใกล้ปราสาทพระวิหารเมื่อวันที่ 15 ต.ค. โดยคำร้องเรียนดังกล่าวถูกส่งถึงยูเนสโกไม่กี่วันหลังการปะทะกัน
ด้าน นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศประเมินท่าทีของกัมพูชาแล้ว เชื่อว่าเวลานี้ชาวโลกเริ่มจะจับทางกัมพูชาได้แล้ว ว่ามักจะมีเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้น หลังจากทางกัมพูชาแสดงท่าทีที่ดีออกมา 1 วัน จะเป็นอย่างนี้ออกมาตลอด ทั้งการอ้างว่าจับทหารไทยไว้ ทหารไทยเปิดฉากยิงก่อน หรือแม้กระทั่งเรื่องกับระเบิด เป็นแนวทางที่คาดหวังได้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายไทยมีหลักฐานพร้อมชี้แจงทุกอย่าง จะเป็นเวทีใดก็ได้
อธิบดีกรมสารนิเทศ กล่าวอีกว่า‘ยูเนสโก’ไม่ใช่องค์การทางการเมือง ทั้งนี้ถ้าย้อนไปดูวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา พบ เป็นทุ่นระเบิดซึ่งยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ จนทำให้ทหารพราน 2 นายขาขาด ซึ่งมีหลักฐานชัดเจนอย่างไรก็ตาม ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ในระดับสากล
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวต่อว่า หากติดตามดูโดยตลอดจะเห็นว่า ล่าสุด นายกรัฐมนตรี สมเด็จฮุน เซน ของกัมพูชา ได้แสดงท่าทีระหว่างการประชุมอาเซม ว่าต้องการให้ทั้ง 2 ฝ่ายใช้ความอดทนที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดการปะทะกันอีก ให้ใช้แนวทางทวิภาคี หวังว่า 2 ประเทศจะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกันต่อไป ซึ่งจะเห็นว่า ทั้งหมดนี้เป็นแนวทางของประเทศไทย ที่ได้ยืนยันและเรียกร้องตลอด คือ การหารือแบบทวิภาคี