คอลัมน์ : บทบรรณาธิการ
สื่อสารมวลชนของประเทศไทย มีจุดยืนต่อเรื่องประชาธิปไตย มากน้อยเพียงใดเป็นเรื่องที่น่าสนใจในเวลานี้พอสมควร เพราะเหตุการณ์การรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ที่ผ่านมา ไม่มีสื่อสารมวลชนในประเทศไทยสำนักไหน ที่จะออกมาคัดค้านการกระทำดังกล่าว แถมมีท่าทีออกจะ “ชเลียร์” คณะเผด็จการทหาร บางพวกสมคบกันไปเป็นลูกสมุนคณะเผด็จการทหารเสียด้วยซ้ำ มาจนถึงวันนี้สื่อสารมวลชนในสถานการณ์ถูกปิดล้อม หลังจากมีความคิดปลดแอกจากระบอบเผด็จการ ปลดแอกจากระบอบอำมาตยาธิปไตย ปลดแอกจากระบอบอภิชนาธิปไตย จึงเป็นเรื่องน่าขบขันที่สุด
ได้รับรู้รับทราบสถานการณ์ดิ้นรนของสื่อสารมวลชน ที่ทำตัวเป็นนอมินีให้กับเหล่าอำมาตยาธิปไตย และอภิชนาธิปไตย ในการจัดเวทีเสวนา “เครือข่ายสานเสวนาเพื่อสันติธรรม” มีการกล่าวอ้าวถึงกิจกรรมนี้ว่าเป็นเวทีที่เปิดพื้นที่ให้กลุ่มพลังเงียบ ซึ่งเป็นเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน!!!
สื่อทั้งหลายทั้งปวงที่อยู่ใต้อาณัติ ต่างโหมประโคมข่าวกันอย่างหน้าด้านๆ ในการจัดการเสวนาดังกล่าว ถามจริงๆ ว่า คนที่เชื้อเชิญมานี่คือ คนที่เป็นพลังเงียบอย่างไร
สุเมธ ตันติเวชกุล
บวรศักดิ์ อุวรรณโณ
ประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์
คนเหล่านี้หรือคือ พลังเงียบ คนเหล่านี้หรือคือ คนที่ไม่มีพื้นที่สื่อ
แหม...จะหลอกผู้คนไปทั่วบ้านทั่วเมืองทั้งที หาตัวละครมาเล่นให้สมน้ำสมเนื้อหน่อยก็ไม่ได้
เฉพาะคนจัดงาน 3 หน่วยงาน ฟังดูน่าเลื่อมใสเสียจนอยากจะอ้วก?
สถาบันพระปกเกล้า ผู้บริหารถูกแต่งตั้งมาจากยุคไหน ไม่ใช่ คมช.หรอกหรือ?
สมาคมวิชาชีพ 2 สมาคม มีส่วนร่วมจัดคนไปเป็นสมุน ค้ำบัลลังก์ คมช. ในการไปได้ดิบได้ดีเป็น สนช. กินเงินเดือน เพิ่มเป็นแสนๆ หรอกหรือ?
ที่สำคัญคือ การจัดงานเสวนามีการถ่ายทอดสด ออกอากาศไปทั่วบ้านทั่วเมือง แต่กลับคับแคบ ไม่ยอมให้ประชาชนที่พวกเขาเองเชิญไปเข้าร่วมงานมีโอกาสอภิปราย มีโอกาสซักถาม ปิดฟลอร์กันไปเฉยๆ โดยอ้างว่ามีการถ่ายทอดสด เดี๋ยวภาพออกไปไม่สวยงาม ... !!! บรึยส์... ปิดไมโครโฟน ไปเสียเฉยๆ
เวทีแบบนี้หรือ ที่เรียกว่า “เวทีภาคประชาชน” มันควรจะเรียกใหม่เป็น “เวทีอ้างประชาชน” เสียมากกว่า
เมื่อ คณะผู้จัดรวมหัวเตี้ยม กันมาก่อน จะทำอย่างโน้นอย่างนี้ โดยการจัดฉากทำทีเป็นเสวนาเพื่อเป็นพื้นที่ของประชาชนที่เป็นกลาง แล้วแบบนี้ใครจะเชื่อถือ เชื่อมั่น ได้อีกต่อไป
เวทีแห่งนี้เป็นเวทีที่ผู้คนกังขาว่า “ไร้ความชอบธรรม” ตั้งแต่เริ่มแรก เพราะล้วนเป็นคนในเครือข่ายของ และเมื่อดำเนินการไป ก็ยิ่งสร้างความ “ไม่ชอบธรรม” ขึ้นไปอีก จะใช้คำศัพท์สวยหรู ที่เรียกว่า “สานเสวนาเพื่อสันติธรรม” ควรจะเปลี่ยนชื่อเสียใหม่ว่า “สานเสวนาเพื่อพันธมารฯครองเมือง” เสียมากกว่า ใช่ไม่ใช่...???