คอการเมืองไม่ต้องแปลกใจที่วุฒิสภาจะเกิดปัญหาขัดแย้งถึงขั้นแตกกันยับเยิน มีการรวมตัวส.ว. 2 กลุ่มแยกเป็น 2 ขั้ว ไม่มีใครยอมใคร แม้แต่ประธานวุฒิสภากับรองประธานวุฒิสภาก็ยังแยกกันยืนคนละมุม ถึงขนาดรองประธานวุฒิสภาลุกขึ้นอภิปรายซักฟอกประธานวุฒิสภา กลางที่ประชุม ดุเดือดเลือดพล่านยิ่งกว่าสภาผู้แทนราษฎร ความจริงความขัดแย้งในวุฒิสมาชิกเกิดขึ้นนานเต็มที บังเอิญเชื้อไวรัสมันฝัง ลึกจึงตรวจไม่พบอาการ แต่เหตุที่ฝีหัวช้างดันเกิดแตกในช่วงนี้ เพราะความขัดแย้งสุกงอม โดยมีประเด็นที่รัฐบาลต้องการแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 291 เพื่อจัดตั้ง ส.ส.ร.3 เป็นตัวจุดชนวน กลุ่ม 40 ส.ว. ที่มีสายสัมพันธ์กับกลุ่มพันธมิตรฯ ก็ประกาศต่อต้านสุดลิ่มทิ่มประตู แต่ ส.ว.กลุ่มที่มีสายสัมพันธ์กับรัฐบาล ก็ประกาศจะโหวตสนับสนุนให้เกิด ส.ส.ร.3 เพื่อคลี่คลายวิกฤติการเมือง เมื่อจุดยืน 2 ฝ่ายตรงข้ามกันวุฒิสภาจึงแตกออกเป็น 2 ขั้วชัดเจน แต่จุดแตกหักอย่างแรง ก็เพราะประธานวุฒิสภากับรองประธานวุฒิสภาเกิดเหยียบตาปลากันเอง เนื่องจากประธานวุฒิสภา “ประสพสุข บุญเดช” ประกาศถอนตัวไม่ร่วมประชุม 4 ฝ่าย เพื่อทำคลอด ส.ส.ร.3 เป็นการถอนตัวตามผู้นำฝ่ายค้าน “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ที่ประกาศบอยคอตไม่ร่วมสังฆกรรมกับรัฐบาล อย่างไรก็ตาม เพื่อรักษาบทบาทเป็น กลางทางการเมือง จึงได้มอบหมายให้รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 “นิคม ไวยรัชพานิช” ไปร่วมประชุมแทน แต่เมื่อถูก ส.ว.บางกลุ่มกดดันให้ประธาน วุฒิสภาแสดงจุดยืนให้ชัดเจนว่าไม่สนับสนุนการจัดตั้ง ส.ส.ร.3 ของรัฐบาล ท่านประธานวุฒิฯก็จึงออกมายืนยันว่าจะไม่ร่วมการประชุม 4 ฝ่าย เพราะไม่เชื่อว่า ส.ส.ร.3 จะเป็นทางออกที่ดี และก็ไม่ได้มอบหมายให้รองประ-ธานวุฒิสภาไปเข้าประชุมแทนตัวเอง ฉะนั้น การที่รองประธานวุฒิฯโผล่ไปร่วมประชุม 4 ฝ่าย จึงเป็นเรื่องส่วนตัว พูดง่ายๆคือ ไม่ได้ขอร้องให้ไป แต่สมัครใจไปเอง ผลก็คือ รองประธานฯ “นิคม” โดน ส.ว. โจมตีว่าใช้ชื่อวุฒิสภาไปประชุม 4 ฝ่าย เพื่อสนับสนุนรัฐบาล ถึงขนาดจะยื่นญัตติซักฟอกรองประธานวุฒิสภา ที่ทำให้วุฒิสภาเกิดความเสียหายในภาพรวม ทำให้ “รองประธานฯนิคม” ขอใช้ สิทธิ์พาดพิง เปิดอภิปรายถล่ม “ประธานฯ ประสพสุข” ซะจั๋งหนับบุเรงนอง พร้อมประกาศท้าให้ประธานวุฒิสภา ออกมาพูดความจริง เพื่อพิสูจน์บทบาทความเป็นผู้นำว่าควรต้องทำอย่างไร?? สรุปว่า เมื่อประธานกับรองประธาน ขัดแย้งกันเอง ย่อมกระทบต่อการทำงานของวุฒิสภาอย่างแน่นอน “แม่ลูกจันทร์” รู้จักนับถือ “ประธานวุฒิสภา ประสพสุข” เป็นส่วนตัว ขอยืนยันว่าท่านผู้นี้เป็นคนดี 100 เปอร์เซ็นต์ แต่คนดีเมื่อมาเจอแรงกดดันการเมือง โดยเฉพาะการเมืองยุคต้องเลือกข้าง ก็ยากที่จะยืนตรงกลางได้ตลอดเวลา ก็หวังว่าปัญหาความขัดแย้งระหว่างประธานวุฒิสภากับรองประธานวุฒิสภา จะยุติลงได้ด้วยดี (ถ้ามีการทำความเข้าใจให้ตรงกัน) อย่างไรก็ตาม ความแตกแยกในวุฒิสภาครั้งนี้กลายเป็นผลดีกับรัฐบาลโดยตรง เพราะการที่รัฐบาลเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เพื่อเปิดช่องให้มี ส.ส.ร.3 อาศัยเสียง ส.ส.รัฐบาลอย่างเดียวไม่พอ แต่ถ้าได้เสียงจาก ส.ว.มาเพิ่มอีก 20 เสียง ก็จะเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิก 2 สภารวมกัน การตั้ง ส.ส.ร.3 ก็เดินหน้าได้สะดวกโยธิน ทีนี้ฝ่ายที่ต่อต้านไม่ให้มี ส.ส.ร.3 จะเดินหมากอย่างไรต่อไป?? เกมนี้สำคัญมาก...เสือสิงห์กระทิงแรดต้องจับตาให้ดี. แม่ลูกจันทร์