อดีต คกก.สิทธิฯชี้การเมืองใหม่ของพันธมิตรจะทำประเทศไทยถอยหลังเข้าคลองไปอีก100ปี แนะวิธีแก้ปัญหาบ้านเมืองโดยประชาชนเลิกสนับสนุน
นายจรัล ดิษฐาอภิชัย อดีตคณะกรรมการสิทธิมนุยชนแห่งชาติ และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต่อเผด็จการ( นปก). เปิดเผยกับสำนักข่าวประชาทรรศน์ ถึงกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ที่กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯพาดพิงถึงคำพูดของ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา อย่างไม่เหมาะสม ว่า โดยส่วนตัวคิดว่านายสนธิ พูดหรือปราศรัยตามความคิดและประกาศจุดยืนเพื่อให้คนเลือกข้าง โดยในอดีตก็ให้เลือกว่าเอาทักษิณ หรือไม่เอาทักษิณ ตอนนี้บอกว่าจะเลือกสถาบัน หรือไม่เอาสถาบัน เพราะฉะนั้นเมื่อได้ยินใครหรือองค์การใด มาเสนอความคิดเห็นให้ยุติการใช้ความรุ่นแรงหรือหันหน้าเข้าหากัน ให้ปรองดองกัน นายสนธิ จะโมโห เพราะข้อเสนออย่างนี้ไม่เป็นผลดีกับกลุ่มพันธมิตร
นายจรัลกล่าวอีกว่า นายสนธิคงรู้สึกและคิดว่าดร.สุเมธ ที่ได้นำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมากล่าว แสดงว่าไม่ได้เข้าข้างฝ่ายพันธมิตรฯ และที่สามนายสนธิ ต้องการให้กลุ่มคนและองค์กรต่างๆเลิกมีการประชุม หรือเจรจากันและปล่อยให้พวกเขาดำเนินการไปเรื่อยๆ เพราะว่าถ้ามีการเจรจาเกิดขึ้นก็จะกิดการขัดขว้างจากกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งกรณี ดร.สุเมธ คงไม่พ้นที่จะถูกนายสนธิพูดโจมตี
“ ท่าทีของนายสนธินั้นปฎิเสธการเจรจาอย่างสันติทุกกรณีซึ่งการแสดงออกมานั้นมีความขัดแย้งกับท่าที พล.ต จำลอง ศรีเมืองที่ว่ายอมรับจะเจรจากับทุกๆฝ่าย ซึ่งแสดงเห็นได้ว่าเกิดการขัดแย้งกันในกลุ่มแกนนำพันธมิตรฯ”นายจรัล กล่าว
ต่อข้อถามของผู้สื่อข่าวที่ว่า แล้วการประท้วงครั้งนี้ นายสนธิจะได้อะไร นายจรัลตอบว่า ความต้องการของนายสนธิคือ ต้องการจะล้มรัฐบาล ล้มระบอบประชาธิปไตร และให้สภาการเมืองหยุดความเคลื่อนไหวเรื่องการเสวนาต่างๆ และสร้างการเมืองใหม่ของตนเอง
ส่วนประชาชนปฎิบัติตนทำอย่างไรกับสถานการณ์เช่นนี้ นายจรัล กล่าวว่า ประชาชนต้องประนามอย่าไปสนับสนุน อย่าไปร่วมมือ กับกลุ่มพันธมิตร ถ้าไม่มีใครสนับสนุน“มันก็หยุดมันก็เลิก” แล้วประชาชนอย่าแบ่งฝ่ายกันเองต้องสามัคคีกันให้มาก ส่วนสถานีASTVนั้นมันควรจะปิดไปได้นานแล้ว
สุดท้ายนายจรัลได้กล่าวสรุปว่า หากบ้านเมืองต้องเป็นไปตามเกมของกลุ่มพันธมิตรฯแล้ว ผลที่เกิดขึ้นกับบ้านเมืองเราคือ เราจะถอยหลังไปอีก 100 ปี และยิ่งอยู่ในช่วงภาวะวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรปตกต่ำ ประเทศไทยจะยิ่ง ย่ำแย่ อัตตราคนว่างงานเพิ่มสูงขึ้น ธุรกิจขนาดเล็กขนาดกลางจะถึงจุดจบ และจะเกิดวิฤกตภายในประเทศ ตราบใดที่พันธมิตรยังดื้อด้านจะยึดทำเนียบไล่นายกต่อไป
'ณัฐวุฒิ'ไล่พธม.ตั้งรัฐอิสระออกใบอนุญาตพกอาวุธ
นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ขอใบอนุญาติการพกพาอาวุธให้กับการ์ดพันธมิตรฯว่า ถ้าเรื่องนี้ถ้าหากทำได้ก็เหมือนกับการตั้งรัฐอิสระ อีกทั้งจะทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานยากขึ้น และน่าเห็นใจประชาธิปไตยในประเทศไทยเพราะสิ่งที่กำลังทำอยู่นั่นหมายถึงคุณกำลังมีกองกำลังติดอาวุธและคุณกำลังบอกว่ากองกำลังติดอาวุธของคุณเป็นเรื่องถูกกฎหมายและคุณก็จะบอกว่าใครก็ตามที่ติดอาวุธและไม่มีใบอนุญาตจากคุณก็เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายก็หมายถึงว่าคุณสถาปนารัฐอิสระ ในประเทศนี้จะมีใครให้มีกองกำลังอาวุธเป็นพันคนเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็เป็นการอธิบายวิธีคิดของกลุ่มพันธมิตรฯวันนี้มันหลุดโลกไปแล้ว เกินเลยกว่าที่สังคมประชาธิปไตยใดในโลกจะยอมรับได้ เพียงแต่ในประเทศนี้ยังมีคนช่วยอธิบายและสร้างความชอบธรรมให้กับการเคลื่อนไหวของคนกลุ่มนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าเกิดพันธมิตรฯอ้างว่าการพกพาอาวุธเพื่อป้องกันตัวเองได้หรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า อ้างไม่ได้ในประเทศนี้จะมีกองกำลังติดอาวุธใดๆนอกเหนือจากเจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่ได้ การที่จะมีกองกำลังติดอาวุธเป็นพันคนและอ้างว่าจะเอามาปกป้องตัวเองนั่นเท่ากับเป็นการสถาปนาตั้งรัฐอิสระ ตนถามว่าถ้าคนเป็นพันคนในประเทศนี้ติดอาวุธที่ออกใบอนุญาติให้กันเองได้และพกพาไปไหนต่อไหนได้โดยไม่ยินยอมปฎิบัติตามกฎหมายสังคมนี้จะเกิดอะไรขึ้น กลุ่มพันธมิตรฯมีอำนาจอะไรที่จะประกาศออกใบพกพาอาวุธให้กับคนนั้นคนนี้
จวก'อภิสิทธิ์'หัวหดไม่กล้าด่าพันธมารทำผิดกม.
นอกจากนี้ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนอยากฝากคำถามไปถึงนักวิชาการ ส.ว.และพรรคประชาธิปัตย์ว่าที่บอกว่าการชุมนุมของพันธมิตรฯชอบด้วยเหตุผล ชอบด้วยกฎหมายต่างๆนานาจนถึงวันนี้เขาจะขอออกใบอนุญาติพกพาอาวุธให้คนพันคน มีความคิดเห็นอย่างไร พรรคประชาธิปัตย์ยังคิดที่จะแสดงความเกรงอกเกรงใจเป็นอย่างยิ่งกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯต่อไปหรือไม่จนถึงวันนี้คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล้าพูดทุกอย่าง กล้าบอกให้รัฐบาลรับผิดชอบ กล้าบอกว่ารัฐบาลมือเปื้อนเลือด กล้าบอกให้รัฐบาลยุบสภาฯ อย่างเดียวที่คุณอภิสิทธิ์ไม่กล้าพูดว่าพันธมิตรฯทำผิดกฎหมาย ไม่กล้าพูดว่าพันธมิตรฯทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะปฎิบัติหน้าที่ ไม่กล้าพูดว่าพันธมิตรฯใช้อาวุธในการชุมนุม ซึ่งไม่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ หรือไม่กล้าพูดว่าพันธมิตรฯจะต้องออกจากทำเนียบรัฐบาล คุณอภิสิทธิ์ไม่เคยกล้าพูดคำเหล่านี้เลย คุณอภิสิทธิ์จะรอจนกว่านายสุริยะใส ออกใบพกพาอาวุธเสร็จก่อนหรืออย่างไร ดังนั้นผมเห็นว่าเรื่องอย่างนี้ประชาชนจะต้องพิจารณาและพรรคประชาธิปัตย์ต้องทำตัวให้เหมือนกับพรรคการเมืองของประชาชน ไม่ใช่พรรคการเมืองของพันธมิตรฯเท่านั้น”นายณัฐวุฒิ กล่าว
เมื่อถามว่า อย่างกรณีนปช.ตั้งกองกำลังถือว่าผิดกฎหมายหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนคิดว่านปช.ไม่มีการตั้งกองกำลังใดๆที่เป็นกองกำลังตนเข้าใจว่าเป็นกองกำลังที่เรียกตนเองว่านักรบพระเจ้าตากของพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ซึ่งได้ประกาศว่าไม่ใช่นปช.เพียงแต่ไม่เห็นด้วยกับพันธมิตรฯและตนยืนยันว่ากองกำลังนักรบกลุ่มใดก็ตามที่ประกาศตัวออกมาตอนนี้คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะพกพาอาวุธ คุณไม่มีสิทธิ์ใช้อาวุธในการชุมนุมและกลุ่มใดที่ใช้ถือว่าเป็นการชุมนุมที่อยู่นอกกฎหมายและไม่ได้รับการคุ้มครองจากรัฐธรรมนูญ
ต่อข้อถามว่า กรณีที่ตรวจพบแกนลอนน้ำมันของกลุ่มนปช.ที่พยามใช้ผ้าจุ่มน้ำมันแล้วยิงเข้าไปในทำเนียบ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องนี้ หากมีกรณีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินการ ไม่มีใครมีอภิสิทธิเหนือผู้อื่น ไม่มีใครมีอำนาจพิเศษใช้อาวุธทำร้ายร่างการซึ่งกันและกัน ตนยืนยันเช่นนั้น