'โอฬาร'ระบุที่ประชุมอาเชียนยอมรับ 6 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทย ยืนยันเอเชียรับมือวิกฤตศก.โลกได้ ลุยตั้งทีม'ไทยแลนด์'หนุนการส่งออก พร้อมมั่นใจเศรษฐกิจปีนี้จะเติบโตประมาณร้อยละ4
นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ประเดิมออกรายการ รัฐบาลของประชาชน ครั้งแรกให้สัมภาษณ์กับ นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถึงการเจรจาทวิภาคี ระหว่างนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยระบุว่า บรรยากาศการหารือเป็นไปด้วยดีเหมือนพี่น้อง โดยเชื่อมั่นว่า หลังจากวันที่ 28 พ.ย.นี้ ประเทศไทยจะขอกรอบจากที่ประชุมรัฐสภา เพื่อตั้งคณะกรรมการชายแดน สถานการณ์จะเรียบร้อย โดยจะคงเดินหน้าต่อด้านการลงทุนและจะไม่มีการใช้ความรุนแรง ซึ่งเหตุการณ์ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นความไม่ตั้งใจของทั้ง 2 ฝ่าย
ทั้งนี้ นายสมพงษ์ ยังระบุถึงการประชุมอาเซียนบวก 3 ว่า ได้หารือนอกรอบ ถึงวิกฤติการเงินของสหรัฐ เพื่อเตรียมหาทางป้องกันผลกระทบ โดยมีการนำข้อเสนอสมัยวิกฤติต้มยำกุ้งมาดำเนินการด้วย อย่างไรก็ตาม รมว.ต่างประเทศ ยังเปิดเผยอีกด้วยว่า การประชุมอาเซียนซัมมิท นั้นมีแนวคิดเปลี่ยนสถานที่ จากกรุงเทพมหานคร เป็นเชียงใหม่โดยจะรอข้อสรุปอีกครั้ง
'โอฬาร'ชี้รับมือวิกฤตศก.โลกได้
ขณะที่ ดร.โอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายรัฐบาลของประชน ถึงการเจรจาทวิภาคี ว่าการหารือในประเด็นสำคัญนั้นเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งปลายปีนี้ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมอาเซียนบวก 3 ที่จังหวัดเชียงใหม่เพื่อหาทางออกในการแก้วิกฤตทางการเงินของสหรัฐ ซึ่งเปรียบเสมือนหลุมดำ แต่ในเอเซียได้รับผลกระทบน้อย ซึ่งจุดที่ได้รับผลกระทบมากทีสุดคือตลาดหุ้น
นายโอฬาร กล่าวอีกว่า เอเชียคงหนีไม่พ้นที่จะได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจของสหรัฐ แต่เชื่อว่าคงมีไม่มากนัก เนื่องจากเอเชียยังมีกองทุนที่เพียงพอในการรับมือ โดยเฉพาะระบบธนาคารที่มีทุนสำรองอยู่14-15 % ซึ่งยังสูงกว่ามาตรฐาน แต่ทั้งนี้ในส่วนที่ได้รับผลกระทบ คือ ตลาดหุ้น เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากตะวันตก ซึ่งมีการเทขายหุ้นออก ดังนั้นเป็นโอกาสอันดีที่นักลงทุนเอเชียและไทยจะเข้าไปช้อนซื้อหุ้นที่ดีและราคาถูก ทั้งนี้หากเอเชียมีเงินเพียงพอ คาดว่าจะทำให้ GDP สามารถอยู่ที่ 5%ได้
อย่างไรก็ตามในส่วนของมาตรการของรัฐบาลที่จะออกมาจะเป็นเม็ดเงินประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท โดยจะมีในส่วนของกองทุนหมู่บ้าน หรือ SML สินเชื่อรวมกันปี 52 4.5แสนล้านบาท ซึ่งจะขยายตัวร้อยละ 5 นอกจากนี้จะเร่งการส่งออกและนำเข้าโดยการตั้งทีมไทยแลนด์ ทั้งกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงท่องเที่ยวฯ กระทรวงพาณิชย์ โดยปี 2552 ให้ขยายตัวให้ได้ร้อยละ 5 หรือ เป็นเงิน 3.6 แสนล้านบาท โดยตลาดเป้าหมาย คือ เอเชีย แอฟริกา ตะวันออกกลาง โดยจะมีการเจรจากันระหว่างรัฐต่อรัฐ รวมทั้งจะมีการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาล 1.8 แสนล้านบาท และโครงการเมกกะโปรเจคเพิ่มงบในปี 52 1แสนล้านบาท ซึ่งเม็ดเงินที่จะใช้จะเป็นเงินจากรัฐวิสาหกิจ เงินกู้จากในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะเงินกู้ในต่างประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีของจีนนั้นยินดีที่จะปล่อยกู้แบบผ่อนปรน 400 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการเมกะโปรเจกต์ ส่วนราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำในขณะนี้ ก็ได้ใช้กลไกตลาด แทรกแซงราคา ทั้ง ยางพารา ข้าวโพด ข้าว และได้มีการดำเนินนโยบาย กำหนดราคาสินค้าขั้นต่ำ ในส่วนของข้าวแล้ว
อย่างไรก็ตามจะเสนอการการรับประกันราคาข้าวโพดในวันที่ 28 ต.ค.นี้ ส่วนยางพาราจะมีการหารือกับก.เกษตรและสหกรณ์ในวันที่ 29 ต.ค.หรือ 30 ต.ค.นี้
นอกจากนี้ นายโฮฬาร กล่าวอีกด้วยว่า ที่ประชุมอาเซียนให้การยอมรับ 6 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย พร้อมเชื่อมั่นว่า หากมีการดำเนินการตามที่ได้ระบุไว้ ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ของเป้าหมาย จำนวน2 ล้านล้านบาท เศรษฐกิจไทยจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ร้อยละ 4