ที่มา thaifreenews
หลังการประหารชีวิต พลเอกฮิเดกิ โตโจ ตามคำพิพากษาของศาลอาชญากรสงครามของฝ่ายสัมพันธมิตร ได้มีการสำรวจทรัพย์สินของนายพลผู้เฒ่าอาชญากรสงครามที่ทางสัมพันธมิตรอายัดไว้ และพบว่าเขาไม่มีทรัพย์สมบัติอะไรเหลืออยู่เลยนอกจากบ้านเก่า ๆ หนึ่งหลัง ฝ่ายสัมพันธมิตรตัดสินใจส่งคืนให้กับภรรยาหม้ายของโตโจไป
พลเอกฮิเดกิ โตโจ เป็นนายทหารอาชีพที่มีเกียรติประวัติดีเด่น เขาเป็นคนดีซื่อสัตย์และมีคุณสมบัติครบถ้วนของความเป็นสุภาพบุรุษตามมาตรฐานของซามูไร เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงทหารบกในรัฐบาลของเจ้าชายโคโนเอะ เมื่อที่ประชุมร่วมกับสมเด็จพระจักรพรรดิของรัฐบาลโน้มเอียงไปในทางการทำสงคราม เข้าชายโคโนเอะได้กราบถวายบังคมลาออกจากนายกรัฐมนตรี และ โตโจ ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นสืบต่อมา อันเป็นการเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่สอง ด้วยการถล่มเพิร์ลฮาเบอร์ พร้อม ๆ บุกเข้าสู่อินโดจีน สยาม มลายู ฟิลิปปินส์ ฯลฯ ในเวลาต่อ ๆ มา ด้วยชัยชนะติดต่อกันมาระยะหนึ่ง ก่อนจะเริ่มพ่ายแพ้และกลายเป็นฝ่ายรับหลังยุทธนาวีที่มิดเวย์ โตโจ ต้องลาออกเมื่อชัดเจนว่าญี่ปุ่นกำลังเพลี่ยงพล้ำในสงคราม ที่ยุติลงด้วยการทิ้งระเบิดปรมาณูของสหรัฐอเมริกาลงในเมืองใหญ่ของญี่ปุ่นและสมเด็จพระจักรพรรดิทรงประกาศยุติสงครามด้วยการยอมแพ้ต่อสัมพันธมิตรอย่างไม่มีเงื่อนไข
พลเอกฮิเดกิ โตโจ บริหารประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลานานในช่วงสงคราม เขาเป็นตัวอย่างของนายทหารที่จงรักภักดีต่อสมเด็จพระจักรพรรดิอย่างยิ่งยวด มีหลักฐานหลายครั้งว่าเขาดำเนินนโยบายด้วยความเคารพในแนวทางที่สมเด็จพระจักรพรรดิทรงมีพระประสงค์แม้จะมีเหตุผลด้านอื่นที่ดีกว่า หลังสงครามเขาถูกจับกุมตัวนำขึ้นพิจารณาคดีในศาลอาชญากรสงคราม ในวันที่ถูกจับเขาพยายามยิงตัวตาย แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ คำให้การของเขาต่อศาลอาชญากรสงครามนั้นยืนยันความรับผิดชอบแต่ผู้เดียวในการก่อสงคราม รวมไปถึงคำให้การที่ชี้ว่า สมเด็จพระจักรพรรดิ์ฮิโรฮิโตมิได้ทรงเกี่ยวข้องกับการเริ่มสงคราม
หากจะดูการกระทำของพลเอกฮิเดกิ โตโจ จะพบว่าเขาเป็นหนึ่งในคนที่เป็นตัวอย่างของการเป็นคนดี ไม่ทุจริตคอร์รัปชั่น ชีวิตส่วนตัวเรียบง่ายสมถะ นิยมการเขียนบทกวีและชื่นชมกับธรรมชาติ ที่สำคัญเขาอุทิศได้แม้แต่ชีวิตเพื่อปกป้องพระเกียรติยศของสมเด็จพระจักรพรรดิด้วยการขอรับผิดชอบแต่ผู้เดียวต่อความผิดพลาดที่ทำให้ญี่ปุ่นเข้าสู่สงครามและพ่ายแพ้อย่างน่าอัปยศอดสู ซึ่งสังเวยด้วยชีวิตของทหารและพลเรือนของญี่ปุ่นนับสิบล้านคน ไม่รวมถึงทรัพย์สินและเกียรติยศของประเทศ ที่ย่อยยับไปกับการต้องตกเป็นประเทศที่ถูกยึดครองโดยไทต่างด้าวท้าวต่างแดนเป็นเวลาหลายปีหลังสงคราม
ปัญหาก็คือคนดีอย่างนี้ บริหารประเทศจนพินาศย่อยยับกันอย่างนี้ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วหรือ? มีตัวอย่างของคนดีจำนวนมากในประวัติศาสตร์โลกที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ตายไปโดยไม่เหลือทรัพย์สมบัติอะไรเลย แต่นโยบายและวิธีการที่ต้องการให้ประเทศเป็นรัฐในอุดมคติ กลับสร้างความพินาศต่อประชาชนและประเทศชาติอย่างย่อยยับ พอลพต ก็เป็นคนดี เขาไม่มีทรัพย์สมบัติอะไรเลย ตายอย่างอนาถา ศพถูกเผาในโลงไม้ที่ต่อขึ้นหยาบ ๆ ตลอดชีวิตไม่เคยหาประโยชน์ใส่ตัวเลย แม้แต่ในตอนที่ปกครองประเทศกัมพูชาประชาธิปไตยอยู่ เจียงชิง และแก๊งค์สี่คน ก็ต้องการสร้างประเทศจีนที่บริสุทธิ์ในอุดมคติ ประชาชนรักประเทศชาติและระบอบสังคมนิยม เห็นแก่ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว การปฏิวัติวัฒนธรรมมีอุดมการณ์เช่นนั้น แต่ถูกต้องแล้วหรือ ที่คนพวกหนึ่งมีความคิดแบบนั้น ต้องบังคับให้คนอื่น ๆ มีความคิดแบบเดียวกับตนเอง ที่มันเกิดผลต่อมาว่า ทุกคนต้องลำบากแสนเข็ญเพื่อให้บรรลุอุดมคตินั้นของพวกเขา นี่เป็นเรื่องกิเลศตัณหาส่วนตัว ไม่ใช่การกระทำเพื่อส่วนรวม
อยากจะถามคนที่คิดว่าตัวเองมีจริยธรรมสูงส่งและใช้วิธีแบบไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกลกับการพยายามเปลี่ยนระบอบประชาธิปไตยจากแบบวันแมนวันโหวต ไปเป็น 70/30 หน่อยว่า คุณมีสิทธิอะไรที่จะคิดว่าพวกคุณทำถูก คุณบอกว่านักการเมืองไม่ดี พวกคุณดีคนเดียว คุณเป็นใคร เอาละพวกคุณว่าตัวเองเป็นคนดี แต่การทำให้ประเทศพินาศย่อยยับนี่มันถูกต้องหรือ น่ารำคาญพวกที่เอาแต่เรียกร้องจริยธรรม แต่บีบบังคับคนอื่นให้เห็นด้วยกับตัวเอง โดยที่ลึกลงไปแล้ว เจตนารมณ์อันแท้จริงนั้นก็เพียงเพื่อการได้อำนาจรัฐของคนไม่มีหนทางจะหาได้จากระบบปกติที่โลกเขายอมรับเท่านั้น พวกคุณต่างหากที่ “บ้าอำนาจ”
อยากรวมไปถึงนายทหารทั้งหลายที่คิดว่าตนกำลังกระทำ “ความดี” ด้วยการผลักดันให้เกิดรัฐบาลที่ประชาชนไม่ยอมรับแต่เป็นไปตามคำสั่งด้วยเช่นกัน ว่าคุณรู้กันหรือเปล่าว่าประเทศชาติอาจจะแตกเป็นเสี่ยงและพินาศย่อยยับจากการพยายามกระทำสิ่งที่คุณคิดกันว่าเป็น “ความดี” ค่อนข้างแน่นอน และพวกคุณพร้อมแล้วหรือที่จะถูกลงโทษจากประชาชนผู้รักประชาธิปไตยอย่างสาสม