WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Sunday, January 18, 2009

ต้นไม้ิพิษประชาธิปไตย

ที่มา thaifreenews

บทความ โดย ปูนนก

รัฐบาลนายกอภิสิทธิ์ได้รับการโปรดเกล้า และผ่านการแถลงนโยบายจนได้เป็นรัฐบาลอย่างสมบูรณ์แล้วอย่างทุลักทุเล พรรคประชาธิปัตย์ต้องใช้เวลาเกือบ 10 ปี จากการเป็นรัฐบาลครั้งสุดท้ายกว่าจะได้กลับมาครองอำนาจรัฐบาลอีกครั้ง....... ความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับจากนโยบายของพรรคไทยรักไทย และแม้แต่พรรคพลังประชาชน ในการเลือกตั้ง 3 ครั้งล่าสุด แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าประชาชนไทยส่วนใหญ่ที่ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง มิได้ชื่นชอบนโยบาย และการบริหารงานของพรรคประชาธิปัตย์ที่ดำรงคงอยู่มาถึง 60 ปี

การพ่ายแพ้ต่อนโยบายและการบริหารงานของพรรคไทยรักไทยที่มีอายุเพียง 5 ปี (ขณะเลือกตั้งปี 2544) แสดงให้เห็นว่าอายุอันยืนยาวของพรรคประชาธิปัตย์มิได้สั่งสมความนิยมชมชอบต่อประชาชนส่วนใหญ่ (ที่เป็นคนรากหญ้า) ของประเทศอย่างเพียงพอเลย.......อายุ 60 ปีถ้าเป็นคนก็เข้าสู่วัยชรา ถ้าเป็นต้นไม้ก็เป็นไม้ใหญ่ที่แผ่ขยายกิ่งก้านสาขา และร่มเงาออกไปมากมาย เป็นที่พักพิงและบังแดดบังฝนให้กับผู้เข้ามาอยู่อาศัยได้อย่างเต็มที่

แต่ทว่าต้นไม้่ใหญ่ที่พรรคประชาธิปัตย์ได้แผ่ขยายเอาไว้ตลอด 60 ปีนั้น คือ ต้นไม้ใหญ่ประเภทใดกัน....พรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหลายครั้งที่ผ่านมาล้วนเกิดมาจากการฉกฉวยผลประโยชน์จากวิกฤติของชาติทั้งสิ้น....มิใช่การเป็นผู้นำในการเข้ามาแก้ไขวิกฤติ แต่เป็นการฉกฉวยประโยชน์จากวิกฤตินั้น ๆ แล้วเข้ามาสู่อำนาจรัฐ เช่นสมัยหลังวิกฤตการณ์ 14 ต.ค. 2516 หรือ 6 ตุลาคม 2519 และครั้งสุดท้ายก็คือหลังยุค รสช. ใช้สโลแกน พรรคเทพ พรรคมาร แล้วเข้ามาสู่อำนาจรัฐหลังจากที่ นายกเชาวลิต ลาออกไปเพราะนโยบายการลอยตัวค่าเงินบาทจนนำมาสู่การล้มละลายทางการเงินของประเทศ.....

อันที่จริงการล้มละลายทางการเงินของประเทศไทยนั้น เหมือนกับการพรรคประชาธิปัตย์ได้ปลูกต้นไม้พิษเอาไว้กลางสวนในประเทศ คือนายธารินทร์ นิมมาเหมินทร์ รมว. กระทรวงการคลังได้เปิดเสรีีทางการเิงิน ฺBIBF ในปี 2537 แล้วมาส่งผลรุนแรงเอาในปี 2540 เพราะไม่มีการควบคุมวินัยทางการเงินให้ดีพอจึงทำให้ประเทศต้องลอยตัวค่าเงินบาทจนชาติเกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจจนต้องเข้าโครงการเงินช่วยเหลือฉุกเฉินของ IMF และได้เกิดโครงการ ปรส. อันลือลั่น.....และด้้วยวิกฤติทางเศรษฐกิจครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ก็มิได้มาช่วยเหลือแก้ไขให้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศกลับฟื้นคืนชีวิตทางเศรษฐกิจทีดีขึ้นแต่อย่างใด แต่ทุก ๆ นโยบายที่ออกมาในช่วงเวลานั้นเหมือนกับการตอกย้ำ เหยียบย่ำให้ประชาชนชาวบ้าน ต้องตกเป็นเบี้ยล่างของสถาบันการเงินอย่างไม่มีโอกาสแก้ไขได้.....

หลังจากความพ่ายแพ้ต่อการเลือกตั้งใหญ่ถึง 3 ครั้งติดต่อกัน จากพรรคเกิดใหม่อย่างไทยรักไทย ด้วยความที่พรรคไทยรักไทยได้นำนโยบายที่ใช้ในการหาเสียงมาปฏิบัติได้จริงจนเป็นที่ชื่นชอบของประชาชนผู้ด้อยโอกาสของประเทศ สารพัดโครงการที่เรียกว่า โครงการเอื้ออาทร ได้เกิดขึ้น เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้ผู้ด้อยโอกาสได้มีที่ยืนในสังคม และทำให้ ทุก ๆ คน ในประเทศได้ประโยชน์และเติบโตขึ้นไปพร้อมกัน….. และเมื่อสู้ด้วยนโยบายไม่ได้ พรรคประชาธิปัตย์และแนวร่วมเผด็จการก็ใช้ยุทธวิธีที่ถนัดคือ การประดิษฐ์ถ้อยคำ เพื่อโจมตีฝ่ายตรงข้าม ระบอบทักษิณ......ประชานิยม กลายเป็นเครื่องมือที่ใช้โจมตีรัฐบาลไทยรักไทย จนเกิดกระแสต่อต้านจากนายทุนทื่เสียผลประโยชน์บางส่วนปลุกเร้าให้เกิดการเคลื่อนไหวในนามของ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นมาในเวลานั้น......

เมื่อสู้ด้วยนโยบายไม่ได้ สู้ด้วยความนิยมของประชาชนไม่ได้ ในที่สุดแนวร่วมเผด็จการอมาตย์ที่ต้องการล้มล้างประชาธิปไตย ก็ใช้กำลังเข้ายึดอำนาจของประชาชนเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 และโดยอำนาจตุลาการภิวัฒน์ ก็สั่งยุบพรรคไทยรักไทย และตัดสิทธิทางการเมืองของผู้บริหารพรรค 111 คนเป็นเวลา 5 ปี เพียงเพื่อเปิดโอกาสให้พรรคประชาธิปัตย์ได้มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งต่อมา.....แต่ถึงกระนั้น ในนามของพรรคพลังประชาชนที่คือตัวแทนของพรรคไทยรักไทย แต่เป็นผู้สมัคร สส. รุ่นที่ 2 ก็ยังเอาชนะพรรคประชาธิปัตย์ที่มีแกนนำสำคัญครบถ้วนได้อย่างถล่มทลาย......

สุดท้ายเพียงเพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์ได้อำนาจการปกครองประเทศมาให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ตุลาการภิวัฒน์ก็ทำหน้าที่อีกครั้งอย่างซื่อสัตย์โดยยุบพรรค 3 พรรคพร้อมกันในวันเดียว และด้วยวิชาจารกรรม สส. ที่คุ้นเคย พรรคประชาธิปัตย์ก็ใช้วิธีการอันต่ำทรามทั้งอำนาจเงินและอำนาจทหาร ข่มขู่ จนกระทั่งรวบรวมเสียง สส. เอามาไว้จนจัดตั้งรัฐบาลได้ แม้ว่าจะได้เสียงเพียงแค่ปริ่มน้ำ แต่ก็ขอให้เป็นรัฐบาลก็แล้วกัน......

รัฐบาลที่มีเสียงปริ่มน้ำขนาดนี้จะมีไว้เพื่อทำอะไร เพื่อแก้ปัญหาวิกฤติชาติที่กำลังรุมเร้าอยู่รอบด้านนี้กระนั้นหรือ คงเป็นเรื่องยากเพราะเพียงแค่จะแถลงนโยบาย ก็ยังต้องหนีไปแถลงที่กระทรวงการต่างประเทศเสียแล้ว..... การแต่งตั้งพลพรรคของ พธม. ที่ทั่วทั้งโลกประณามว่าเป็นผู้ก่อการร้ายที่ยึดสนามบินนานาชาติ ขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีและที่ปรึกษารัฐมนตรี ได้กลายเป็นที่ครหาและหัวเราะเยาะไปทั่วทั้งโลก.........ยังไม่รวมถึงการที่จะต้องฝ่าฟันกับ สส. พรรคร่วมรัฐบาลและผู้ที่อ้างบุญคุณที่ผลักดันจนกระทั่ง พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ทั้งภายในพรรคประชาธิปัตย์เอง และพรรคร่วม เพียงแค่นี่ก็ไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นแล้ว......

สมัยประชุมสภาที่กำลังจะเปิดขึ้นนั้น ด่านแรกที่จะต้องผจญก็คือ การอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะนาย กษิต ภิรมย์ รมว. กระทรวงการต่างประเทศ และรวมถึงคุณสมบัติของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ขณะที่ภายนอกสภาประชาชนเสื้อแดงจำนวนมากก็จะทวงถามถึง การดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิดในการบุกยึดทำเนียบรัฐบาลและสนามบินสุวรรณภูมิ..... แต่ถึงอย่างไรผมก็เชื่อว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ก็คงจะได้รับการอุ้ม และลากถูลู่ถูกังกันไปจนได้ แม้จะเลือดสาด หูแหว่ง จมูกวิ่นอย่างไรก็ตาม ก็คงจะผ่านไปได้ ตราบใดที่ต้นไม้พิษต้นนี้ยังมีเจ้าของต้นไม้ ทีคอยดูแลเอาใจใส่คอยรดน้ำใส่ปุ๋ยพรวนดินกำจัดวัชพืชให้อยู่ตลอดเวลา......อย่าง่ไรเสียงต้นไม้พิษประชาธิปัตย์นี้ก็คงไม่จะตาย หรือถูกถอนรากออกไปแน่นอน.............

พรรคประชาธิปัตย์เหมือนกับต้นไม้พิษและประชาธิปไตย ตลอดระยะเวลา 60 ปีที่พรรคนี้ดำรงอยู่ ไม่เคยเห็นการพัฒนาประชาธิปไตยให้ประชาชนได้มีอำนาจอย่างเต็มที่อย่างแท้จริงจากนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์เลยสักครั้ง แม้ครั้งนี้นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์จะดูเหมือนเป็นประชานิยมอย่างเต็มที่ แต่ก็เป็นนโยบายที่ออกมาในรูปแบบเดียวกันกับนโยบายเงินกู้มิยาซาว่า ที่เอาลงมาพัฒนาท้องถิ่นขุดบ่อ, ลอกคลอง, ทำประปาหมู่บ้าน, ฯลฯ แล้วก็หมด จากนั้นโครงการเหล่านั้นก็ถูกทิ้งร้าง เพราะชาวบ้านไม่มีกิจกรรมอื่นที่จะสามารถต่อยอดโครงการได้.......

เมื่อต้นไม้ประชาธิปัตย์เป็นพิษต่อประชาธิปไตย (ที่อำนาจการตัดสินใจอยู่ที่ประชาชน) ก็ไม่มีทางที่ผลแห่งต้นไม้พิษนี้จะเป็นผลแห่งประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบได้ นอกจากการเข้าสู่อำนาจรัฐเพื่อหาผลประโยชน์ให้กับพวกพ้องและตนเอง และพยายามที่จะคงอำนาจของตนเองเอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้.....

อย่างไรก็ดีเมื่อมองดูต้นไม้ที่เป็นพิษต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างพรรคประชาธิปัตย์นี้แล้ว ก็ขอให้พึงระลึกถึงเจ้าของต้นไม้ที่คอยดูแลทะนุถนอมต้นไม้พิษนี้ ทั้งยังคอยประคบประหงมไม่ยอมให้ต้นไม้พิษต้นนี้ตายไป ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าประชาชนไทยที่อยู่ในแผ่นดินนี้ต่างก็ไม่ได้พึงพอใจกับต้นไม้ต้นนี้แม้แต่น้อย......... ดังนั้นทุกครั้งที่นึกถึงต้นไม้พิษต่อระบอบประชาธิปไตยอย่างพรรคประชาธิปัตย์ ขอให้นึกถึงเจ้าของต้นไม้.....และช่วยกันบอกเจ้าของต้นไม้ด้วยว่า........ เราประชาชนไทยต้องการต้นไม้ประชาธิปไตย ไม่ใช่ต้นไม้พิษที่ทำลายประชาธิปไตย อีกต่อไปแล้ว........

ปูนนก