WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, January 23, 2009

“เฉลิม” ไล่บี้คดีพันธมิตร-ปลด “กษิต”

ที่มา ไทยรัฐ

“เชาวริน” ถามกระทู้ถอดยศ “ทักษิณ”

เมื่อวันที่ 22 ม.ค. มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดย ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน ตั้งกระทู้ถามเรื่องกรณีถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ลงมติว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีความผิดในคดีที่ดินรัชดานั้น ยึดหลักฐานแค่กระดาษแผ่นเดียวคือ ใบเซ็นยินยอมของคู่สมรสที่ให้คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ไปซื้อที่ดินเท่านั้น แต่ตำรวจที่โง่แต่ทำตัวขยันพยายามนำประเด็นนี้มาดำเนินการถอดยศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งที่ในอดีต พ.ต.ท.ทักษิณสร้างคุณงามความดีให้กับประเทศมากมาย อยากถามว่า รัฐบาลมีส่วนรู้เห็นในการกระทำการครั้งนี้หรือไม่ และประเทศจะล่มจมหรือไม่ถ้าไม่ทำเรื่องนี้ ในอดีตเคยมีการถอดยศนายตำรวจไปแล้วกี่ราย ทำไมกรณี พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ ที่ศาลพิพากษาจำคุกมาแล้วหลายปี จึงไม่ดำเนินการถอดยศ ทำไมกรณี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ทำผิดกฎหมายหลายเรื่องจึงยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ทำไม พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รอง ผบ.ตร. ซึ่งถูกพ้นจากนายตำรวจประจำราชสำนักในเรื่องร้ายแรงคือไม่ไปรายงานตัวที่ราชสำนักในวันที่ คมช.ยึดอำนาจ เหตุใดจึงไม่ถูกถอดยศ

“สุเทพ” ยันตำรวจทำตามกฎหมาย

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรับผิดชอบดูแล สตช. ชี้แจงว่า รับทราบเรื่องถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณจากสื่อมวลชนพร้อมกับประชาชน เมื่อสอบถาม สตช.แล้วทราบว่าดำเนินการตาม พ.ร.บ.ตำรวจ และระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการถอดยศข้าราชการตำรวจ ที่มีข้อความระบุตอนหนึ่งว่าผู้ใดวางตัวให้เหมาะสมแห่งเกียรติยศศักดิ์ศรีของข้าราชการตำรวจไม่ได้ก็สมควรที่จะได้รับการถอดยศ เหตุแห่งการถอดยศมี 7 กรณี กรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณสืบเนื่องมาจากที่ศาล ฎีกาฯพิพากษาว่ามีความผิดตามกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 100 (1) วรรค 3 และมาตรา 22 วรรค 1 ให้จำคุก 2 ปี ซึ่งรัฐบาลไม่ได้เกี่ยวข้องหรือรู้เห็นเป็นใจหรือสั่งการ แต่เป็นเรื่องที่ตำรวจกองวินัยและกองกำลังพลเป็นผู้พิจารณา สำหรับกรณี พล.ต.ท.ชลอนั้นเป็นเพราะศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ส่วนกรณี พล.ต.อ.พัชรวาทและ พล.ต.อ. วิเชียรนั้น ไม่ขอตอบ ทั้งนี้ จากสถิติมีการถอดยศตำรวจแยกเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร 251 คน ตำรวจชั้นประทวน 1,909 คน จึงไม่ได้ทำเฉพาะกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น

“เฉลิม” ไล่บี้คดีพันธมิตร-ปลด “กษิต”

ถัดมา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ตั้งกระทู้ถามสดเรื่องการดำเนินการกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า กลุ่มพันธมิตรฯที่กล้าประกาศสงคราม 9 ทัพ ทั้งที่ในอดีตคำนี้เขาใช้กับเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน กลุ่มพันธมิตรฯเป็นใครถึงมีสิทธิยึดสนามบิน ยึดทำเนียบรัฐบาล การกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯถือเป็นการกระทำผิดกฎหมายหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี รู้เห็นกับการกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯหรือไม่ เพราะได้รับฟังจากงานเลี้ยงฉลองของกลุ่มพันธมิตรฯที่โรงแรมแห่งหนึ่ง นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ กล้าประกาศบนเวทีว่าหากไม่มีกลุ่มพันธมิตรฯ พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่มีโอกาสเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ก็ไม่มีโอกาสได้เป็นนายกฯ ต้องรอชาติหน้าตอนบ่ายๆ เช่นเดียวกับที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ประกาศบนเวทีพันธมิตรฯว่า “เราเป็นนักเลงพอที่จะไม่ทวงบุญคุณ เราแน่พอแต่อย่ามาหักเรา วันไหนพวกคุณมาหักเรา พี่น้องพร้อมจะมีเรื่องใช่มั้ย” จึงขอฟ้องสังคมไทยว่านายอภิสิทธิ์เมื่อได้เป็นนายกฯก็ตั้งผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายมาเป็น รมว.ต่างประเทศ และตั้งแกนนำพันธมิตรฯมาเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรี อยากถามว่า พวกที่ปิดถนนขับไล่รัฐบาล ยุยงส่งเสริมให้เกิดการปฏิวัติ ปิดสถานีโทรทัศน์และยึดทำเนียบฯ ปิดสนามบิน ทำให้ระบบขนส่งทางอากาศเป็นอัมพาต การกระทำเช่นนี้เรียกว่าเป็นผู้ก่อการร้ายสากลหรือไม่ นายกฯควรปลดนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ได้แล้ว เพื่อให้ไปสู้คดี และอย่ากระทืบหัวใจประชาชนด้วยการตั้งแกนนำพันธมิตรฯมาเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีอีก

“อภิสิทธิ์” เผยกำชับ ผบ.ตร.อย่ายื้อคดี

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า รัฐบาลมีนโยบายสร้างความสมานฉันท์ แต่ต้องยืนอยู่ บนความถูกต้องและความยุติธรรม ตนได้กำชับ ผบ.ตร.แล้วว่าคดีความทั้งหลายขอให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา อย่าละเว้นกลั่นแกล้ง ถ่วงเวลาหรือรวบรัดจนเกิดความไม่เป็นธรรม ทั้งนี้มีคดีที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มพันธมิตรฯ 32 คดี สอบสวนเสร็จแล้วและสั่งฟ้อง 4 คดี ยังสอบสวนไม่เสร็จ 26 คดี และอยู่ระหว่างการพิจารณาอีก 2 คดี อาทิ คดีการชุมนุมหน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 กำลังอยู่ระหว่างสอบสวน คดีการชุมนุมที่สนามบินดอนเมืองสอบสวนเสร็จไปแล้วกว่า 80% ส่วนการชุมนุมที่สนามบิน สุวรรณภูมิสอบสวนไปแล้ว 30% ซึ่งจะไม่ตอบว่าผิดหรือไม่ เพราะไม่ต้องการชี้นำ อยากให้เป็นหน้าที่และดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

อ้าง “กษิต” ไม่ใช่ระดับแกนนำ

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สำหรับใครจะกล่าวอะไรถึงตนหรือมีความเห็นอย่างไรนั้น ในฐานะที่เป็นนายกฯของคนทั้งประเทศจะไม่ถือโทษโกรธใคร แม้แต่คำพูดที่ ร.ต.อ.เฉลิมเคยระบุว่าตนจะเป็นนายกฯได้ก็ตอนหิมะตกในเมืองไทย ก็ไม่โกรธ ส่วนคำถามที่ว่าการกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯเข้าข่ายก่อการร้ายสากลหรือไม่ ขอเรียน ว่าเหตุการณ์ยึดสนามบินเกิดก่อนที่จะมาเป็นนายกฯ เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสมัยที่ท่านเองเป็นรัฐบาลที่จะตั้งข้อกล่าวหา แต่ก็ไม่เห็นมีการตั้งข้อกล่าว หานี้ กรณีของนายกษิตนั้น ไม่ได้เป็นแกนนำพันธมิตรฯ แต่หากอนาคตนายกษิตถูกแจ้งข้อหาและมีมูล ก็ต้องดำเนินการ คงไม่สามารถให้อยู่ในตำแหน่งได้

ปฏิเสธคำครหาเป็นนอมินีพันธมิตร

หลังจากนายอภิสิทธิ์กล่าวจบ ร.ต.อ.เฉลิมลุกขึ้นตอบโต้ทันทีว่า พูดได้อย่างไรว่านายกษิตไม่ใช่แกนนำพันธมิตรฯ เพราะเป็นตัวการร่วมชัดๆ ขึ้นเวทีเช้าสายบ่ายเย็น ยังไม่รู้ตัวอีกหรือว่าตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรีได้เพราะอะไร จากนั้นนายจุมพฏ บุญใหญ่ ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในการชุมนุมประท้วงหน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 51 มีรถตู้ของแม่พระธรณีบีบมวยผมขนเสบียงอาหารมาให้กับผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ โดยมีนายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย จึงอยากถามว่านายกฯเป็นนอมินีของพันธมิตรฯหรือไม่ ขณะที่นายอภิสิทธิ์ลุกขึ้นตอบเพียงสั้นๆว่า “ไม่ได้เป็นครับ”

เด็ก พท.ยกเหตุ “ทักษิณ” โฟนอิน

ด้านนายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะโฟนอินเข้ารายการสถานีโทรทัศน์ ผ่านดาวเทียมดีทีวีว่า เป็นสิทธิส่วนบุคคล อยู่ที่ว่า พ.ต.ท. ทักษิณ จะพูดเรื่องอะไร “เมื่อรัฐบาลนำนโยบายของท่านไปปฏิบัติ ท่านก็มีสิทธิที่จะแสดงความเห็นในนโยบายรัฐบาลได้ เพราะท่านเหมือนเป็นเจ้าของทฤษฎี อยู่ที่ว่าท่านจะพูดอะไร แต่ผมเชื่อว่าคนฟังจะได้ประโยชน์ อย่างน้อยก็เป็นความรู้และนำมาเปรียบเทียบกัน”

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำชมรมคนรักอุดร ประกาศแยกกันเดินกับแกนนำ นปช. และจะไม่เข้าร่วมการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 31 ม.ค.นี้ นายวิทยาตอบว่า ไม่ทราบเหตุผลดังกล่าวว่า ประกาศแยกตัวเพราะอะไร จะเป็นเพราะดังแล้วแยกวงก็มีเยอะไป อย่างกลุ่มเพื่อนเนวินเขาก็ดังแล้วแยกวง

เสื้อแดงหน้าทำเนียบฯไล่รัฐบาล

เมื่อเวลา 08.40 น. วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. นำตัวแทนคนเสื้อแดง 5 คน จากกลุ่มรักประชาธิปไตยสนามหลวง (กปส.) และเครือข่ายผู้รักประชาธิปไตย 4 ภาค ซึ่งปักหลักชุมนุมอยู่ที่บริเวณข้างรั้วทำเนียบรัฐบาล เข้ายื่นหนังสือต่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อทวงถามข้อเรียกร้องให้เลื่อนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน และให้รัฐบาลยุบสภา โดยนายสุขุม วงประสิทธิ์ ประธาน กปส. อ่านแถลงการณ์ว่า กปส.เคยแจ้งมติมหาชนเมื่อวันที่ 8 ม.ค. ผ่านนายกษิต ภิรมย์ รมว. ต่างประเทศ ไปยังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้เลื่อนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน และยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน จนกว่าจะได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอย่างแท้จริง แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับคำตอบ แสดงให้ เห็นว่านายกฯหลงระเริงอำนาจที่ปล้นมา ไม่คำนึงถึงความสงบสุขของบ้านเมือง และทำลายสถาบันพรรคการเมืองด้วยการจูบปากกับกลุ่มเพื่อนเนวินที่เคยด่าทอกันขนาดผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ รวมถึงยอมตอบแทนบุญคุณด้วยการแต่งตั้งนายกษิตเป็น รมว.ต่างประเทศ ทั้งนี้ กปส.กับเครือข่ายผู้รักประชาธิปไตย 4 ภาค จะปักหลักขับไล่รัฐบาลจนกว่าจะได้ชัยชนะ

ขีดเส้น 30 วันจะมาทวงคำตอบ

“กปส.จะมาทวงถามอีก 30 วัน แต่กลุ่มอื่นๆของคนเสื้อแดง เขาจะมาโดยธรรมชาติหรืออย่างไรขอให้เขามาชุมนุมตามกฎหมาย วันนี้ที่มายื่นหนังสือเป็นการยกระดับของการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยให้ เป็นมาตรฐานสากล แม้กระทั่งมาตรการปาไข่ กลุ่มเราก็เสนอให้ยกเลิก และให้เผาพริกเผาเกลือแทน เพราะเป็นภาพลักษณ์ที่จะส่งผลต่อเยาวชนในอนาคต เริ่มต้นปาไข่ ต่อไปก็ปาหิน และปาระเบิด กปส.ไม่ต้องการให้ประเทศเสียหายไปกว่านี้ จึงพยายามแสดงออกด้วยสันติวิธี ที่สำคัญรูปแบบการปกครองในระบบรัฐสภา ความงดงามอยู่ที่สถาบันผู้แทนราษฎร จะต้องเคารพกติกาของสถาบันพรรคการ เมือง แต่ที่รัฐบาลแถลงนโยบายที่กระทรวงการต่างประเทศถือว่าไม่ชอบธรรม” นายสุขุมกล่าว

“สุเทพ” ขู่ดำเนินคดีพวกปาไข่

ด้านนายสุเทพ กล่าวตอบนายสุขุมทันทีว่า นายอภิสิทธิ์มาเป็นนายกฯด้วยการลงคะแนนเสียงของ ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้ง ทำกันอย่างโปร่งใสในสภา ส่วนการแต่งตั้งนายกษิตเป็น รมว.ต่างประเทศ ไม่ได้เป็นการตอบแทนบุญคุณ แต่นายกษิตเป็นนักการทูตที่มีความสามารถ ทำประโยชน์ให้ประเทศ ถ้านายกษิตปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง รัฐบาลจะพิจารณาเอง สำหรับการประชุมอาเซียนเป็นประโยชน์ของคนไทยและภูมิภาค ดังนั้น รัฐบาลจะเดินหน้าประชุมต่อไป ส่วนข้อเรียกร้องให้ยุบสภานั้น เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะดูแลตามความเหมาะสม สิ่งที่ กปส. คิดเป็นสิทธิที่แสดงความคิดเห็นทางการเมืองได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย รัฐบาลฟังความคิดเห็นของทุกฝ่ายแต่การดำเนินการใดๆต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ที่พูดว่าปาไข่ปาหิน ก็ขอบอกเลยว่า ถ้าทำอีกจะจับและดำเนินคดี

หลังจากนั้นนายสุเทพได้หันไปพูดกับพระสงฆ์รูป หนึ่งที่มาร่วมยื่นหนังสือขับไล่รัฐบาลว่า “พระคุณเจ้าก็นิมนต์กลับวัด อย่ามาตากแดดให้ลำบาก เราเป็นพระก็อยู่กับวัดปฏิบัติธรรม นี่ไม่ใช่กิจของสงฆ์”

เตรียมแผนอารักขาผู้นำ 10 ประเทศ

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรค ประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการฯได้เชิญตัวแทนสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงาน ตำรวจแห่งชาติ และสำนักข่าวกรองแห่งชาติ มาให้ข้อมูลเรื่องมาตรการรักรัษาความปลอดภัย 10 ผู้นำประเทศ และบุคคลสำคัญที่จะร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในวันที่ 27 ก.พ.-1 มี.ค.นี้ ทั้ง 3 หน่วยงานยืนยันว่าเตรียมแผนปฏิบัติการไว้แล้ว โดยได้ตรวจสอบสถานที่ประชุม และเตรียมมาตรการตรวจบุคคลเข้าออกไว้อย่างละเอียด รวมทั้งกวาดล้างอาชญากรในพื้นที่เตรียมแผนอารักขาบุคคลสำคัญ และซ้อมรับเหตุจลาจลที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย