ที่มา ไทยรัฐ
เศรษฐกิจปี พ.ศ. 2552 ฟุบอีกครั้ง คนตกงานนับวันยิ่งเพิ่ม การเมืองยังง่อนแง่นไม่รู้ชะตากรรม แล้วประชาชนตาดำๆจะอยู่กันอย่างไร
ปรัชญายึดเหนียวจิตใจ และใช้เป็นหลักปฏิบัติได้จริงคือ แนวดำเนินชีวิตตามปรัชญาพอเพียง เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมา เราก็ต้องพึ่งพาตนเอง เหมือนพุทธสุภาษิต ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน
เรื่องเศรษฐกิจเมื่อถามหมอดู เซียนเต่า หรืออาจารย์ฉัตรประเสริฐ รวยโภคทรัพย์ บอกว่า ปีนี้ยังจะไม่ดีขึ้น แถมยังเป็นปีวัวไฟพ่นไอร้อนเผาผลาญสรรพสิ่ง เป็นเหตุให้ต้องระวังอุบัติเหตุด้านไฟให้มากๆ
“มีแนวโน้มว่าจะเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนกันและเกิดไฟลุกบ่อยๆ” เซียนเต่าทำนาย
คนที่เชื่อเรื่อง “ปีชง” เซียนเต่าบอกว่า ปีชงใน พ.ศ. 2552 นี้มีปีมะเส็ง ปีมะแม ปีระกา และปีฉลู คนที่เกิดปีฉลูไม่ต้องตกใจ เพราะไม่ได้หมายความว่าคนปีฉลูจะต้องชงไปทุก พ.ศ. เพราะชงเฉพาะคนที่เกิดปีฉลู ใน พ.ศ. 2480 พ.ศ. 2492 พ.ศ. 2528 และ 2540 เท่านั้น ส่วนคนที่เกิดปีฉลู พ.ศ. 2504 และ พ.ศ. 2516 เป็นปีที่ดี
คนที่เกิดปีชง เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อชีวิต เซียนเต่าแนะนำให้ไหว้เทพเจ้า และทำบุญใส่บาตรเข้าไว้มากๆ เหมือนที่ สุรพล สมบัติเจริญ เคยเขย่าลูกคอบอกไว้ว่า “วันโกนวันพระอย่าให้ขาด ทำบุญใส่บาตรให้ทุกๆวัน” นั้นเอง
สำหรับปีที่ดีหรือเจริญรุ่งเรืองใน พ.ศ. 2552 นี้ เซียนเต่าบอกว่า ได้แก่คนที่เกิดปีชวด ปีวอก และปีมะโรง เมื่อพลิกแฟ้มปีเกิดคนเด่นและดังแห่งปีก็พบว่า ปีมะโรงเป็นปีเกิดของนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน
เรื่องการทำนายชะตาคนและบ้านเมืองเซียนเต่าออกตัวว่า เรื่องการเมืองไม่ค่อยถนัด และให้เหตุผลว่า ศาสตร์ที่เรียนมา แม่ใหญ่มาจากอี้จิงของปรมาจารย์ที่เป็นชาวจีน คนจีนเก่งเรื่องการค้าขาย ดังนั้น เรื่องทำมาหาค้าขายจึงถนัดกว่า
แต่เมื่อให้ดูการเมืองไทย เซียนเต่าบอกว่า “นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ยังจะอยู่ได้อีกประมาณ 1 ปี 3 เดือน และอาจอยู่ได้ถึงครบเทอม”
ส่วนอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่มีข่าวว่าถูกถอดยศ คำตอบคือ “ท่านยังไม่ได้ให้ผมดูดวงของท่านนี่ครับ”
คนที่ต้องการให้เซียนเต่าทำนาย ท่านบอกว่าไม่อาจบอกที่ติดต่อได้ เนื่องจากติดขัดเรื่องข้อวัตรปฏิบัติตน คนเข้าไปดูส่วนใหญ่เชิญไปดูที่บ้าน และคนเหล่านั้นติดต่อผ่านลูกศิษย์ที่มีอยู่ทั้งในและต่างประเทศ
เรื่องค่าดูสำหรับในประเทศเท่าที่ผ่านมาเริ่มจากเลข 5 หลักเรื่อยไปถึง 7 หลัก ถ้าเป็นต่างประเทศ ราคาจะเริ่มที่เลข 6 หลัก และจำนวนนี้ไม่รวมค่าเครื่องบินโดยสาร ค่าอาหาร ค่าที่พัก และค่าล่ามแปลเมื่อต้องใช้ภาษาต่างประเทศ
เซียนเต่าบอกว่า ปัจจุบันเดินสายไปทำนายดวงทั้งที่ประเทศสิงคโปร์ ไต้หวัน ฮ่องกง และมาเลเซีย การติดของลูกค้าต่างประเทศนั้น ส่วนใหญ่ “ลูกศิษย์ลูกหาที่กรุงเทพฯแนะนำกันเอง ปากต่อปาก ผมไม่เคยใช้สื่อ เพิ่งจะมาออกทีวีและเพิ่งเปิดตัวกับหนังสือพิมพ์ไทยรัฐนี่แหละครับ”
เรื่องค่าดูอันโหดร้าย ไม่ว่าจะเป็นในและนอกประเทศ
เซียนเต่าบอกว่าเมื่อก่อนกับเดี๋ยวนี้ต่างกันแล้ว เพราะเมื่อก่อนถ้าไม่เป็นไปตามจำนวนที่บอกก็อย่าหวังว่าจะได้ดู “บางทีผมนัดกับคนดูไว้ 2 คน เพราะวันหนึ่งผมจะรับได้แค่ 2 คนเท่านั้น เมื่อคนที่สองแจ้งความประสงค์ว่า ต้องการดูก่อนเพราะคนที่ดูก่อนจะได้เปรียบในเรื่องความแม่นยำ เนื่องจากพลังจิตผมยังเข้มแข็งอยู่ ทำให้ดูแม่น คนที่สองอยากดูก่อนแล้วก็เสนอเงื่อนไขว่า ขอเพิ่มเงินให้มากกว่าเก่า ผมก็เปลี่ยนคนที่สองขึ้นมาเป็นคนที่หนึ่งเลย”
ส่วนคนที่สอง “ผมก็บอกเขาตรงๆ ว่าผมมีแขกสำคัญ ถ้าจะกลายเป็นคิวสองได้ไหม เขาก็บอกว่าได้” เซียนเต่ายอมรับถึงความหน้าเลือดของตนเอง
อาจเพราะสาเหตุนี้เอง ทำให้วันหนึ่งเซียนเต่าต้องพบกับวิกฤติของชีวิต เหตุการณ์ครั้งนี้เอง ที่ทำให้ค่าดูเปลี่ยนไป
“อยู่มาวันหนึ่ง อาจารย์หลี่มาเข้าฝันผม อาจารย์บอกว่า วิชาที่สอนให้ผมนั้น มันเป็นวิชาฟ้าและดิน เป็นวิชาสูงส่ง ต้องการให้ผมไว้เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ไม่ใช่ให้เอามาขูดรีดเอากับชาวบ้านกิน” เซียนเต่าบอก
หลังจากอาจารย์มาเข้าฝัน “ผมดูดวงให้ใครไม่ได้เลย มันมืดไปหมดเลยครับ ไม่ว่าจะแก้ไขอย่างไรก็ไม่เป็นผล”
เมื่อทำบุญสุนทานแก้กรรม สามารถดูดวงได้เหมือนเดิม เซียนเต่าบอกว่าค่าดูดวงไม่ได้เรียกร้องเหมือนก่อนแล้ว ลูกศิษย์จะให้เท่าไรก็ใส่ซองมา ซองเหล่านั้น อาจารย์เอาไปทำบุญตามวัดต่างๆ
ส่วนคนจนนั้น “ถ้าจนจริงๆ ผมก็ดูให้ฟรีครับ”
การปฏิบัติตนของเซียนเต่า อาจารย์บอกว่า ตอนนี้ถือศีล 8 ประพฤติพรหมจรรย์ “ตื่นมาตี 4 สวดมนต์ ไหว้พระ เดินจงกรม เจริญจิต เข้าวิปัสสนา แล้วสวดมนต์แผ่เมตตา สวดแผ่เมตตา 2 ครั้ง คือ ก่อนนอนและตอนเช้า เพื่อแผ่เมตตาให้แก่ลูกศิษย์ทั้งหลาย เพราะเมื่อเขาเชื่อเราแล้ว เราแนะนำให้เขาปฏิบัติแล้ว เราแผ่เมตตาให้เขา เขาก็จะเจริญรุ่งเรือง”
การเข้าวิปัสสนากรรมฐาน จะทำก็ต่อเมื่อ “เราทายอะไรออกไปแม่นเกินไป เราต้องรีบไปแก้ เราต้องแก้ในตัวเรา เพราะถ้าไม่ทำมันจะเข้าตัวเรา นี่เป็นความเชื่อนะครับ เพราะว่าครูบาอาจารย์สายวิปัสสนาสอนผมมาอย่างนี้”
ส่วน “เต๋าเองก็มีวิปัสสนาเหมือนกัน แต่ผมเข้าไม่ถึง ผมกลับไปได้สายวัดป่าแถวจังหวัดอุดรธานี สกลนคร เป็นพระสายธรรมยุติ พระสายป่าสอนการวิปัสสนาผม จนได้รู้แก่นของหมอดูขั้น 9 เมื่อก่อนผมได้แค่ขั้น 7 เท่านั้นเอง”
เมื่อถามถึงการสอนศิษย์ เซียนเต่าบอกว่า “ไม่มีครับ แต่ก่อนผมมีลูกศิษย์เหมือนกัน แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว เพราะเรียนยากมาก ไม่มีใครเรียนได้ วิชาเหล่านี้ยากมาก ปัจจุบันนี้ ผมเองก็ยังศึกษาไม่จบ ต้องศึกษาไปเรื่อยๆ”
สำหรับการเข้าสมาคมโหราศาสตร์ เซียนเต่าบอกว่า ไม่ได้เข้าไปร่วมกิจกรรมใดๆ “ผมไม่เข้าสมาคมอะไรเลย ไม่สังกัดสมาคมไหน ผมอยู่สำนักของผมเอง คืออยู่บ้าน สวดมนต์ไหว้พระปกติ อยู่ในกฎเกณฑ์ของอาจารย์ตามลัทธิเต๋า”
สถานภาพยามนี้คือ “ผมเป็นนักพรตลัทธิเต๋าครับ”
อาชีพโหรในเมืองไทย เซียนเต่าบอกว่า “โหรในเมืองไทยเป็นอาชีพที่ดี ถ้าหมอดูมีคุณธรรม คือไม่ไปโฆษณาให้คนดูเสียๆ หายๆ คนไทยเราอยู่กับหมอดูมายาวนานแล้ว มีหลักฐานมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา คือไม่ต่ำกว่า 400 ปี มาแล้ว”
คนทำอาชีพหมอดูในปัจจุบัน “ถ้าคนไหนเป็นคนดี มีคุณธรรม และจริยธรรมก็ควรสนับสนุน แต่ถ้าคนไหนไปหลอกลวงคนดู ไปต้มไปตุ๋นชาวบ้าน ไม่มีคุณธรรมในวิชาชีพของตนเอง คนพวกนี้เป็นคนไม่ดี ก็ไม่ควรสนับสนุน”
จริยธรรมของหมอดู สำหรับเซียนเต่าแล้ว “เราต้องไม่ไปละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของเขา อันที่สองอย่าไปหลอกไปต้มเขา ไม่ใช้หลักหมอดูไปข่มเหงรังแกเขา ไปทำวิชาอาคมไปหลอกเขาด้วยกายก็ดี ด้วยใจก็ดี สิ่งเหล่านี้ไม่พึงกระทำ”
กฎของหมอดู “แต่ละสำนักไม่เหมือนกัน สำหรับของผมคือ 1.ห้ามนำเรื่องส่วนตัวของคนดูไปพูดต่อ ดูแล้วต้องจบเลย 2.เรื่องผัวเมียจะไม่ค่อยดูกัน ผัวเมียทะเลาะกัน ไปมีชู้เหล่านี้ไม่เอา 3. คนจนไม่เอาตังค์ คนจนจริงๆ ผมไม่เอาตังค์เลย”
เซียนเต่ากล่าวทิ้งท้ายด้วยเสียงหนักแน่น.