ที่มา thaifreenews
โดยนายวีระ กล่าวว่า จากกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า คนเสื้อแดงแตกคอกันนั้น ขอเรียนว่าอย่าประเมินพวกตนแบบตกอก-ตกใจ เพราะปัญหาเนื้อในกันเองถือเป็นปัญหาเล็กน้อย ซึ่งจะพิสูจน์กันได้ในวันชุมนุมใหญ่ในวันที่ 31 ม.ค.นี้ ตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป และจะขอมติผู้ชุมนุมว่าจะปฏิบัติต่อไปอย่างไร เพื่อระงับยับยั้งไม่ให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเมืองอย่างไร ทั้งนี้เหตุผลสำคัญที่จัดชุมนุมใหญ่เพราะรัฐบาลไม่ได้ใส่ใจสาระสำคัญ ไม่ได้ตอบคำถามถึงความชอบธรรมในการบริหารประเทศ รัฐบาลไปยอมรับอำนาจนอกระบบ เพียงเพื่อให้ตัวเองได้เป็นผู้บริหาร นอกจากนี้รัฐบาลยังไม่ใส่ใจโดยไปตั้งผู้ที่เกี่ยวข้องกับการยึดทำเนียบฯและ สนามบินมาเป็นรัฐมนตรีและที่ปรึกษารัฐมนตรี
นายวีระ กล่าวว่า นอกจากนี้มีการการโยกย้ายข้าราชการและเตรียมแต่งตั้งข้าราชการในครั้งต่อไป โดยไม่ได้คำนึงถึงสิ่งที่เคยประกาศไป ขณะที่เรื่องความสมานฉันท์ การกระทำของรัฐบาลก็สวนทางกับนโยบายที่ประกาศมาโดยตลอด อีกทั้งการดำเนินการเรื่องสปก.4-01 รัฐบาลก็ไม่ได้ตระหนักถึงความเสียและความเสียหายที่เกิดขึ้น กรณีการแจกปลากระป๋องเน่าให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วม เรื่องนี้อยากให้มีการติดตามให้ดีๆ เพราะมันเป็นการทุจริต ซึ่งอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่คาดไม่ถึงก็ได้
ขู่เปิดเบื้องลึก "คนสั่งการ" ให้ยึดสนามบิน
นาย จักรภพ กล่าวว่า กลุ่มเสื้อแดงจะเร่งดำเนินการ 2 เรื่อง คือ 1.จะเดินทางไปยังสถานเอกอัครราชทูตทั้ง 9 ประเทศ เพื่อยื่นหนังสือ ซึ่งมีสาระสำคัญคือเราสนับสนุนการจัดประชุมของกลุ่มประเทศอาเซียน แต่เราไม่สนับสนุนรัฐบาลที่ขาดความชอบธรรมให้เป็นผู้แทนของคนไทยไปเจรจา โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันศุกร์ที่ 23 ม.ค.เวลา 10.00 น. จะไปที่สถานทูตพม่า และ 10.30 น. จะไปสถานทูตสิงคโปร์ ในวันจันทร์ที่ 26 ม.ค. เวลา 10.00 จะไปสถานทูตฟิลิปปินส์ และเวลา 11.00 น. จะไปสถานทูตอินโดนิเซีย ในวันอังคารที่ 27 ม.ค. 10.00 น.จะไปสถานทูตบรูไน และ 11.00 น.จะไปสถานทูตกัมพูชา และวันพุธที่ 28 ม.ค. 10.00 น. จะไปยังสถานทูตเวียดนาม และ 11.00 น. จะไปสถานทูตมาเลเซีย จากนั้นวันพฤหัสที่ 29 ม.ค. 10.00 น. จะไปสถานทูตลาว
นายจักรภพ กล่าวว่า เราจะดำเนินการกับผู้ก่อการร้ายที่ยึดสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองอย่างแน่นอน ในการชุมนุมวันที่ 31 ม.ค. ตนจะเล่าถึงขั้นตอนเกี่ยวกับขบวนการก่อการร้ายและจะลงลึกไปยังผู้ที่อยู่ “หลังฉาก” ว่า ใครเป็นผู้สั่งการที่ให้ยึดสนามบิน ทำให้ประเทศชาติเสียหายเป็นแสนล้านบาท
นาย จักรภพ กล่าวถึงการตั้งสถาบันคนเสื้อแดงว่า กำลังดำเนินการอยู่ในขั้นตอนสุดท้าย โดยรูปแบบจะตั้งเป็นสำนักงานในแต่ละจังหวัด เหมือนเป็นศูนย์ประสานงาน ความตั้งใจก็เพื่อพัฒนาประชาธิปไตย ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวได้ไม่เกินวันที่ 1 ก.พ. ซึ่งจะมีสมุดประจำตัวขนาดเล็กของคนเสื้อแดงคล้ายๆ พาสปอร์ต บอกรายละเอียดเกี่ยวกับคนเสื้อแดง รวมทั้งวิธีการเคลื่อนไหวให้กับสมาชิก
ลั่นถ้าเด้งอธิบดีดีเอสไอเมื่อไหร่ ม็อบแดงบุกหน้าก.ยุติธรรมแน่
ด้าน นายจตุพร กล่าวว่า วันนี้เชื่อว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ จะใช้วิธีการล้างบางข้าราชการ และจะดำเนินการไปยังกระทรวงอื่นๆด้วย โดยเป้าหมายของพรรคประชาธิปัตย์นั้น คืออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพราะขณะนี้มีคนของพรรคประชาธิปัตย์อยู่ระหว่างถูกสอบสวนหลายคดี เช่น คดีปรส., คดีรถและเรือดับเพลิงของกทม., คดีทีพีไอที่โอนเงินไปให้บริษัทประชาสัมพันธ์ และโอนไปยังบุคคลในพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้หากนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม โยกย้ายอธิบดีดีเอสไอจริง เป้าหมายอีกอย่างหนึ่งของคนเสื้อแดงก็คือไปกระทรวงยุติธรรมทันที
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า กรณีการ แจกปลากระป๋องยี่ห้อชาวดอย เรื่องนี้ทำท่าจะยาวเป็นมหากาพย์ เพราะฝ่ายการเมืองโดยเฉพาะบุคคลในกระทรวงพัฒนาสังคมฯ เข้าไปมีส่วนในการจัดซื้อและที่สำคัญมีส.ส.หญิงคนหนึ่งเข้าไปเกี่ยวข้องกับ การจัดซื้อจัดจ้างด้วย โดยส.ส.คนดังกล่าวเป็นส.ส.อีสาน คิดว่านายวิทูรย์ นามบุตร น่าจะรู้จักเป็นอย่างดี เรื่องนี้รัฐบาลประชาธิปัตย์ตั้งแต่นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรค ที่เป็นเจ้าของจริยธรรมทางการเมือง รวมไปถึงบุคลลอื่นๆในพรรคน่าจะออกมาแสดงความชัดเจน และมีคำอธิบายต่อประชาชนมากกว่านี้ เรื่องนี้อาจจะป็นคดีประวัติศาสตร์ทางการเมืองได้ ที่จะทำให้รัฐบาลประชาธิปัตย์ตกกระป๋องในเวลาอันสั้น นอกจากนี้ตนยังได้รวบรวมบันทึกคำปราศรัย คำให้สัมภาษณ์ของนายอภิสิทธิ์ ที่เคยโจมตีรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ การอภิปรายปราสาทพระวิหาร การอภิปรายเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยจะนำออกอากาศทางดี-สเตชั่นในช่วงของรายการขอดเกล็ดอภิสิทธิ์ด้วย รายการนี้จะเป็นรายการกระชากเสื้อคลุมจริยธรรมออกจากตัวนายอภิสิทธ์ให้เห็น ว่าใครก็ตามที่ประกาศตัวว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ผุดผ่องต้องเป็นคนบริสุทธิ์ อย่างแท้จริง ไม่ใช่ตัวสะอาดด้วยการโยนให้คนอื่นสกปรก
"ขวัญชัย" ประกาศแตกหัก-แยกกันเดิน ไม่ไปร่วมงานชุมนุมใหญ่
นาย ขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ระบุว่าหากนายขวัญชัยไม่มาร่วมในการชุมนุมใหญ่ที่ท้องสนามหลวงในวันที่ 31 ม.ค.ก็ไม่ง้อว่า เมื่อวานนี้ (20 ม.ค.) ตนได้เห็นจากสื่อต่างๆ รวมทั้งทางดีทีวีว่าทั้งนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ต่างโจมตีตนอย่างหนัก แต่ตนไม่สนใจ ไม่แคร์ เพราะวันนี้มีประชาชนเสื้อแดงโดยเฉพาะในภาคอีสานโทร.มาให้กำลังใจจำนวนมาก
นาย ขวัญชัย กล่าวต่อว่า ตนเคยต่อสู้กับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และคมช.มาก่อนบุคคลเหล่านี้ ตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งไม่รู้ว่าคนเหล่านี้ไปอยู่กันที่ไหน อีกทั้งตนก็ไม่ได้เป็นส.ส.จึงไม่จำเป็นต้องรักษาภาพเหมือนนายจตุพร ขอประกาศว่าที่ผ่านมา ตนตกเป็นเครื่องมือรับใช้นักการเมืองมาตลอด ซึ่งหลังจากนี้จะไม่ยอมอีกแล้ว กลุ่มคนเสื้อแดงในอีสานก่อนหน้านี้ก็เคยชื่นชมกลุ่มของนายวีระ มุสิกพงศ์ มาตลอด แต่ในระยะหลังตั้งแต่จัดรายการทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ก็ไม่เคยพูดให้เครดิตกลุ่มเสื้อแดงในต่างจังหวัดเลยสักครั้ง หลังจากนี้คงต้องแยกกันเดิน โดยตนจะทบทวนบทบาทในการเคลื่อนไหว ซึ่งจะไม่ไปร่วมกับกลุ่มรายการความจริงวันนี้
"ยืนยันว่า กลุ่มคนรักอุดรจะไม่ไปร่วมการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 31 ม.ค.อย่างแน่นอน แต่เร็วๆ นี้ในช่วงกลางเดือนก.พ.จะนัดเครือข่ายคนเสื้อแดงในภาคเหนือ ภาคกลาง และอีสาน ทั้ง 30 จังหวัด เช่น นครราชสีมา ขอนแก่น ชัยภูมิ ชลบุรี สมุทรปราการ และพิษณุโลก เป็นต้น เพื่อหารือกันถึงจุดยืนที่จะไม่ไปร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มผู้จัดรายการความ จริงวันนี้"นายขวัญชัยกล่าว