ที่มา ประชาทรรศน์
คอลัมน์ : ตะแกรงข่าว
โดย อัฐศิริ
การรวมตัวกันที่ชลบุรีของกลุ่มพันธมาร แสดงให้เห็นว่า การชุมนุมประท้วง สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายให้กับบ้านเมือง ยังไม่เลิกรา ตราบใดที่ยังไม่บรรลุเป้าหมาย คนเหล่านี้สุมหัวกับเผด็จการและผู้สูญเสียที่คบคิดกันเอาไว้
การจัดการชุมนุมของพันธมารที่จังหวัดชลบุรีถือเป็นการหยั่งความนิยม ว่ายังเหมือนเดิมหรือไม่ ยังสามารถเป่านกหวัดได้อีกหรือไม่ เพราะถูกข้อหาฉกาจฉกรรจ์ว่าเป็นตัวการบ่อนทำลายชาติ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ ความเชื่อถือในเกียรติภูมิของประเทศชาติจนย่อยยับ
จับประเด็นชัดๆ 2 เรื่องคือ 1.การเดินหน้าสร้าง “การเมืองใหม่” ซึ่งไม่รู้ว่าติดอกติดใจอะไรหนักหนา เพราะผู้รู้ออกมาให้ความเห็นคัดค้าน ว่า มันสวนทางกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิง ที่เน้นการแต่งตั้งมากกว่าการเลือกตั้ง
เป็นการไม่ให้ความสำคัญกับสิทธิและหน้าที่ของประชาชน ในการมีส่วนสำคัญในการเลือกคนมาบริหารจัดการบ้านเมือง
การเมืองใหม่ของพันธมาร เพียงแค่ต้องการเลือกตั้ง ส.ส.มาบางส่วน มาทำหน้าที่ออกกฎหมายเท่านั้นเอง
เรื่องที่ 2 คือ ตอกย้ำทวงถามหาคนรับผิดชอบและให้มีการลงโทษกับคนที่ทำให้เกิดเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งมีกองกำลังของพันธมารบาดเจ็บล้มตาย และเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกกองกำลังพันธมารทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ บางคนถูกถอยรถทับ ซึ่งเหี้ยมโหดผิดมนุษย์ที่จะทำกัน
เรื่องนี้กลุ่มพันธมาร ยกเอาการตรวจสอบของของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนมาอ้าง ซึ่งที่ผ่านมาเห็นถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมาตลอด
และที่ต้องตามจับตาดู ว่าในอีกหลายจังหวัดที่ “พันธมาร” จะยกกำลังไป ซึ่งในจำนวนนั้น ทั้งที่ เชียงใหม่ และที่ อุดรธานี ซึ่งคนเสือแดงที่นี่ เหนียวแน่น เข้มแข็ง เอาจริง
โดยเฉพาะที่อุดรธานีนั้น นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร ประกาศพร้อมนำสมาชิกเป็นหมื่นคนมาต้อนรับอย่างเต็มที่ มาเมื่อไรก็เมื่อนั้น
พร้อมกับประกาศกร้าวว่า จะไม่ให้คนที่คิดกบฏทำลายชาติ ฝักใฝ่เผด็จการ มุ่งล้มล้างประชาธิปไตยมาเหยียบแผ่นดินอุดรธานี ลูกหลาน “กรมหลวงประจักษ์” พร้อมจะให้บทเรียนที่สาสม หรือว่า เหตุการณ์หนองประจักษ์ภาค 2 จะเกิดขึ้นอีกก็ไม่ทราบได้
อย่าลืมว่าเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2552 เวลา 17.00 น. ที่บริเวณสถานีวิทยุชมรมคนรักอุดร บ้านหนองเหล็ก ซอย 9 ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี วันนั้นนายขวัญชัย ไพรพรนา ประธานชมรมคนรักอุดรได้นัดพบปะพูดคุยกับแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงทั่วประเทศ โดยแกนนำหลายจังหวัดเดินทางมาร่วมปรึกษาเสวนาในการขับเคลื่อนแนวทางการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย บนพื้นฐานความถูกต้องและชอบธรรม
โดยมีแกนนำจากจังหวัด ปทุมธานี สมุทรปราการ โคราช ชัยภูมิ กาฬสินธุ์ สุโขทัย ชลบุรี อุดรธานี ขอนแก่น เชียงราย พิษณุโลก พัทยา หนองบัวลำภู ลำปาง โดยร่วมกันพูดคุย
เพื่อหาแนวทางต่อสู้ปกป้องระบอบประชาธิปไตย และจะกดดันให้ นายกษิต ภิรมย์ พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ก็ นายกษิต ภิรมย์ คนนี้แหละที่มีความสนิทสนมมักคุ้นกับแกนนำพันธมาร ถึงขนาดเคยขึ้นเวทีม็อบโกเต๊กซ์ ถือว่าเป็นขวัญใจของม็อบโกเต๊กซ์คนหนึ่งเลยทีเดียว
ทั้งนี้ นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงอุดรได้ออกแถลงการณ์ เรียกร้องต่อรัฐบาลและการเคลื่อนไหวของ “คนเสื้อแดง” ว่า
ตามที่พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลโดยได้ทำลายหลักการประชาธิปไตย ด้วยการดึงสมาชิกจากพรรคเพื่อไทย และเป็นการจัดตั้งรัฐบาลที่เกิดจากการใช้ความรุนแรงและความป่าเถื่อนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จนกระทั่งประชาชนคนเสื้อแดง ได้ชุมนุมที่หน้ารัฐสภา เพื่อแสดงความคิดเห็นไม่เห็นด้วยกับการแถลงนโยบายของรัฐบาลประชาธิปัตย์ ระหว่างวันที่ 28-30 ธันวาคม 2551 เพื่อเรียกร้องให้มีการ “ยุบสภา” คืนอำนาจให้กับประชาชน เป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย แต่รัฐบาลได้แถลงนโยบายที่กระทรวงการต่างประเทศ และยังคงยืนกรานที่จะบริหารประเทศต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน
“อาเซียน” หรือ “สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีต่อกันระหว่างประเทศในภูมิภาคดำรงไว้ซึ่งสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่นคงทางการเมือง สร้างสรรค์ความเจริญทางด้านเศรษฐกิจการพัฒนาทางสังคมและวัฒนธรรม การกินดีอยู่ดีบนพื้นฐานความเสมอภาคและผลประโยชน์ร่วมกันของประเทศสมาชิก อาเซียน
เห็นว่า สันติภาพและเสถียรภาพทางการเมืองเป็นฐานสำคัญต่อการพัฒนาในด้านต่างๆ จึงมุ่งเน้นการส่งเสริมให้มีความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน ตลอดจนการสร้างเสถียรภาพและสันติภาพในภูมิภาคการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14 จึงมีความสำคัญต่อประเทศไทยในภูมิภาคอาเซียนเป็นอย่างยิ่ง
“ชมรมคนรักอุดร” และ “คนเสื้อแดงทั่วประเทศ” ขอยืนยันว่าพวกเราสนับสนุนการประชุมอาเซียน ในการพัฒนาความร่วมมือของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อสร้างความมั่นคงและสันติภาพและความเจริญก้าวหน้าให้กับประชาชนในภูมิภาค
รัฐบาลประชาธิปัตย์ซึ่งมี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีไม่มีความชอบธรรมในการเป็นเจ้าภาพการประชุม เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ โดยมี นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ เป็นแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องสนับสนุนทหารทำการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
และต่อมาได้มีการเคลื่อนไหวยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ อันเป็นการกระทำที่เข้าข่ายการก่อการร้าย ทำให้เศรษฐกิจ สังคม ของประเทศไทยเสียหายอย่างหนัก รวมทั้งทำลายความมั่นคงและสันติภาพในภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย
“ชมรมคนรักอุดร” และ “คนเสื้อแดงทั่วประเทศ” ซึ่งมีตัวแทนจากจังหวัดต่างๆ ขอแสดงจุดยืนและข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลเฉพาะหน้าดังต่อไปนี้
1.รัฐบาลต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยการนำรัฐธรรมนูญ 2540 คืนมา พร้อมทั้งทำการปฏิรูปเศรษฐกิจ การเมือง เพื่อสร้างสรรค์ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เป็นการไถ่บาปที่พรรคประชาธิปัตย์มีส่วนในการทำให้เกิดการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 รื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็น “ของแสลง” ของพันธมารครับ นี่ก็ต้องติดตามดูกันต่อไป
2.รัฐบาลต้องดำเนินคดีโดยรวดเร็วในการจับกุมแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ได้ทำการยึดทำเนียบรัฐบาล ปิดถนนราชดำเนิน ยึดสนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ มีการใช้อาวุธปืน ระเบิดปิงปอง จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก มีการยิงและทำร้ายประชาชนที่บริสุทธิ์ ใช้อำนาจเถื่อนทำร้าย ซ้อมประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับพันธมิตรฯ พันธมมารปิดปากเรื่องนี้เสียสนิท แต่กดดันให้ดำเนินการลงโทษกับเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้บังคับบัญชาผู้ที่สั่งการ
3.รัฐบาลต้องปลด นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เพราะได้พูดสนับสนุนการยึดสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิและได้สนับสนุนการกระทำที่รุนแรงและเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายของบ้านเมือง
รัฐมนตรีต่างประเทศคนนี้ถูกมองว่าเป็นคนของพันธมาร น่าสนใจว่าจะลงเอยอย่างไร เพราะพันธมาทวงบุญคุณว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลก็เพราะพันธมารนี่แหละ
ด้วยเหตุนี้เอง พันธมาร จึงยังไม่เลิกง่ายๆ ก็อยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์จะทนกับแรงเสียดทานจากเรื่องนี้ได้นานแค่ไหน ในขณะที่ปัญหาภายในประเทศ ยังเป็นเรื่องที่จะต้องแสดงฝีมือ
ว่าเป็นรัฐบาลของประชาชนหรือเป็นรัฐบาลที่ใครส่งมา เพื่อให้ภารกิจทางการเมืองของฝ่ายตรงข้ามกับประชาธิปไตยสำเร็จให้ได้
เรื่องนี้ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมารและเป็น ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์ ประกาสยืนยันว่าจะขับเคลื่อนให้พันธมารประสบความสำเร็จให้ได้ ถึงกับกล่าวกับผู้มาชุมนุมที่ จ.ชลบุรี ว่า ไมมีอะไรที่พันธมารทำไม่ได้ ทำเนียบก็ยึดมาแล้ว สนามบินก็ยึดมาแล้ว เหลือแต่สวรรค์เท่านั้นที่ยังไม่ได้ไปยึด
เพราะอย่างนี้นี่เล่า คนไทยก็เหมือนตกนรกทั้งเป็น จากฝีมือของพันธมารและ ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์นี่เอง