ที่มา ไทยรัฐ
เมื่อวันที่ 20 ม.ค. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่มีข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะโฟนอินเข้ามาร่วมรายการในสถานีโทรทัศน์ดีทีวี หลังจากที่นายกฯจัดรายการในวันที่ 24 ม.ค. นี้ นายสุเทพตอบว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีสิทธิที่จะพูดคุยกับใครก็ได้ และคิดว่าอดีตนายกฯคงจะไม่พูดจาให้ใครเสียหาย เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่จะมีการตั้งนายสำราญ รอดเพชร มาเป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี นายสุเทพตอบว่า ไม่มาหรอก
เข็น ก.ม.คลื่นความถี่คุมกำเนิดดีทีวี
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ปัจจุบันการออกอากาศของสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมมีช่องว่างทางกฎหมาย ทำให้ไม่สามารถเข้าไปดำเนินการได้ ทำให้ไม่สามารถเข้าไปควบคุมเนื้อหาและผังรายการของสถานีโทรทัศน์เหล่านี้ได้ ส่วนความคืบหน้าการออก พ.ร.บ.จัดสรรคลื่นความถี่นั้น คาดว่าน่าจะเสนอกฎหมายนี้ได้ประมาณสัปดาห์ที่ 3 หลังจากเปิดประชุมสภาสมัยสามัญในวันที่ 21 ม.ค. คิดว่าภายใน 6-7 เดือน กฎหมายนี้น่าจะมีผลบังคับใช้ ส่วนการออกอากาศสถานีดีทีวี รัฐบาลจะไม่ไปจับตาหรือตั้งคณะกรรมการติดตามการออกอากาศเป็นพิเศษ เพราะสิ่งที่ดีทีวีเคลื่อนไหวนอกจอทีวีหนักกว่าในจอทีวี หากจะดำเนินการกับดีทีวีให้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย ก็ต้องดำเนินการกับสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมทั้งระบบไปพร้อมกัน รวมถึงเอเอสทีวีด้วย
ปชป.เย้ยดีทีวีแค่แผ่นเสียงตกร่อง
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการออกอากาศรายการของดีทีวีว่า ไม่มีอะไรใหม่ เพียงแต่ใช้การจัดรายการแบบเดิมเป็นการโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ในเรื่องเก่าๆ ทั้งที่เคยมีการอธิบายอย่างชัดเจนไปแล้ว เช่น ที่มาของ ป.ป.ช.และนายกฯ ผู้จัดรายการก็ยังใช้ข้ออ้างหรือตั้งคำถามเดิมๆ เป็นแผ่นเสียงตกร่อง ไม่มีมุกใหม่ และยังใช้การใส่ความข้างเดียว ไม่แตกต่างจากการเป็นแค่ใบปลิวของคนบางกลุ่มเท่านั้น ดีทีวีบอกชัดเจนว่าจะต้องโจมตีรัฐบาล ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่ได้ทำหน้าที่สื่อมวลชนที่สร้างสรรค์ รัฐบาลเพิ่งจะเริ่มต้นการทำงาน แต่กลับไม่ให้โอกาส เข้าตำราที่ว่ามือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ ไม่เป็นประโยชน์ต่อคนในสังคม เมื่อถามกรณีที่ ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต หรือหมวดเจี๊ยบ ระบุว่ากองทัพควรให้โอกาสออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลได้เช่นเดียวกับที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. หรือไม่ นายบุญยอดตอบว่า เรื่องนี้ต้องพิจารณาถึงระเบียบวินัยของกองทัพบก ซึ่งเป็นหน่วยงานเฉพาะที่ต้องเคารพ และพล.อ.อนุพงษ์เป็นผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงาน จึงมีอำนาจหน้าที่ในการแถลงหรือให้ความเห็นต่อสื่อมวลชน ในขณะที่ข้าราชการระดับล่างไม่มีหน้าที่นี้ จึงต้องแยกแยะให้ถูกต้อง
ทบ.ลั่นไม่มีใครรังแก “หมวดเจี๊ยบ”
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณีที่กองทัพบกเรียกสอบ ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต หรือหมวดเจี๊ยบ นายทหารสังกัดสำนักงานเลขานุการกองทัพบก พิธีกรสถานีโทรทัศน์ดีทีวีว่า หน่วยต้นสังกัดคงดูแลอยู่ ส่วนจะมีหลักการและมาตรการที่เหมาะสมเป็นอย่างไร หากพูดอะไรบางทีไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องผู้น้อยผู้ใต้บังคับบัญชา ลักษณะคุกคามคงไม่ใช่ แต่การจะปล่อยปละละเลยเส้นแบ่งระหว่างเรื่องระเบียบวินัยกับการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาต้องมีอยู่ ผู้บังคับบัญชาต้องไปดูว่าทำอย่างไรแล้วเสนอขึ้นมา ทราบว่าคุณสุนิสาประสงค์ที่จะลาออกจากทหาร เพื่อทำเรื่องส่วนตัว แต่ยังไม่ได้รับการยืนยัน ทราบจากผู้บังคับบัญชาว่าเป็นอย่างนั้น เมื่อถามว่า กองทัพรังแกผู้หญิงหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ตอบว่า คงไม่ใช่อย่างนั้น ไม่มีใครจะไปรังแกไม่มี
“หมวดเจี๊ยบ” ประกาศไม่ยอมลาออก
เช้าวันเดียวกัน ที่สำนักงานเลขานุการกองทัพบก ร.ท.หญิงสุณิสาได้เข้าพบ พล.ต.วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล เลขานุการกองทัพบก เพื่อชี้แจงการทำหน้าที่พิธีกรรายการ “ห้องเรียนประชาธิปไตย” ทางสถานีโทรทัศน์ดีทีวี โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้น ร.ท.หญิงสุณิสากล่าวว่า ได้ทำหนังสือขออนุญาต พล.ต.วีรัณเรียบร้อยแล้ว จากนี้จะต้องรอให้ผู้บังคับบัญชาเป็นผู้ให้ คำตอบ และจะไม่ไปจัดรายการจนกว่าจะมีคำสั่งอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร ทั้งนี้ ไม่ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไร ยินดีที่จะทำตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ยืนยันว่าจะไม่ลาออกจากราชการทหารอย่างแน่นอน เพราะเป็นอาชีพที่เราภาคภูมิใจและมีคุณค่า ทั้งนี้จะอยู่ต่อไปจนกว่ากองทัพไม่ต้องการ เมื่อถามว่า กลัวจะเป็นเกมการเมืองที่กลุ่ม นปช.พยายามดึงเข้ามา เพื่อให้เกิดความขัดแย้งกับกองทัพ ร.ท.หญิงสุณิสาตอบว่า เรารู้ดีว่าทำอะไรอยู่ เราเป็นผู้ใหญ่แล้วคงไม่ปล่อยให้ใครมาชักจูง หรือบงการให้ทำในสิ่งที่ไม่ดี เราจะทำอะไรบนพื้นฐานของความถูกต้อง ความคิดความเชื่อและความเคารพบนหลักวิชาชีพ คิดว่าเพื่อนทหารกว่า 50,000 คน คงสงสัย และอยากรู้ว่าสิทธิการแสดงออกในระบอบประชาธิปไตย สามารถทำได้แค่ไหน
ดึง “ทักษิณ” โฟนอินปลุกคนเสื้อแดง
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยในฐานะผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้ แถลงว่า ทีมงานความจริงวันนี้จะแถลงข่าวในวันที่ 21 ม.ค. เวลา 10.00น. ที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล ลาดพร้าว เพื่อชี้แจงถึงความชัดเจนในการชุมนุมใหญ่ ที่ท้องสนามหลวง ภายในสิ้นเดือน ม.ค.นี้ ที่จะมีคนเสื้อแดงมาร่วมนับแสนคน โดยจะขอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โฟนอินเข้ามาเป็นเวลา 1 ชั่วโมง โดยมีทีมงานความจริงวันนี้เป็นผู้ดำเนินรายการ อย่างไรก็ตาม ภายใน 3 เดือนจะทำทุกวิถีทางให้รัฐบาลยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชนให้ได้ ส่วนกรณีที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วย ที่กลุ่มเสื้อแดงเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภานั้น ประชาธิปไตยมีความเห็นที่แตกต่างกันได้ ส่วนกรณีที่นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดรฯ ขอสนับสนุนงบประมาณในการชุมนุมจากแกนนำพรรคเพื่อไทยนั้น มันประหลาด เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ยังเจอกันทักทายกันดี จนมาเห็นข่าวในช่วงเช้าวันที่ 20 ม.ค. ดังนั้นถ้าจะไปก็ไป เพราะเราไม่มีความผูกพันเรื่องผลประโยชน์ ถ้าใครจิตใจแปรพักตร์ ก็ควรประกาศให้ชัดเจนเหมือนกับพวกที่ไป ถ้าอยู่ด้วยกันก็ควรให้สัมภาษณ์ด้วยความระมัดระวังหน่อย เพราะเป็นแบบนี้แล้วใครจะกล้าไปคุยด้วย
ร้อง รมว.กลาโหมถอดยศ “อภิสิทธิ์”
เช้าวันเดียวกัน ที่กระทรวงกลาโหม นายกมล บันไดเพชร กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย เดินทางมายื่นหนังสือผ่าน พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม เพื่อส่งถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม เพื่อขอให้ถอดยศนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และเรียกคืนเงินเดือนและเบี้ยหวัดคืน โดยมี พ.อ.สิทธิผลนิ่มนวล รองหัวหน้าสำนักงานเลขาฯปลัดกระทรวงกลาโหม มารับหนังสือแทน
นายกมลกล่าวว่า กรณีการบรรจุเข้ารับราชการของนายอภิสิทธิ์ จนได้รับแต่งตั้งยศเป็นนายทหารยศสัญญา บัตร เป็นการบรรจุแต่งตั้งโดยมิชอบ ฝ่าฝืนต่อระเบียบและกฎหมาย จึงไม่มีสิทธิ์ได้รับเบี้ยหวัดและเงินเดือน ดังนั้น รมว.กลาโหม สมควรพิจารณาถอดยศนายอภิสิทธิ์ และเรียกเงินเดือนเบี้ยหวัดที่รับไปแล้วคืน ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยให้เวลา 30 วัน ในการดำเนินการ หาก รมว. กลาโหมไม่ดำเนินการจะถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จะนำเรื่องเข้าสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ พร้อมยื่นร้องต่อศาลอาญาแผนกคดีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง