WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, January 21, 2009

'มาร์ค'ยันอัดงบศก.พอเพียงไม่พาไทยกลับยุค IMF

ที่มา ประชาทรรศน์

'อภิสิทธิ์' ยัน อัดงบกองทุนเศรษฐกิจพอเพียงพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ มั่นใจไม่สร้างหนี้ IMF ไฟเขียวอัดฉีดกองทุน SME ห้าหมื่นล้านบาท

จากกรณีที่มีนักวิชาการออกมาวิพากษ์วิจารณ์งบกองทุนเศรษฐกิจพอเพียง 1.52 หมื่นล้านบาท เป็นแค่งบลูบหน้าปะจมูก ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน โดยระบุว่าควรนำเงินไปใช้เพื่อการสร้างงานสร้างอาชีพ มากกว่าจะเอาไปแจกหรือเอาไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไร้ทิศทาง โดยแนะรัฐบาลว่าควรสำรวจความต้องการให้ชัดเจนเสียก่อน เนื่องจากกังวลว่าหากพิจารณาไม่รอบคอบจะกลายเป็น ไอเอ็มเอฟรอบ 2 ที่สำคัญประโยชน์ที่ได้ไม่คุ้มกับภาษีที่ต้องจ่ายให้รัฐเพราะทุกวันนี้หนี้สาธารณะก็ท่วมหัวอยู่แล้ว โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ไม่มี ตนได้ดูอย่างละเอียดรอบครอบอยู่แล้ว อีกทั้งการนำเงินคืนสู่กระเป๋าไม่ได้ใช้ทุนสำรองที่มีอยู่

ส่วนกระแสข่าวที่บอกว่ารัฐบาลเป็นหนี้สาธารณะนั้นไม่เป็นความจริง ซึ่งตัวเลขที่ออกมาตนได้คิดก่อนที่จะกำหนดจำนวนเงินของงบกลางปี บวกกับโครงการการแทรกแซง อย่างเรื่องพืชผลทางการเกษตรก็ได้ดูตัวเลขก่อนแล้ว เนื่องจากต้องไม่ทำให้เกิดความเสี่ยงในเรื่องนี้ ฉะนั้นเรื่องเป็นหนี้ IMF จะไม่เป็นปัญหาอย่างแน่นอน

ไฟเขียว!5หมื่นล้านอัดฉีดกองทุนเอสเอ็มอี

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน หรือ กรอ.เป็นนัดแรก โดยภาคเอกชนเสนอแนวทางการแก้ปัญหาแรงงาน โดยการขอปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลลงเหลือ 20-25 เปอร์เซ็นต์ จากปัจจุบันที่จัดเก็บอยู่ 30 เปอร์เซ็นต์ และขยายเวลาการหักขาดทุนสะสม 5 ปีเป็น 8 ปีสำหรับผู้ประกอบการที่ไม่ปรับลดแรงงาน และปรับเพิ่มค่าลดหย่อนสำหรับผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จาก 150,000 บาท เป็น 200,000 บาท เพื่อลดภาระให้กับประชาชน แต่ทั้ง 2 เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีตีกลับ

นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้ดูแลสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ โดยจัดหาเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีอนุมัติวงเงิน 66,000 ล้านบาท ผ่านช่องทางการปล่อยกู้ของสถาบันการเงินของรัฐ พร้อมทั้งตั้งกองทุนสนับสนุน SMEs วงเงิน 50,005 ล้านบาท และให้ SMEs 20,000 ราย

กรอ.เห็นชอบคณะกรรมการดูแลเรื่องเศรษฐกิจ

ด้าน นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน(กรอ.)ว่า มีการกำหนดแนวทางในการประชุมกรอ. เห็นชอบให้มีขึ้นในทุก 2-3 สัปดาห์ ในวันพุธ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจ ในการแก้ไขปัญหาร่วมกันต่อเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น

เห็นชอบให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการ 4 คณะ ดังนี้ คณะกรรมการกรอ. ระดับจังหวัด และกลุ่มจังหวัด คณะกรรมการพัฒนาโลจิสติกส์ คณะกรรมการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก และคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ เพื่อนำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในต่างประเทศและในประเทศ

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาข้อเสนอของภาคเอกชนที่เป็นเร่งด่วน 4 เรื่อง คือ สร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ และความโปร่งใส ให้ภาคเอกชนรับไปประมวลประเด็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการอำนวยความสะดวกของการตรวจคนเข้าเมือง มาตรการเสริมสร้างสภาพคล่อง โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลังไปพิจารณาจัดทำตัวเลขเรื่องการเร่งรัดการคืนภาษี ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมการตามแนวคิดที่จะให้ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยผ่อนปรนโดยผ่านสถาบันการเงินในลักษณะ Matching fund

มาตรการแก้ไขปัญหาการว่างงาน ในระยะสั้น โดยมอบหมายกระทรวงแรงงานให้ดำเนินการตาม Package ที่ได้วางไว้ภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน ส่วนในระยะยาว ควรให้ความต่อการศึกษาที่ยกระดับองค์ความรู้และทักษะความชำนาญให้สูงขึ้น และตรงตามความต้องการของอุตสาหกรรมที่มีเทคโนโลยีชั้นสูง

อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อเสนอด้านการท่องเที่ยว เห็นว่าน่าจะอัดฉีดเงินภาครัฐเข้าไปกระตุ้นประมาณ 30 เปอร์เซนต์ เพื่อกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศได้กลับคืนมา เรื่องภาษีเพื่อการหักค่าใช้จ่ายในกรณีสัมมนาสามารถหักได้สองเท่า ให้กระทรวงแรงงาน และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งได้รับจัดสรรงบประมาณเร่งด่วนเพื่อการฝึกอบรมบุคลากร โดยประสานงานกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

ทั้งนี้ให้กระทรวงท่องเที่ยวฯ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) และสภาอุตสาหกรรมฯ ประสานงานการจัดทำกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวของประเทศไทย และมอบหมายฝ่ายเลขานุการฯ (สศช.) ประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนพิจารณาให้การส่งเสริมการลงทุนกับผู้ประกอบการโรงแรม ผู้ประกอบการท่องเที่ยวในการปรับปรุงอาคารสถานที่ในปี 2552 และ2553 โดยได้รับสิทธิประโยชน์ด้านยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักร และยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี สำหรับมูลค่าการปรับปรุงโรงแรม

'หม่อมอุ๋ย'ชมเปาะ!มาตรการกระตุ้นศก.'มาร์ค1'

ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้จัดงานเสวนาหัวข้อ เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทย 60ปี เศรษฐศาสตร์ มธ. โดย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ว่า มาตรการที่ออกมาในครั้งนี้ดีกว่าครั้งก่อน เนื่องจากจะช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศให้มีมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาในรอบแรกนั้นมุ่งช่วยเหลือแต่เพียงผู้ประกอบการ

แต่อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่ามาตรการที่รัฐบาลนำออกมาใช้นั้นเพียงพอหรือไม่ แต่การที่มีมาตรการออกมากระตุ้นเศรษฐกิจนั้นถือเป็นเรื่องที่ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า รัฐบาลควรจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมในส่วนที่เกี่ยวข้องการปัญหาการจ้างงาน ซึ่งเชื่อว่าจะมีประชาชนได้รับผลกระทบในเรื่องนี้เป็นจำนวนมาก การที่รัฐบาลจัดสรรงบประมาณเพื่อแก้ปัญหานี้ไว้เพียง 7.1 พันล้านบาท จากงบประมาณกลางปีกว่า 1 แสนล้านบาท โดยน่าจะได้รับการจัดสรรถึง 50% ของงบกลางปีทั้งหมด

ขณะที่การปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินน่าจะเน้นไปที่ประชาชนมากขึ้นเพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ เพราะภาวะการส่งออกลดลงไม่จำเป็นต้องปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการมากนัก