ที่มา ประชาทรรศน์
"บินไทย"คับขัน! สะพัดกัดฟันยื้อได้แค่เดือนมี.ค. หากไม่มีงบประมาณเข้ามาพยุงสถานการณ์ คนในแฉผู้บริหารปากมันสต๊อกน้ำมันล่วงหน้าราคาแพงหูฉี่ถึง 150 ดอลล่าต่อบาร์เรล ทั้งที่ราคาตลาดโลกลดฮวบเหลือแค่ 39 ดอลล่าต่อบาร์เรล พร้อมจี้ "ขุนคลัง"ตรวจสอบที่มาที่ไป หวั่นมีวาระซ่อนเร้น ปูดอีกเตรียมปลดพนักงาน-ลดเที่ยวบินล็อตใหญ่หวังลดต้นทุน "กรณ์"สั่ง "บิ๊กเอื้องหลวง" ทำแผนแก้ปัญหาส่งก่อนสิ้นม.ค.นี้
วันนี้ (22 ม.ค.) นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า ได้รับรายงานปัญหาทางการเงินของ บมจ. การบินไทย (THAI) และ แจ้งกลับไปยังผู้บริหารให้จัดทำแผนงานเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในเชิงบุรณาการ และนำกลับมาเสนอภายใน 1-2 สัปดาห์ พร้อมจะได้หารือกับ รมว.คมนาคมในฐานะกระทรวงต้นสังกัด เพื่อรับทราบแนวทางการแก้ปัญหาของการบินไทยด้วย
"กระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นต้องการแผนปฏิบิติการที่สะท้อนถึงต้นตอของปัญหา รวมถึงปัญหาอื่นๆ การเข้ามาแก้ไขปัญหาจะต้องมองในระยะยาว ไม่ใช้การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอย่างไรก็ตาม ปัญหาของการบินไทย ยอมรับว่า เกิดจากทั้งปัญหาเศรษฐกิจในประเทศ และเศรษฐกิจต่างประเทศ และราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงก่อนหน้านี้ ที่ส่งผลต่อการเดินทางผู้โดยสารลดลงเช่นเดียวกับสายการบินอื่นทั่วโลก ดังนั้น การบินไทยจะต้องวางแผนรับมือว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร" นายกรณ์ กล่าว
นอกจากนี้ รมว.คลัง ยังเปิดเผยอีกว่า การบินไทยยังไม่ได้เสนอขอสนับสนุนเงินเสริมสภาพคล่องหรือเงินเพิ่มทุน ซึ่งกระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ต้องการเห็นแผนแก้ไขปัญหาของการบินไทยในประเด็นต่างๆ ทั้งในเรื่องการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นรวมถึงแผนการปรับปรุงการดำเนินงาน ซึ่งต้องเป็นแผนที่จะต้องชี้แจงผู้ถือหุ้นและประชาชนได้
ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวระดับสูงภายในการบินไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้การบินไทยกำลังประสบปัญหาเรื่องสภาพคล่องอย่างรุนแรง โดยงบประมาณที่มีอยู่ ณ ปัจจุบันทั้งหมด จะสามารถผยุงบริษัทไปได้ถึงแค่เดือนมีนาคมนี้ โดยหนึ่งในสาเหตุที่การบินไทยประสบปัญหาเรื่องสภาพคล่องเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ การบินไทยได้มีการสต๊อกน้ำมันล่วงเป็นเวลาหลายเดือนในราคา 150 บาทต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดน้ำมันโลกคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันจะพุ่งไปแตะที่ 170 ดอลล่าต่อบาร์เรล แต่เหตุการณ์กลับตรงกันข้ามเพราะราคาน้ำมันโลดกลับดิ่งลงมาอยู่ที่ประมาณ 39 ดอลล่าต่อบาร์เรล ส่งผลให้การบินไทยยังคงต้องซื้อน้ำมันในราคา 150 ดอลล่าต่อบาร์เรลต่อไป
"เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าผิดสังเกตุมาก เพราะการบินไทยเป็นสายการบินไม่ใช่ผู้ผลิตน้ำมันภายในประเทศอย่าง ปตท. แต่ทำไมการบินไทยถึงต้องสต็อกน้ำมันล่วงหน้าในจำนวนมากมายขนาดนี้ ซึ่งไม่ทราบว่า การซื้อขายในจำนวนมากขนาดนี้มีความโปร่งใสหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีการตรวจสอบที่มาที่ไปของการซื้อขายครั้งนี้ว่า มีการทำสัญญากับกองทุนน้ำมันใด และเอื้อประโยชน์ให้กับใครบ้าง รัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ต้องทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง" แหล่งข่าว ระบุ
นอกจากนี้ แหล่งข่าวคนเดิม ยังเปิดเผยอีกว่า ขณะนี้การบินไทยกำลังปรับในเรื่องการลดต้นทุน โดยมีแนวโน้มว่าจะมีการปลดพนักงานที่มีความอาวุโสสูงและมีเพดานเงินเดือนสูงออกจากตำแหน่ง ขณะเดียวกันก็จะมีการลดจำนวนเที่ยวบินลงไป ซึ่งเรื่องนี้สร้างความไม่พอใจให้กับแอร์ โฮสเตทและกัปตันมาก เนื่องจากพนักงานในส่วนนี้จะมีรายได้ส่วนใหญ่จากการขึ้นบินต่อครั้งต่อไฟลท์ และหากไม่มีเที่ยวบิน พนักงานก็จะเสียรายได้ส่วนนี้ไป
ด้าน น.ต.ธนิต พรหมสถิตย์ กัปตันการบินไทยอาวุโส เปิดเผยว่า การที่การบินไทยต้องประสบปัญหาขาดสภาพคล่องหนักถึงขนาดนี้ เกิดจากระบบอุปถัมภ์ในองค์กร มีเด็กเส้นในบริษัทมาก ส่งผลให้คนเก่ง คนมีฝีมือ ไม่ได้เข้ามาบริหารการบินไทย แต่กลับได้เด็กเส้นที่ไม่มีความสามารถในการบริหารองค์กรเข้ามาทำหน้าที่แทน ซึ่งตรงนี้ตนมองว่า ควรจะหมดไปจากการบินไทยได้แล้ว โดยเฉพาะในยามที่สถานการณ์ของการบินไทยกำลังย่ำแย่อย่างทุกวันนี้ การบินไทยต้องคัดสรรคนดีมีฝีมือเข้ามาทำงาน รื้อระบบเส้นสายให้หมด ไม่เช่นนั้นองค์กรจะผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้ลำบาก