ที่มา บางกอกทูเดย์
เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือควาย..รัฐบาลเคยได้ยินไหม?ถ้ายัง..อ่านเรื่องนี้ให้จบ?!?เมื่อรัฐบาล “ลมออกหู” กรณี สมเด็จฯ ฮุน เซนนายกรัฐมนตรีกัมพูชา แต่งตั้ง “พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร” เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการมีคำสั่งให้ “นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา” กลับเมืองไทยทันที!! ภายหลังข่าวการแต่งตั้งพ.ต.ท.ทักษิณ กระทบหู สะเทือนใจรัฐบาลไทยนับเป็นการ “ตัดสินใจที่เร็ว” เกินคาดหมายส่งผลให้ความสัมพันธ์ไทย-เขมร ปริร้าว! เกือบแตกหัก จากเดิมที่มีเยื่อใยเปราะบางแม้ กษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ จะบอกว่าเป็นสิ่งที่สามารถทำได้แต่หากถามว่า เหมาะสมหรือไม่? หลายคนคงอึ้ง!!แต่กษิตคงจะ “เอาสีข้างเข้าถู” จนถลอกปอกเปิก หรือไม่ก็ลอยตามน้ำขุ่นๆ อย่างที่ผ่านมามันพลาด! ตั้งแต่ “ฮุน เซน” รู้ว่าการที่ประเทศของไทยมี รมว.ต่างประเทศ ชื่อ “กษิต ภิรมย์”จำกันได้หรือไม่?...
1. กษิตเคยขึ้นเวทีปราศัยในระหว่างการชุมนุมประท้วงของกลุ่มพันธมิตรฯ ทั้งที่ทำเนียบรัฐบาลและท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ และกล่าวชื่นชมการยึดสนามบินในครั้งนั้นว่าเป็น “นวัตกรรมใหม่ของการประท้วง”
2. กล่าวเชิญชวนนักการทูตระดับสูง และนักหนังสือพิมพ์ต่างชาติให้ไปร่วมชมการชุมนุมประท้วง และกล่าวถึงการยึดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่ทำให้
นักท่องเที่ยวตกค้างในประเทศกว่าสามแสนห้าหมื่นคนว่า “สนุกมาก ดนตรีเพราะ อาหารอร่อย”
3. กล่าวหาสมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาว่า “บ้าๆ บอๆ” “เป็นกุ๊ย” “จิตใจชั่วร้าย” และ“เป็นขี้ข้า” ของอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรการก้าวขึ้นเป็น รมว.ต่างประเทศ ที่ไม่สมบูรณ์แบบ…แม้รัฐบาลอภิสิทธิ์จะยืนกราน ว่า รมว.กษิต เหมาะสม
แม้อดีตจะผ่านงานต่างประเทศมาอย่างโชกโชน อาทิ เอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย,เอกอัครราชทูต ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย, เอกอัครราชทูตประจำกระทรวง ช่วยราชการสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี, เอกอัครราชทูตณ กรุงบอนน์และ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี, เอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นและตำแหน่งสุดท้ายก่อนเกษียณอายุราชการ คือ เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกาแต่รัฐบาลคงลืมว่า การอยู่ร่วมกันในสังคมสิ่งสำคัญที่ควรมีมากกว่าความสามารถคือ ต้นทุนทางสังคมเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น! เพราะต่างชาติขาดความเชื่อมั่น ไม่กล้าตีตั๋วลงเมืองไทยเพราะ ยังหลอนไม่หายกับการยกโขยงบุกยึดสนามบินแกนนำคนสำคัญในการยึดก็มิใช่ใคร ทว่าขณะนี้คือ รมว.ต่างประเทศงานด้านต่างประเทศจึงเป็นเรื่องสำคัญ แต่รัฐบาลกลับ “มองผ่าน” ผลักดันไปเป็นวาระ “หวานเย็น”ซ้ำร้าย!! รัฐบาลกลับไปเอาคนที่มี “คดี” ติดตัวขึ้นเป็น รมว.ต่างประเทศงานด้านการต่างประเทศของรัฐบาลไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก หากมีประสบการณ์ ความสามารถจริง “ไม่ใช่มือใหม่หัดขับ”โชคดีมีอยู่บ้าง!เมื่อทูตมหาอำนาจโดยเฉพาะทูตอังกฤษและทูตสหรัฐฯ โดยเฉพาะท่านทูตอังกฤษเป็นนักเรียนอีตัน รุ่นเดียวกับอภิสิทธิ์ ดังนั้น นายกฯ อภิสิทธิ์ต้องแสวงประโยชน์อย่างเต็มที่เพื่อแก้ไขด้านภาพลักษณ์ของประเทศการเมืองต่างประเทศทุกวันนี้เดินกันด้วยหัวหน้ารัฐบาล รัฐมนตรีต่างประเทศเป็นเพียงตัวประกอบหรือตัวเสริมเท่านั้นในเมื่อ “ตัวช่วย” ด้านการต่างประเทศไม่เต็มที่ผู้นำประเทศต้อง “เต็มที่” มิใช่การ “เออใช่” ไปกับ“รมว.กษิต” ผู้มีหน้าที่ “เชื่อมโยง” ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มหัวว่า “ครั้งเป็นแค่นายกษิตบนเวทีมือตบ” เขาสร้าง “ผลงาน” อะไรไว้บ้าง..ไม่แปลก! ที่วันนี้สมเด็จฯ ฮุน เซน เลือกทักษิณมากกว่าความสัมพันธ์กับรัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่แปลก! ที่วันนี้สมเด็จฯ ฮุน เซน จะ “เชือดนิ่ม” รัฐบาลโดยเฉพาะ “กษิต” ให้หืดจับเคลียร์หรือยัง? ว่า พลาด!