ที่มา บางกอกทูเดย์
ไม่เฉพาะผลกระทบจากการลดความสัมพันธ์กับ “กัมพูชา”เท่านั้น ที่สร้างความหนักใจให้กับรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของ “พี่มาร์ค”อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะแต่ “ศึกใน” ยังเป็นปมที่ต้องให้ รัฐบาลลงมาจัดการคลายปมขัดแย้งอีกหลายปมโดยเฉพาะความขัดแย้งภายในพรรคประชาธิปัตย์ที่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา...มีกระแสข่าว ปรับ ครม. ดังทั่วทำเนียบรัฐบาล ในช่วงเวลาที่นายกรัฐมนตรี เดินทางประชุม“แม่โขงซัมมิต” ที่ประเทศญี่ปุ่นข่าวนี้ “แรง” พอสมควรจนนายหัว “ชวน หลีกภัย”ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ต้องออกมาเบรกกระแสข่าวที่ระบุว่า ส.ส.ในกลุ่ม นายเฉลิมชัย ศรีอ่อนรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ภาคกลางออกมาทวงให้ปรับคณะรัฐมนตรีหลังทำ งานครบ 1 ปี“ผมไม่ทราบว่าตอนตั้งรัฐบาลได้มีการตกลงกันในเรื่องนี้หรือไม่ อย่างไร แต่ไม่เคยได้ยินว่าทำงานครบ 1 ปีแล้วจะปรับ ครม.และเห็นข่าวแล้วรู้สึกว่าไม่ดี”ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวด้วยว่าเรื่องนี้ไม่ควรจะออกไปเป็นข่าวเพราะไม่ดีจะทำให้ส่วนรวมคนที่ทำงานเพื่อพรรคเสียใจคนที่สนับสนุนพรรคก็ไม่อยากจะเห็นภาพนี้ส่วนที่มีข่าวว่าจะให้ปรับแลกตำแหน่งกับ นายถาวรเสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยนั้นนายชวน กล่าวว่าไม่ทราบและไม่เคยได้ยิน และขอให้ไปถามรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีจะดีกว่าตลอดเวลาที่ รัฐบาลอภิสิทธิ์บริหารงาน ได้สร้างความไม่พอใจให้กับ ส.ส.บางกลุ่มที่ไม่ได้โควต้า รมต.เพราะถูกพรรคร่วมรัฐบาลแย่งเก้าอี้เหล่านั้นไปหมดจนกลายเป็นคลื่นใต้นํ้าในพรรคที่สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับหัวหน้าพรรคและประธานที่ปรึกษาพรรคเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากศึกภายในพรรคแล้ว รัฐบาลอภิสิทธิ์ ยังมีศึกระหว่างพรรค โดยเฉพาะการแต่งตั้ง “นายพล” ที่เจอโรคเลื่อนมาแล้วถึง 3 ครั้งจนหลายต่อหลายคนเริ่มหันมาจับตามองว่า...ศึกครั้งนี้“หวย” จะออกที่ใคร?เพราะตลอดเวลาแม่งานใหญ่ที่ “สุเทพ เทือกสุบรรณ”ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และเป็นประธานคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติหรือ ก.ตร.แต่ประธาน ก.ตร. ก็ยังไม่สามารถ “ดันดารา” ให้เด็กในคาถา ขึ้นมาผงาดใน สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เพราะมีเส้นที่ใหญ่กว่าจากพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคที่คอยเป็นจระเข้ขวางคลองไม่แปลกที่ประชุม ก.ตร. ครั้งที่3 จะล่มไม่เป็นท่า ในเวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมงของการประชุมเท่านั้น...ทำให้หลายต่อหลายคนรับไม่ได้กับการประชุมเช่นนี้แม้ก่อนหน้าเข้าประชุม 1 วันนายสุเทพ จะนั่งยันนอนยันว่า...การประชุมครั้งนี้จะสามารถผ่านฉลุยในทุกตำแหน่ง ไม่มีโหวตสวนแน่นอนแต่สุดท้ายก็อย่างที่เห็น“ล้ม ลวง เละ” สำหรับประชุมก.ตร.ส่วนศึกในอีกศึกเห็นจะเป็นอดีตคนกันเอง อย่างพรรคการเมืองใหม่และกลุ่มพันธมิตรฯเริ่มออกมาเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลทั้งทางตรงและทางอ้อมล่าสุดวันที่ 9 พ.ย. แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำโดย พิภพธงไชย พร้อมด้วย ปานเทพพัวพงษ์พันธ์ เดินทางเข้าพบอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเพื่อยื่นข้อเสนอ 8 ข้อให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับกัมพูชาโดยได้ขอให้รัฐบาลยกเลิกบันทึกช่วยจำหรือ MOU ไทย-กัมพูชา ปี 2543 และปี 2544ในพื้นที่อัตราส่วน 1 ต่อ 2แสน และยกเลิกแผนที่ทับซ้อนทางทะเลนอกจากนั้นยังให้ยกเลิกโครงการและงบประมาณการช่วยเหลือประเทศกัมพูชา ทั้งนี้ยังให้ผลักดันทหารออกจากบริเวณพื้นที่ทับซ้อนของไทยด้วย“นายกรัฐมนตรีได้รับปากจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่10 พฤศจิกายน” นายพิภพกล่าวการออกมาเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ครั้งนี้ นอกเหนือการแสดงความรักชาติแล้วยังเป็นการเรียกคะแนนจากสาวกพันธมิตรฯ ให้รู้ว่า“ข้ากำลังจะกลับมา”หากรัฐบาลไม่เล่นด้วยแถมพรรคการเมืองใหม่ที่ตั้งขึ้นมารอ ยังได้คะแนนเสียงตามมาอีกหลายกระบุงงานนี้จึงคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้มส่วนศึกระหว่าง “คนเสื้อแดง” กับรัฐบาลนั้น ไม่ช้าไม่นานก็จะกลับมาอีกคำ รบหากสถานการณ์บ้านเมืองยังวุ่นวายเช่นนี้รอแ่ค่เสียงนกหวีดคงจะเห็นแดงทั้งแผ่นดินอีกครั้งเมื่อนั้น รัฐบาลคงต้องกินยาพาราเซตามอล 3เวลาหลังอาหารเป็นแน่ ทั้ง“ศึกใน-ศึกนอก” จะต้านทานไหวหรือไม่ ต้องรอดูกันต่อไป!