มะรุมมะตุ้มที่มา ข่าวสด
คอลัมน์ เหล็กใน
ทันทีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ประกาศแผนโรดแม็ปพร้อมวันเลือกตั้งใหม่ 14 พ.ย.
สังคมโดยองค์รวมก็ถอนหายใจกันเฮือกใหญ่ เพราะคาดว่าปัญหาต่างๆ น่าจะคลี่คลายไปได้ด้วยดี
แต่การณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น
ฝ่ายเสื้อแดงยังไม่ยอมก้าวลงจากเวทีแม้จะมีบันไดพาดรอไว้แล้ว
ทางหนึ่งเพราะรู้สึกว่านายอภิสิทธิ์ ไม่ยอมประกาศให้ชัดเจนเรื่องการยุบสภา และยังเกรงปัญหาเรื่องการตี ความคำพูดอันเป็นจุดแข็งของพรรคประชาธิปัตย์
ที่สามารถพลิกพลิ้วไปได้เรื่อยๆ หากพูดให้มันคลุม เครือเข้าไว้
จึงเป็นข้ออ้างให้เสื้อแดงปักหลักชุมนุมต่อไป ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะเป็นบวกหรือลบ เพราะท่าทีของรัฐบาลยามนี้ถือว่าถอยให้มากพอสมควรแล้ว
ขณะเดียวกันอีก 2 ม็อบที่ออกมาเคลื่อนไหวทันทีคือเสื้อเหลือง และเสื้อหลากสี
แสดงความไม่พอใจที่เห็นนายอภิสิทธิ์ ยอมอ่อนข้อให้เสื้อแดง
โดยเฉพาะพันธมิตรฯ แกนนำแต่ละคนแสดงออกอย่างกระหายเลือด เหมือนต้องการให้ทหารสาดกระสุนเข้าใส่ผู้ชุมนุมให้ตายหงส์ ตายห่าน เสียให้หมด
ไม่ได้นึกเลยว่าตัวเองก็เคยออกมาเคลื่อนไหวสร้างความเดือดร้อนให้บ้านเมืองทั้งยึดทำเนียบฯ และยึดสนามบิน
มีคดีความมากมายจ่อหลังอยู่ แต่ทำเป็นหน้ามึนจี้ให้ตำรวจเร่งจัดการตามกฎหมายกับเสื้อแดง
ส่วนเสื้อหลากสีไม่ต้องพูดถึง จะว่าไปแล้วก็เหลือง อ่อนๆ นั่นแหละ
จุดมุ่งหมายก็ชัดเจนว่าไม่ต้องการให้ยุบสภา
จึงมีคำถามตามมาในพลันว่า ทำไมเสื้อเหลืองและเสื้อหลากสี ถึงกลัวการเลือกตั้งใหม่ ทั้งๆ ที่นี่คือหนึ่งในองค์ประกอบของระบอบประชาธิปไตย
พันธมิตรฯ เองก็มีพรรคการเมือง ที่จริงน่าจะอยากให้มีการเลือกตั้งใหม่เร็วๆ จะได้เข้าไปชูคอในฐานะ ส.ส. หรือจับพลัดจับผลูได้เป็นรัฐมนตรีกับเขาอย่างถูกต้องตามขั้นตอน
การแสดงออกแบบนี้ อาจจะถูกกล่าวหาได้ว่า อยากมีอำนาจ อยากได้ผลประโยชน์ แต่ไม่อยากมาตามขั้นตอน
เหมือนอยากให้ลูกหลานเข้าเรียนมหาวิทยาลัย แต่ไม่อยากสอบแข่งกับเด็กคนอื่น ใช้วิธีทวงบุญคุณ หรือข่มขู่เพื่อให้เข้าเรียนได้โดยไม่ต้องสอบ
อยู่ในระบอบประชาธิปไตยแต่กลัวการเลือกตั้ง เป็นเรื่องตลกแต่ขำไม่ออกจริงๆ
ตอนนี้เหมือนทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด ฝ่ายเสื้อแดงที่ถูกกล่าวหาว่าต้องการเปลี่ยนระบอบการปกครองของไทย แต่กลับเรียกร้องให้เลือกตั้งใหม่
ขณะที่พันธมิตรฯ หรือเสื้อหลากสี ที่อ้างตัวว่ารักประชาธิปไตย และต้องการรักษาระบอบนี้ไว้ กลับกลัวการเลือกตั้งขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ตกลงว่าใครมีแนวคิดอยากเปลี่ยนระบอบการปก ครองของไทยกันแน่!?
สังคมโดยองค์รวมก็ถอนหายใจกันเฮือกใหญ่ เพราะคาดว่าปัญหาต่างๆ น่าจะคลี่คลายไปได้ด้วยดี
แต่การณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น
ฝ่ายเสื้อแดงยังไม่ยอมก้าวลงจากเวทีแม้จะมีบันไดพาดรอไว้แล้ว
ทางหนึ่งเพราะรู้สึกว่านายอภิสิทธิ์ ไม่ยอมประกาศให้ชัดเจนเรื่องการยุบสภา และยังเกรงปัญหาเรื่องการตี ความคำพูดอันเป็นจุดแข็งของพรรคประชาธิปัตย์
ที่สามารถพลิกพลิ้วไปได้เรื่อยๆ หากพูดให้มันคลุม เครือเข้าไว้
จึงเป็นข้ออ้างให้เสื้อแดงปักหลักชุมนุมต่อไป ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะเป็นบวกหรือลบ เพราะท่าทีของรัฐบาลยามนี้ถือว่าถอยให้มากพอสมควรแล้ว
ขณะเดียวกันอีก 2 ม็อบที่ออกมาเคลื่อนไหวทันทีคือเสื้อเหลือง และเสื้อหลากสี
แสดงความไม่พอใจที่เห็นนายอภิสิทธิ์ ยอมอ่อนข้อให้เสื้อแดง
โดยเฉพาะพันธมิตรฯ แกนนำแต่ละคนแสดงออกอย่างกระหายเลือด เหมือนต้องการให้ทหารสาดกระสุนเข้าใส่ผู้ชุมนุมให้ตายหงส์ ตายห่าน เสียให้หมด
ไม่ได้นึกเลยว่าตัวเองก็เคยออกมาเคลื่อนไหวสร้างความเดือดร้อนให้บ้านเมืองทั้งยึดทำเนียบฯ และยึดสนามบิน
มีคดีความมากมายจ่อหลังอยู่ แต่ทำเป็นหน้ามึนจี้ให้ตำรวจเร่งจัดการตามกฎหมายกับเสื้อแดง
ส่วนเสื้อหลากสีไม่ต้องพูดถึง จะว่าไปแล้วก็เหลือง อ่อนๆ นั่นแหละ
จุดมุ่งหมายก็ชัดเจนว่าไม่ต้องการให้ยุบสภา
จึงมีคำถามตามมาในพลันว่า ทำไมเสื้อเหลืองและเสื้อหลากสี ถึงกลัวการเลือกตั้งใหม่ ทั้งๆ ที่นี่คือหนึ่งในองค์ประกอบของระบอบประชาธิปไตย
พันธมิตรฯ เองก็มีพรรคการเมือง ที่จริงน่าจะอยากให้มีการเลือกตั้งใหม่เร็วๆ จะได้เข้าไปชูคอในฐานะ ส.ส. หรือจับพลัดจับผลูได้เป็นรัฐมนตรีกับเขาอย่างถูกต้องตามขั้นตอน
การแสดงออกแบบนี้ อาจจะถูกกล่าวหาได้ว่า อยากมีอำนาจ อยากได้ผลประโยชน์ แต่ไม่อยากมาตามขั้นตอน
เหมือนอยากให้ลูกหลานเข้าเรียนมหาวิทยาลัย แต่ไม่อยากสอบแข่งกับเด็กคนอื่น ใช้วิธีทวงบุญคุณ หรือข่มขู่เพื่อให้เข้าเรียนได้โดยไม่ต้องสอบ
อยู่ในระบอบประชาธิปไตยแต่กลัวการเลือกตั้ง เป็นเรื่องตลกแต่ขำไม่ออกจริงๆ
ตอนนี้เหมือนทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด ฝ่ายเสื้อแดงที่ถูกกล่าวหาว่าต้องการเปลี่ยนระบอบการปกครองของไทย แต่กลับเรียกร้องให้เลือกตั้งใหม่
ขณะที่พันธมิตรฯ หรือเสื้อหลากสี ที่อ้างตัวว่ารักประชาธิปไตย และต้องการรักษาระบอบนี้ไว้ กลับกลัวการเลือกตั้งขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ตกลงว่าใครมีแนวคิดอยากเปลี่ยนระบอบการปก ครองของไทยกันแน่!?