ที่มา มติชน
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า ค่าภาษีที่ต้องชำระเพิ่ม เป็นจำนวนเงิน 544,830 บาท มีการแจ้งว่าจ่ายเช็คธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยสหกรณ์สุราษฎร์ธานี เป็นเช็คของ
บริษัท ศรีสุบรรณฟาร์ม จำกัด เลขที่ 0028256 ลงวันที่ 28 มีนาคม 2551 จึงมีประเด็นที่ชวนสงสัยว่า มีลักษณะเข้าข่ายที่ควรถือเป็นการรับทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อย่างอื่นที่กฎหมายห้ามหรือไม่ เพราะนายสุเทพควรต้องชำระภาษีด้วยตนเอง ในฐานะบุคคลธรรมดา แต่จากหลักฐานที่แสดงไว้ทำให้เข้าใจว่าได้รับเช็คมาจากบริษัท ศรีสุบรรณฟาร์มฯซึ่งมีฐานะเป็นนิติบุคคล และจากข้อมูลที่ได้จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เข้าใจว่านายสุเทพได้ลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัท ศรีสุบรรณฟาร์มฯ ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2550 โดยได้โอนหุ้นทั้งหมดให้กับบุตร 3 คน จึงไม่ควรได้รับประโยชน์ตอบแทนจากบริษัทอีก
ซึ่งนายสุเทพ ได้เข้ามาเป็นส.ส.เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม2550 แม้ต่อมานายสุเทพ จะลาออกจากส.ส. แต่ก็มิได้ทำให้การรับประโยชน์จากบริษัท ศรีสุบรรณฟาร์มฯ ต้องพ้นจากความรับผิดตามมาตรา 103 ไปตามการลาออกแต่อย่างใด จึงขอให้ตรวจสอบการกระทำของนายสุเทพดังกล่าว
เพื่อไทย
Monday, May 3, 2010
"เรืองไกร"ยื่นป.ป.ช.สอบ"สุเทพ" อ้างทำผิด พ.ร.บ.ป.ป.ช. ม.103
ที่รัฐสภา นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือลงวันที่ 3 พฤษภาคม 2553 ถึงประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้ตรวจสอบการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อย่างอื่นของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในช่วงที่เป็น ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ที่อาจมีพฤติการณ์กระทำฝ่าฝืน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2542 มาตรา 103 จากการตรวจสอบแบบการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ที่นายสุเทพแจ้งไว้ที่ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี พบข้อสังเกตเบื้องต้นเกี่ยวกับการเสียภาษีว่า อาจรับทรัพย์สินที่เป็นเงินหรือผลประโยชน์จากบริษัท ศรีสุบรรณฟาร์ม จำกัด เพื่อนำเงินมาชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่เกิดจากเงินได้พึงประเมิน ประเภท สวนยาง เป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (ที่แจ้งว่ามีภาษีต้องชำระตามการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปีภาษี 2550 (ภ.ง.ด. 90) เป็นเงิน 544,830 บาท จากยอดภาษีที่คำนวณได้ทั้งสิ้น 2,248,671.29 บาท หักด้วยภาษีหัก ณ ที่จ่าย เป็นจำนวน 1,514,733 บาท และหักด้วยภาษีที่ได้ชำระไว้ตามแบบ ภ.ง.ด. 94 จำนวน 189,108.18 บาท