เสนาะ- อภิสิทธิ์
แลกกับแต้มที่เดินพลาดไป
โดยมติแกนนำม็อบ นปช.ยอมถอยออกจากบริเวณแยกศาลาแดง สั่งรื้อบังเกอร์ร่นแนวป้องกัน ถอนกำลังการ์ด คืนพื้นที่การจราจรบริเวณถนนราชดำริ เพื่อเปิดทางให้กับผู้ป่วยได้เข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
เพื่อเป็นการ "ไถ่โทษ" หลังผลงานห่ามๆของนายพายัพ ปั้นเกตุ นำทีมฮาร์ดคอร์ บุกเข้าตรวจค้นกองกำลังทหาร โดยระแวงว่าจะแอบซุ่มอยู่ในโรงพยาบาลจุฬาฯ จนแพทย์ พยาบาลต้องขนย้ายผู้ป่วยหนีกันอุตลุด
ผลคือฟาวล์ ไม่พบทหาร แต่เจอเต็มๆกับเสียงก่นด่าจากชาวบ้าน
เข้าทางรัฐบาล ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) และฝ่ายต่อต้านที่จ้องขย่มความชอบธรรมของม็อบเสื้อแดง อย่างที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี รีบออกโทรทัศน์
รวมการเฉพาะกิจฯ พูดกั๊กเป็นทำนองจะไม่ด่าซ้ำ แต่ให้สังคมพิจารณาพฤติกรรมของคนเสื้อแดงเอาเอง
เสื้อแดงเพลี่ยงพล้ำเกมชิงกระแส โดนรุมกระหน่ำตีถอยร่น
และเหมือนจะชิงจังหวะลุยปิดเกมกันเลย นายกฯอภิสิทธิ์เรียกประชุม ครม.นัดพิเศษในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ในวันอาทิตย์ที่ 2 พฤษภาคม ท่ามกลางกระแสข่าวจะมีการวางกรอบ "กฎอัยการศึก" เผด็จศึกผู้ชุมนุมเสื้อแดง
เล่นแรงตามเสียงยุของกองเชียร์
แต่ก็เป็นนายกฯอภิสิทธิ์ที่ออกตัวชิ่งก่อนเลย การประกาศกฎอัยการศึก ความจริงไม่ใช่อำนาจของรัฐบาล แต่เป็นอำนาจของกองทัพที่จะประกาศ และแจ้งให้รัฐบาลทราบ ถ้ากองทัพเห็นว่ามีความจำเป็น
เอะอะก็โยนเผือกร้อนใส่ทหาร
และเท่าที่จับอาการของนายกฯอภิสิทธิ์ที่พร่ำบ่นผ่านรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ ล่าสุด พูดถึงการแก้ไขปัญหาม็อบเสื้อแดง
เร็วๆนี้คิดว่าจะประกาศได้ว่าเจตนารมณ์ของรัฐบาลเป็นเช่นใด
โดยคำตอบทางการเมือง ข้อเรียกร้องทั้งเรื่องการยุบสภา หรือเรื่องกติกาทางการเมือง ต้องมีคำตอบหลังจากวางโปรแกรมแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนในระยะยาว
พูดเหมือนจะจบ แต่ยังไม่อยากจบ
"อภิสิทธิ์" เต้นฟุตเวิร์กไปเรื่อยๆ ไม่กล้าออกหมัด แต่ก็ไม่ยอมโยนผ้า
ไม่สนกองเชียร์ส่ายหน้า ฝ่ายไล่ก็เซ็งไปตามๆกัน
แต่ตามสัญญาณ หนังใกล้จบตอนของตัวเอกที่ชื่อ "อภิสิทธิ์"
โดยการขยับของพวกรุ่นเก๋าลายคราม จากคิวของ "บิ๊กจิ๋ว" พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ที่เสนอตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล ล่าสุด
ถึงคิวของ "ป๋าเหนาะ" นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช โผล่ออกมาเสนอตัวเป็นคนกลางในการตั้งโต๊ะเจรจาระหว่างรัฐบาลกับแกนนำม็อบ นปช.
ชงโรดแมปทางออกวิกฤติประเทศไทย
1. รัฐบาลต้องยกเลิกประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง และถอนกำลังทหาร ตำรวจออกจากทุกพื้นที่ และกลับเข้าที่ตั้งโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นจะทำให้ทั่วโลกมองประเทศไทยว่าไม่น่ามาทำการค้า ส่งผลต่อการท่องเที่ยว การลงทุน และเศรษฐกิจของประเทศใหญ่หลวง
2. นปช.ต้องย้ายการชุมนุมออกจากแยกราชประสงค์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางย่านธุรกิจการค้า โรงพยาบาล สถานศึกษา และการคมนาคม หากยังชุมนุมยืดเยื้อต่อไป อาจเป็นเงื่อนไขในการใช้กำลังของผู้ไม่ประสงค์ดี
3. จัดตั้งคณะกรรมการตัวแทนจากทุกพรรคการเมือง ตัวแทนจากสมาชิกวุฒิสภา ผู้แทนจากข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร ให้เป็นคณะกรรมการร่วมร่างข้อตกลงเพื่อหาข้อยุติ โดยคณะกรรมการดังกล่าวต้องแต่งตั้งภายหลังที่ทุกฝ่ายปฏิบัติตามข้อ 1 และ 2 ให้เสร็จสิ้นภายใน 7 วัน และนำแถลงการณ์นี้ไปยื่นต่อสถานทูตต่างๆต่อไป
และมันสำคัญตรง ป.ล.แนบท้ายให้ "อภิสิทธิ์" เสียสละลาออก แทนการยุบสภา
ช็อตนี้แหละ ต้องยกให้ "ลูกเก๋า" ของเสือเฒ่า
โดยการออกมาชิงธงนำ เล่นบทเด่น ในสถานการณ์ที่หลายฝ่ายรอ
ลุ้นคดียุบพรรคประชาธิปัตย์จากกรณีใช้เงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง 29 ล้านบาท ผิดวัตถุประสงค์
เจาะประตูทางลงวิกฤติการเมือง โดยไม่ต้องสูญเสียเลือดเนื้อเพิ่ม
ภายใต้เงื่อนไขของฝ่ายคุมเกมประเทศไทย ยังไงก็ไม่ปล่อยให้ เลือกตั้ง โดยให้เวทีสภาผู้แทนฯที่เหลืออยู่ไปจัดขั้วรัฐบาล หาตัวนายกรัฐมนตรีกันใหม่ ตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญปัจจุบันที่นายกฯต้องมาจาก ส.ส.
"ป๋าเหนาะ" ก็อยู่ในข่ายได้ลุ้นกับเค้าเหมือนกัน.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน