WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, May 7, 2010

ต่างชาติ ห่วงจะไม่จบ!

ที่มา บางกอกทูเดย์



จบจริงๆ หรือเปล่า???...และจะยืดเยืออีกแค่ไหน???ยังคงเป็นคำถามที่อึงอลอยู่ในสังคมไทยเวลานี้เพราะแม้ว่าทุกฝ่ายจะเห็นด้วยกับการเข้าสู่กระบวนการเจรจาโดยสันติ เลิกความรุนแรง เลิกการสลายการชุมนุมด้วยกำลังทหารและหันมาสู่ “ธงเลือกตั้ง” ให้เร็วที่สุด จะเป็นวันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายนก็ได้ หากว่ารัฐบาลพร้อมวันนั้น แต่ก็ต้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นคนกำหนดและประกาศวันเลือกตั้งให้ชัดเจน เพราะการกำหนดวันเลือกตั้งเป็นอำนาจของ กกต.ไม่ใช่อำนาจของรัฐบาลการดื้อ การเล่นเกม รวมทั้งการพลิกคำพูดของรัฐบาลหน้าตาเฉยในหลายๆ รอบที่ผ่านมา ทำให้เกิดความไม่เชื่อถือคำพูดของรัฐบาลและนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในระดับหนึ่ง...เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ฉะนั้นหากเกิดถึงเวลา นายอภิสิทธิ์ และรัฐบาลออกมาบอก

ว่า จริงๆ แล้วรัฐบาลพร้อมเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ย.จริงๆ แต่ กกต.ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ไม่ยอมประกาศให้วันที่ 14 พ.ย. เป็นวันเลือกตั้ง แต่ดันผ่าประกาศวันช้ากว่านั้น... ก็จะมาบอกว่ารัฐบาลทำอะไรไม่ได้ เพราะต้องรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายด้วยเหตุนี้เองสิ่งที่นายอภิสิทธิ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี จะต้องทำก็คือ การประกาศยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ ว่าจะยุบสภาในวันที่เท่าไรแล้ว กกต. ก็จะไปพิจารณาตามอำนาจที่มีว่า จะเลือกตั้งวันที่เท่าไร... นี่คือขั้นตอน

ที่จะต้องเป็นไปตามนี้ แต่เมื่อนายอภิสิทธิ์เล่นมาลัดขั้นตอนเสนอวันเลือกตั้งเองเลยมันก็เลยยุ่ง และทำให้คำถามในสังคมลั่นไปหมดว่า แล้วจะจบแน่หรือไม่???จะโทษว่า คนไทยเวลานี้โดนพิษและเกมการเมืองเล่นงานจนประสาทกิน ดัชนีความสุขเตี้ยติดดินจนยาคลายเครียดขายดิบขายดีกันอย่างมากนั้น ก็คงไม่ได้ เพราะการเมืองของรัฐบาลก็เล่นเกมชวนเครียดมาตลอดจริงๆ เสียด้วยก็ขนาดในวันที่ 5 พฤษภาคมซึ่งเป็นวันสำคัญของปวงชนชาวไทยทุกคน เนื่อง

จากเป็นวันฉัตรมงคล คนไทยทุกคนก็เลยยิ่งปิตินายวีระ มุสิกพงศ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ยังนำคนเสื้อแดงถวายพานพุ่ม และกล่าวสดุดีสักการะเพื่อแสดงความจงรักภัคดีต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสวันฉัตรมงคล พร้อมด้วยการร่วมร้องเพลงสดุดีมหาราชาและเพลงสรรเสริญพระบารมีแต่ปรากฏว่าศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ยังเดินเกมการเมืองไม่เลิก

เพราะมีผู้ชุมนุมบางส่วนได้รับข้อความสั้นผ่านทางโทรศัพท์มือถือ หรือ SMS จาก ศอฉ. เป็นจำนวน 3 ครั้งติดต่อกัน โดยครั้งแรกมีข้อความว่า “รักในหลวง ห่วงประเทศ ช่วยกันสร้างความสามัคคี เพื่อชาติไทย” ส่วนครั้งที่สองมีข้อความว่า “ยุติการชุมนุมเพื่อร่วมถวายเป็นพระราชกุศลในโอกาสมหามงคล” และครั้งที่สามระบุว่า “รัฐบาลพร้อมปรองดองกำหนดเลือกตั้ง14 พ.ย.นี้ ได้เวลากลับบ้านแล้ว”เล่นเอา นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. มองพฤติกรรมนี้ของ ศอฉ.

ว่าเป็นเรื่องขำ แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการชุมนุมและการเจรจา อย่างไรก็ตามได้ตั้งข้อสังเกตุและเตือนสติด้วยว่า สิ่งที่ศอฉ. กระทำเป็นสิ่งที่ไม่บังควร เพราะได้นำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการชุมนุม และยังเป็นการละเมิดสิทธิของประชาชน เพราะผู้ชุมนุมไม่ต้องการรับ SMS ของศอฉ.ก็แบบนี้แหละที่ทำให้คนไทยยังกังวลว่า แล้วจะจบได้หรือแม้แต่เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดี้ยน ประเทศอังกฤษ ได้เผยแพร่คำสัมภาษณ์ของนายดันแคน

แม็คคาร์โก้ ศาสตราจารย์ทางด้านการเมืองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แห่งมหาวิทยาลัยลีดส์ ซึ่งแสดงทัศนะถึงสถานการณ์ทางการเมืองไทย หลังจากนายอภิสิทธิ์ ประกาศโรดแมปปรองดอง 5 ข้อ พร้อมกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 14 พฤศจิกายน ว่า แม้การเลือกตั้งครั้งใหม่จะดำเนินไปอย่างเป็นอิสระและเป็นธรรม แต่นั่นก็ไม่ใช่เครื่องยืนยันว่าสันติภาพและเสถียรภาพจะถูกนำกลับคืนสู่สังคมไทยแม็คคาร์โก้แสดงความเป็นห่วงว่า หากพันธมิตรของกลุ่มคน

เสื้อแดงสามารถชนะการเลือกตั้งครั้งหน้าจนได้เป็นรัฐบาล กลุ่มผู้สนับสนุนนายอภิสิทธิ์และกลุ่มคนเสื้อเหลืองที่ระบุว่าตนเองจงรักภักดีต่อราชบัลลังก์ ก็อาจจะออกมารวมตัวชุมนุมกันบนท้องถนนอีกครั้งหนึ่ง“แล้วเราก็จะหวนกลับคืนไปสู่จุดที่เราเคยเผชิญ เพราะมีประชากรประมาณร้อยละ 30 ถึง 40 ซึ่งไม่สามารถยอมรับผลการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าใครจะชนะการเลือกตั้งก็ตาม เราจะหวาดกลัวกับสภาพการเมืองที่ย้อนไปในปี พ.ศ.2551 ซึ่งมีการเคลื่อนขบวนของ

มวลชนคนเสื้อเหลืองเพื่อไปยึดสนามบินและทำเนียบรัฐบาล” ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยลีดส์ กล่าวเช่นเดียวกับ วอดีน อิงแลนด์ ผู้สื่อข่าวบีบีซีประจำกรุงเทพฯ วิเคราะห์ว่า เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม บรรดาแกนนำเสื้อแดงใช้เวลาหารือกันเกือบทั้งวัน ก่อนจะมีความมั่นใจในการขึ้นไปแถลงการณ์ตอบสนองแผนโรดแมป ปรองดองแห่งชาติของนายอภิสิทธิ์ บนเวทีการชุมนุมข้อเสนอของแกนนำเสื้อแดงมีความชัดเจน พวกเขากระตือรือร้นที่จะเข้าร่วมกระบวนการปรองดอง

พวกเขาต้องการเจรจาต่อรอง และพวกเขาต้องการความยุติธรรมให้แก่ผู้คนที่ถูกฆ่าในช่วงวิกฤตการณ์ที่ผ่านมา แกนนำคนเสื้อแดงปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าพวกเขามีความพยายามจะล้มล้างสถาบันฯ ตามที่รัฐบาลกล่าวหา และยืนยันว่าพร้อมจะต่อสู้คดีดังกล่าวต่อไปกระบวนท่าในการเคลื่อนไหวครั้งนี้ของแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงมิได้ปราศจากพลังหรือไร้ซึ่งกลยุทธในการต่อรอง หลังแถลงการณ์ของพวกเขา “ลูกบอล” ได้ถูกตีโต้กลับไปยังฝ่ายรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง คำถามก็คือ

รัฐบาลนายอภิสิทธิ์จะตอบสนองต่อความต้องการที่มีความชัดเจนของกลุ่มคนเสื้อแดงหรือไม่? หรือแผนการปรองดองที่นายกรัฐมนตรีเสนอจะถือเป็นโอกาสสุดท้ายของสันติภาพซึ่งไม่เปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามได้ต่อรองใดๆ ทั้งสิ้น?ในขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์ เผยแพร่บทวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ที่สถานการณ์ขัดแย้งทางการเมืองในไทยจะลงเอยด้วยสันติ โดยมองว่ายังถือเป็นแนวทางที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดแม้ทางฝ่ายผู้ชุมนุมจะยังคงตั้งเงื่อนไขขอให้กำหนดวัน

ยุบสภาที่แน่ชัดออกมา โดยเชื่อด้วยว่า หากมีการตกลงกันได้ด้วยดีดังกล่าวจะส่งผลดีต่อดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ตลาดพันธบัตร และตลาดเงินของไทย และเชื่อว่า จะทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์สามารถพุ่งขึ้นสู่ระดับ 950 จุดได้เมื่อถึงปลายปีนี้รอยเตอร์ระบุว่า ยังมีความเป็นไปได้เช่นกันที่การทำความตกลงดังกล่าวจะยังไม่เกิดขึ้นในทันที แต่อาจชะลอออกไปอีกหลายวัน โอกาสที่จะเป็นไปได้ลำดับถัดมาก็คือการเจรจาระหว่างรัฐบาลกับผู้ชุมนุมตามแนวทางปรองดองแห่ง

ชาติของรัฐบาลล้มเหลวลง และมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดด้วยการใช้กำลังทหารเข้าสลายการชุมนุม ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น พันธบัตรและตลาดเงินอย่างหนักหน่วงอยู่ระยะหนึ่งจนกว่ารัฐบาลจะฟื้นฟูความเป็นระเบียบเรียบร้อยขึ้นมาได้โอกาสเป็นไปได้ที่มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยที่สุดในทัศนะของรอยเตอร์ก็คือ การชุมนุมยังคงดำเนินไปอย่างยืดเยื้อต่อไป โดยให้เหตุผลของความเป็นไปได้น้อยที่สุดว่า เป็นเพราะรัฐบาลอดทนมามากพอแล้วและการเข้าสลาย

การชุมนุมจะเป็นที่ยอมรับของสาธารณชนทั่วไป หรืออย่างน้อยที่สุดก็จากประชาชนในกรุงเทพฯอย่างไรก็ตามในรายงานของ เจมส์ ฮุคเวย์ เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์วอลสตรีท เจอร์นัล เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคมนี้ ให้ความสนใจไปที่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก มากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะหลังจากที่เสธ.แดงออกมาปฏิเสธข้อเสนอของนายกรัฐมนตรี โดยอ้างว่าเป็นเพียงกลลวงให้ยุติการชุมนุม เป็นการซื้อเวลา และหาทางให้ตลาดหุ้นดีด

ตัวขึ้นเท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงที่ต้องยอมรับ แม้แต่ในพรรคประชาธิปัตย์เอง ก็ใช่ว่าโรดแมปของนายอภิสิทธิ์ก็ใช่ว่าจะราบรื่นหมด นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ระบุชัดว่าเรื่องนี้ยังไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับนายกฯ เพราะเป็นเรื่องของรัฐบาล ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่จะมีการปรองดองหลายฝ่ายก็เห็นด้วย ซึ่งเป็นไปได้ในเรื่องของความเห็นแตกต่างขณะเดียวกันล่าสุดนายณัฐวุติ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.เปิดเผยว่า การหาทางออกโดยยึดหลักสันติวิธียังคงเป็น

แนวทางของกลุ่ม นปช. ถึงแม้ว่าแผนการปรองดองที่นายกรัฐมนตรีเสนอมาจะสะดุด แต่ขณะนี้สิ่งที่ต้องการเห็นคือความชัดเจนและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของ พรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อมีความชัดเจนแล้ว กลุ่ม นปช.ก็จะร่วมหารือเพื่อกำหนดแผนต่อไปซึ่งขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีว่าจะใช้เวลาดำเนินการนานเท่าไร ส่วนการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ยังคงยืนยันจะดำเนินต่อไปจนกว่าจะมีความชัดเจนเรื่องวันยุบสภาซึ่งในเรื่องของความชัดเจนต่างๆ ทาง

นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี อดีตประธานคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และตัวแทนคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ได้ทำหนังสือขอหารือกับ นายอภิสิทธิ์ ในวันนี้ (7 พ.ค.) ในช่วงบ่ายที่รัฐสภา เพื่อพูดคุยแนวทางและข้อปฏิบัติที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายการปรองดองตามโรดแมป 5 ข้อที่นายกฯ เสนอ จากนั้นวันที่ 8 พ.ค. จะไปคุยกับแกนนำ นปช.ว่ามีแนวทางอย่างไร เป้าหมายเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายมาเจรจากันในราย

ละเอียดให้มากขึ้น เมื่อมีการเลือกตั้งจะได้ไม่มีปัญหา เป็นการเอาความคิดของทั้งสองฝ่ายมาหลอมรวมให้ไปในทางเดียวกัน งานนี้หากทุกฝ่ายจริงใจ โดยเฉพาะรัฐบาล และนายอภิสิทธิ์ ต้องสร้างควาชัดเจนเพื่อให้เกิดการเลือกตั้งให้ได้เพราะการเมืองนอกจากจะต้องแก้ด้วยการเมืองแล้ว การเมืองต้องไปแก้กันด้วยการเลือกตั้งตามวิถีทางประชาธิปไตยที่แท้จริง