WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, May 6, 2010

การเมืองในโลกไซเบอร์ว่าร้อน...การเมืองในห้องน้ำร้อนกว่า

ที่มา ไทยรัฐ

การเมืองระอุทำเอาประตู-ฝาห้องน้ำดุเดือดไปด้วย ระบุ "รากหญ้า" ฮิตใช้ผนังห้องน้ำระบายอารมณ์เรื่องการเมือง ด้าน "คนทำความสะอาด" เผยเจอทุกๆ วัน บอกวันหลังเขียนอะไรใส่ฝาผนังในห้องน้ำ "ถามกูบ้าง" …

"สักวานั่งขี้ ดีดี หน่อย
ค่อยๆ ปล่อย ตรงๆ ให้ลงถัง
กินน้อย ขี้น้อย คอยระวัง
ขี้ติดถัง ล้างยาก ลำบากเอย"

"ตดดีๆ มีศิลป์ กลิ่นไม่เหม็น
ตดไม่เป็น ดังป้าด สาดเป็นฝอย
ตดวิบาก กากกระเซ็น เหม็นทั่วซอย
ตดอร่อย ตดเป็นเพลง บรรเลงเพลิน"


หรือจะเป็นบทกลอนเกี่ยวกับความรัก ประเภท

"เกิดเป็นชายรูปหล่อท้อใจนัก
หญิงหลงรักมากมายหลายหนักหนา
บ้างก็หึงตบตีไปกันมา
ผมแทบบ้าเพราะความหล่อของผมเอง"


หรือจะเป็นข้อความของพวกช่างรังวัด ที่มาบลัฟกันไปมา ประเภท "กูยาว...", "กูยาวกว่า" ฯลฯ

ข้อความเหล่านี้ หลายคนที่เคยใช้บริการห้องน้ำห้องส้วมสาธารณะ คงคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่ในระยะหลัง 4-5 ปีที่ผ่านมา การเมืองไทยร้อนระอุ ข้อความที่ชวนอมยิ้มเหล่านี้ตามประตู-ฝาผนังห้องน้ำก็มีการปรับตัวเปลี่ยนแปลงเข้ากับยุคสมัย เป็นการแสดงความคิดเห็นเรื่องการเมืองอย่างเดือดเลือดพล่าน ไม่แพ้ถ้อยคำบนโลก
"โซเชียลเน็ตเวิร์ก" อย่าง เฟซบุ๊ก, ทวิตเตอร์, แบล็คเบอร์รี่ ในปัจจุบัน


ณรงค์ศักดิ์ พนักงานบริษัทเอกชน ย่านใจกลางกรุงเทพฯ เป็นอีกหนึ่งคนที่ชอบเฝ้ามองพัฒนาการข้อความตามผนังห้องน้ำสาธารณะ บอกเล่ากับ ไทยรัฐออนไลน์ ว่า เนื่องจากมีโอกาสได้เข้าห้องน้ำสาธารณะตามที่ต่างๆ บ่อยครั้ง พบว่าเมื่อก่อนตามประตู-ผนังห้องน้ำสาธารณะ จะไม่เต็มไปด้วยข้อเขียนการด่าทอทางการเมืองเกือบ 100% อย่างทุกวันนี้ หลายปีก่อนจะเป็นข้อความลามก ข้อความประกาศศักดาของเด็กช่างกล อาทิ สถาบันนี่จงเจริญ, สถาบันนี่พ่อสถาบันนู่น, โรงเรียนนี้ท้าชนโรงเรียนนั้น หรือข้อความขายเซ็ก เช่น โทรมาที่เบอร์นี้, ฉันขายนาผืนน้อย, ผมลีลาเด็ด 7-8 นิ้ว ข้อความเหล่านี้อ่านแล้วก็ถือว่าเป็นการฆ่าเวลาในห้องน้ำให้ลืมกลิ่นเหม็นได้ดีเหมือนกัน

"แรกๆ ก็ไม่ได้ถึงกับชอบอ่านข้อความพวกนี้นะ เพราะพกหนังสือเข้าไปอ่านในห้องน้ำสาธารณะเหมือนกับคนทั่วๆ ไป จะเห็นเป็นความเลอะเทอะซะด้วยซ้ำ แต่พอมีโอกาสได้มานั่งถ่ายเบา-หนักบ่อยๆ แถมไม่ได้เอาหนังสือเข้าไป ก็เลยลองอ่านดูเล่นๆ ปรากฏว่ายิ่งอ่านยิ่งติด เรียกได้ว่าพอเข้าห้องน้ำสาธารณะพวกนี้ทีไรก็ต้องหันไปอ่านข้อความตามกำแพงทุกที"

ข้อความการเมืองหลายประโยคก็ฮามาก แต่ส่วนใหญ่จะเน้นการด่าทอ การใช้อารมณ์ด่า ชนิดขุด โค-ต-ร พ่อ-แม่รัฐบาลมาด่าทอ เช่น
"ชิมมันปลด กบฏมันปล่อย" ข้อความนี้โด่งดังในห้องน้ำมากหลังจากที่นายสมัคร สุนทรเวช โดนปลดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากการทำรายการ "ชิมไปบ่นไป" เป็นต้น อ่านแล้วบางข้อความก็เป็นร้อยแก้วร้อยกรอง บางข้อความด่ารัฐบาลก็เหมือนมีคนมาย่อยเรื่องราวบ้านเมืองตามความคิดของฝ่ายนั้นๆ ให้เราฟังอีกด้วย

ณรงค์ บอกต่อว่า วรรณกรรมตามห้องน้ำ จะผิดกับแสดงความเห็นผ่านข้อความตามเฟซบุ๊ก-ทวิตเตอร์ ที่เน้นโพสต์ด่าพวกสีเสื้อต่างๆ ทั้งแดง-เหลือง, น้ำเงิน ตรงๆ เช่น อย่ามาเหวงนะ, จะยุบสภาถามกูบ้าง อะไรกูบ้าง ฯลฯ เนื่องจากห้องน้ำสาธารณะส่วนใหญ่คนรากหญ้าจะใช้บริการ

"ถ้าหากไม่นับเรื่องสกปรกสำหรับคนทำความสะอาด รวมๆ อ่านผ่านๆ ก็เพลินดี แต่ช่วงนี้การแสดงความคิดเห็นทางการเมืองบนผนังห้องน้ำสาธารณะต่างๆ ยึดพื้นที่กลอนฮาๆ ไปหมด เราก็มีเพื่อนหลายๆ คนที่ชอบอ่านข้อความเหล่านี้ บางคนชอบถึงขนาดต้องพกปากกาเข้าไปจดคำคมการเมืองเสียดสีฮาๆ ที่มีมากมายพวกนี้ไปโพสต์ไปแลกเปลี่ยนกันในเฟซบุ๊กด้วย" ณรงค์ศักดิ์ เล่าอย่างสนุกสนาน


ด้านพ่อค้าหนุ่มจาก จ.อุดรธานี บริเวณห้างพันธ์ทิพย์ กล่าวว่า เป็นอีกคนหนึ่งที่มักจะแสดงความคิดเห็นผ่านห้องน้ำสาธารณะ และตามกำแพง โดยห้องน้ำเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ทำให้คนรากหญ้าอย่างพวกเขาได้แสดงออกทางการเมืองบ้าง

"ผมอยากจะเรียกการแสดงความคิดเห็นตามห้องน้ำสาธารณะว่าเป็นพลังบริสุทธิ์"พ่อค้าหนุ่มระบุ พร้อมให้เหตุผลว่าถ้าดูให้ดีๆ ข้อความต่างๆ มันจะออกมาจากหัวใจของคนเขียน ไม่มีเสแสร้ง คิดอย่างไรเขียนแบบนั้น ตรงไปตรงมากินใจ ไม่เหมือนกับความเห็นในเฟซบุ๊กที่มีสื่อกระแสหลัก เช่น หนังสือพิมพ์ ฟรีทีวี วิทยุของรัฐในสังคมครอบงำ ซึ่งเป็นพลังที่ไม่บริสุทธิ์ 100 %


ขณะที่
น.ส.นฤนาถ หรือ เจี๊ยบ นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเอกชนแถวรามคำแหง เป็นอีกคนที่ชื่นชอบและมักจะเขียนข้อความในใจตามห้องน้ำสาธารณะบอกว่า เมื่อก่อนมีโอกาสได้อ่านบ่อย เพราะส่วนตัวเป็นคนชอบเขียนกลอน ซึ่งในนั้นมีมากมาย เช่น "ช่างเถอะนะอย่าสนใจให้เปลืองหัว ไม่ต้องกลัวฉันจะตายมันไม่ใช่ เจ็บแค่นี่จะลองดูให้รู้ไป ว่าหัวใจทนไม่ได้หรือไงกัน" เป็นต้น ปัจจุบันถ้ามีโอกาสไปเข้าห้องน้ำสาธารณะทีไร ก็จะได้อ่านกลอน หรือโคลงสี่สุภาพหวานๆ เหล่านี้เรื่อยๆ แต่ระยะหลายปีที่ผ่านมา ถ้ามีโอกาสได้เข้าห้องน้ำพวกนี้ก็ได้แค่ชำเลืองตาอ่าน เพราะปัจจุบันข้อความบนข้างฝาห้องน้ำมันเป็นโคลงที่หยาบคายเกลื่อนฝาผนังห้องน้ำเต็มไปหมด เนื่องจากมีแต่ประเด็นด่าทอ ขึ้นพ่อ-แม่ว่าพรรคนั้นไม่ดี นักการเมืองคนนั้นไม่ดี เสื้อแดง-เสื้อเหลือง-ทหารไม่ดี องค์มนตรีไม่ดีมากถึงร้อยละ 99%

นฤนาถ บอกว่า เขียนด่ากันหนักมากๆ ขนาดที่ว่าระยะหลังลามไปที่ฝาชักโครกกันแล้ว

"เห็นแล้วก็ตกใจเพราะแม้แต่ ชื่อนายกฯ กับชื่ออดีตนายกฯ ชื่อนักการเมือง ชื่อหัวโจกเสื้อแดง – เสื้อเหลือง-เสื้อหลากสี แม้กระทั่งชื่อองคมนตรีไปถูกด่าอยู่ตรงฝาชักโครก ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการแสดงออกที่สำคัญของคนรากหญ้า มองว่าเป็นปรากฏการณ์การเก็บกดของคนรากหญ้าที่ต้องแสดงออกผ่านช่องที่เขาเข้าถึง กระทั่งฝาชักโครก"


ในขณะที่หลายคนพูดถึงข้อความการเมืองบนฝาผนังห้องน้ำสาธารณะด้วยเสียงหัวเราะ สะใจในการแสดงของสังคมแห่งความอิสระ
ไทยรัฐออนไลน์ ได้พบกับ นางสมบูรณ์ สอนบัวหรือ พี่เย็น อายุ 39 ปี พนักงานทำความสะอาด ตลาดนัดสวนจตุจักร สถานที่ที่มีการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองผ่านประตู-ฝาผนังห้องน้ำมากที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ

พี่เย็น บอกว่า ความร้อนแรงในการขีดเขียนห้องน้ำสาธารณะกันอย่างสนุกมือ แม้ว่าฝาผนังจะสะท้อนความคิดของคนรากหญ้า ซึ่งถือว่าเป็นของคู่กัน แต่สำหรับหัวอกแม้บ้านนั้น การทำอย่างนี้สร้างความลำบากให้กับแม่บ้านอย่างมากมาย

"สิ่งที่เราอยากฝากไปถึงนักวิจารณ์การเมืองข้างผนังห้องน้ำให้สกปรกด้วยหมึก และยังสกปรกด้วยคำพูด-คำจาที่ลบออกยากมากๆ ว่า ให้เห็นใจคนที่เขาทำความสะอาดที่ต้องลบคำพวกนี้ทุกวันบ้าง ทั้งก็อยากจะให้คำนึงด้วยว่าไม่ได้มีแต่คุณเท่านั้นที่มาใช้ห้องน้ำ มีใครบ้างที่อยากจะเข้ามาใช้ห้องน้ำที่สกปรก เลอะเทอะ ควรจะคิดก่อนทำ ถ้าอยากจะเขียนจริงๆ ก็ไปเขียนที่อื่นที่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร" นางสมบูรณ์กล่าว

เช่นเดียวกับสาวพนักงานทำความสะอาด ตลาดนัดตะวันนา กล่าวว่า ในรอบหลายปีที่ผ่านมา ข้อความเหล่านี้มีเยอะมาก เรียกว่าอ่านกันไม่ไหว ซึ่งข้อความเขียนด่าเรื่องการเมืองกันส่วนใหญร้อยละ 90 % จะเป็นห้องน้ำชายมากกว่าหญิง

"บางข้อความอ่านแล้วก็ปลง เพราะมีแต่ความขัดแย้งเต็มประตู-ฝาผนังห้องน้ำไปหมด ซึ่งเวลาที่เขียนอาจจะใช้เวลาไม่นาน แต่คนนั่งลบทุกๆ วันเราอยากจะบอกว่าต้องใช้เวลามากๆ ยังไงก็สงสารพวกเราด้วยเถอะ บอกแบบนี้ไม่ใช่ปิดกั้นนะ แต่เราอยากจะบอกว่าถ้าคิดว่าโลกนี้ประชาธิปไตยคือความอิสระคิดจะทำอะไรก็ได้ ปิดถนน บุกโรงพยาบาล พกปืน บุกสถานที่ราชการ ขีดเขียนห้องน้ำสาธารณะสร้างความเดือนร้อนให้ส่วนรวม ประชาธิปไตยในความหมายที่คุณเข้าใจ ไม่มีซะดีกว่า" พนักงานกล่าวด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน


ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม นักจิตวิทยาที่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาโครงการศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กล่าว หากใช้วิชาจิตวิเคราะห์อธิบายปรากฏการณ์นี้จะเห็นได้ว่า การเขียนระบายอารมณ์ต่างๆ ในฝาฝนังประตูห้องน้ำ หรือตามสถานที่สาธารณะต่างๆ มันเป็น การระบายสัญชาตญาณ ซึ่งในห้องน้ำถือว่าเป็นที่ส่วนตัว เป็นการขับพ่นอะไรออกมาจากสัญชาตญาณดิบๆ เถื่อนๆ ดังนั้นเมื่อมีพื้นที่ส่วนตัวแล้วสิ่งที่อยู่ภายในใจจะออกมา

นักจิตวิทยาชื่อดังชี้ว่า ข้อความต่างๆ ที่อยู่ตามห้องน้ำสาธารณะสมัยก่อนจะเป็นคำด่าที่มาจากสัตว์และเรื่องเพศแทบทั้งสิ้น แต่ก็จะออกมาในรูปแบบการเขียนด่าลอยๆ ไม่ระบุตัวคน แต่ปัจจุบันการเขียนด่ากันในห้องน้ำสาธารณะหรือตามที่สาธารณะได้เปลี่ยนรูปแบบและมีความชัดเจนมากขึ้น ก็วิวัฒนาการกลายเป็นเขียนด่าตัวบุคคล เขียนด่าพรรคการเมืองแต่ก็ยังคงแฝงสัญชาตญาณดิบๆ ของสัตว์เอาไว้ด้วย

"สมัยก่อนเมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว ที่อเมริกาก็มีปรากฏการณ์ด่าชื่อคน ด่าพรรคการเมืองต่างๆ แบบนี้เหมือนกัน แต่ไม่ใช่ว่าเราจะไปเลียนแบบเขา แต่มันเป็นปรากฏการณ์ของคนทั่วโลก ก็ไม่แตกต่างไปจากการเขียนด่านักการเมืองกันในเฟซบุ๊ก ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเฟซบุ๊กเป็นของคนมีการศึกษาแต่เดี๋ยวนี้เข้าไปอ่านไม่ได้เลย"

ถามว่าคนที่ชอบเขียนด่ากันในห้องน้ำ หรือตามสถานที่ต่างๆ ถือว่าเป็นโรคจิตหรือไม่ ดร.วัลลภ บอกว่า มันเป็นอาการทางสังคม เป็นการที่ปัญหาความขัดแย้งทางสังคม สำหรับวิธีบำบัดอาการชอบเขียนระบายในห้องน้ำและในสถานที่สาธารณะ มี 2-3 อย่างคือ 1. วิธีที่เราเรียกว่าใช้เสียงหัวเราะบำบัดอาการเครียด 2. การระบายสี 3. การตะโกน เป็นต้น อย่างไรก็ดี ปฏิบัติ 3 ข้อเหล่านี้แล้วงดดูหนัง ชีวิตคุณก็จะกลับมาเป็นปกติไม่ใช่เห็นกำแพงแล้วควักปากกาเมจิกมาเขียน สร้างความเดือนร้อนให้คนอื่นอย่างนี้ใช้ไม่ได้.