ที่มา ไทยรัฐ
4 พ.ค. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า ตนได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนนำหลักฐานเข้ายื่นคำร้องขอให้ศาลอาญาอนุมัติหมายจับผู้ต้องหา ซึ่งเป็นแกนนำคนเสื้อแดง ฐานร่วมกันกระทำความผิดก่อการร้าย แต่ศาลได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่าผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย ประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงษ์, นายจตุพร พรหมพันธุ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นพ.เหวง โตจิราการ, นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์, นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง, นายขวัญชัย สาระคำ, พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง และพ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ เป็นผู้ต้องหาที่มีหมายจับตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินติดตัวอยู่แล้ว จึงให้ดีเอสไอใช้หมายจับเดิมเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหา เมื่อจับกุมตัวได้ ให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาก่อการร้ายเพิ่มเติม ซึ่งดีเอสไอจะดำเนินการตามดุลพินิจและคำแนะนำของศาล
นายธาริต ยืนยันว่า การสอบสวนดำเนินคดีข้อหาก่อการร้าย และกระทำต่ออาวุธยุทธภัณฑ์ของทหาร รวมถึงคดีต่างๆ ที่รับไว้เป็นคดีพิเศษก่อนหน้านี้จะต้องดำเนินการต่อไป แม้การชุมนุมของคนเสื้อแดงจะยุติลง ทั้งนี้ในส่วนของการดำเนินคดีและการบังคับใช้กฎหมายไม่เกี่ยวข้องกับการเจรจายุติปัญหาระหว่างรัฐบาลกับนปช.
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135 /1 ที่ใช้ดำเนินคดีก่อการร้ายกับแกนนำนปช. ระบุไว้ว่า ผู้ใดกระทำการอันเป็นความผิด อาญาดังต่อไปนี้ (1) ใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการใดอันก่อให้การอันตรายต่อชีวิต หรืออันตรายร้ายแรงต่อร่างกาย หรือเสรีภาพของบุคคลใดๆ (2) การกระทำใดอันก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ระบบการขนส่งสาธารณะ ระบบโทรคมนาคม หรือ โครงสร้างพื้นฐานอันประโยชน์สาธารณะ (3) กระทำการใดอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของรัฐหนึ่งรัฐใด หรือของบุคคลใด หรือต่อสิ่งแวดล้อม อันก่อให้เกิดหรือน่าจะก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ อย่างสำคัญ ถ้าการกระทำนั้นได้กระทำโดยมีความมุ่งหมายเพื่อขู่เข็ญหรือบังคับรัฐบาลไทย รัฐบาลต่างประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศ ให้กระทำหรือไม่กระทำการใดอันจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง หรือเพื่อสร้างความปั่นป่วนโดยให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน ผู้นั้นกระทำความผิดฐานก่อการร้าย ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สามปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงหนึ่งล้านบาท
และมาตรา 1350/2 ผู้ใด (1) ขู่เข็ญว่าจะกระทำการก่อการร้าย โดยมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่า บุคคลนั้นจะกระทำการตามที่ขู่เข็ญจริง หรือ (2) สะสมกำลังพลหรืออาวุธ จัดหาหรือรวบรวมทรัพย์สิน ให้หรือรับการฝึกการก่อการร้าย ตระเตรียมการอื่นใด หรือสมคบกันเพื่อก่อการร้าย หรือกระทำความผิดใดๆ อันเป็นส่วนของแผนการเพื่อก่อการร้าย หรือยุยงประชาชนให้เข้ามีส่วนในการก่อการร้าย หรือรู้ว่ามีผู้จะก่อการร้าย แล้วกระทำการใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้ ผู้นั้นต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สี่หมื่นบาทถึงสองแสนบาท