WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, June 14, 2010

หัวใจเหงา ลูกสาวเสธ.คนดัง "น้องเดียร์-ขัตติยา สวัสดิผล"

ที่มา มติชน



โดย พนิดา สงวนเสรีวานิช


เป็นที่รู้จักกันอย่างฮือฮาหนแรก เมื่อสองปีก่อนในฐานะลูกสาว"เสธ.คนดัง" ผู้ฝึกหัดการ์ดให้กับกลุ่ม "นปช." คนเสื้อแดง แต่ไปเกาะขอบเวทีชุมนุมให้กำลังใจคนเสื้อเหลือง

มาวันนี้คุณพ่อ เสธ.คนดังจากไปแล้ว เป็นการจากไปอย่างกะทันหันไม่มีคำเอ่ยลา...

เหลือเพียงความทรงจำอึงอลอบอุ่นในหัวใจสำหรับเธอ"ขัตติยา สวัสดิผล" ลูกสาวเพียงคนเดียวของ "เสธ.แดง-พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล"ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก

"ขัตติยา สวัสดิผล" หรือ "น้องเดียร์" เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของ*เสธ.แดง* กับ *น.อ. (พิเศษ) จันทรา สวัสดิผล* หน้าห้องอดีตเลขาธิการ คมช.พล.อ.วินัย ภัททิยกุล

ขัตติยาบอกว่า ครอบครัวเป็นทหารเกือบทั้งตระกูล "คุณปู่ (ร.อ.สนิท สวัสดิผล) เป็นทหาร และคุณยาย (ตุ๊กตา พงษ์สังข์-ตำแหน่งจำไม่ได้) ก็เป็นทหาร คือคุณพ่อเป็นทหารเพราะคุณปู่เป็นทหาร และคุณแม่เป็นทหารก็เพราะคุณยายเป็นทหาร"

ขัตติยาเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนราชินีบนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงมัธยม 6 จึงย้ายสังกัดเข้าไปเป็นลูกแม่โดม ที่คณะนิติศาสตร์

ทว่า พอเป็นนิติศาสตรบัณฑิตได้ไม่นาน ก็ต้องเสียคุณแม่ผู้ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนทั้งที่ปรึกษาในชีวิตด้วยโรคมะเร็ง เธอเคยเปิดใจให้สัมภาษณ์ว่า ครั้งนั้นมันเกิดขึ้นกะทันหันหัวใจแทบสลาย จึงตัดสินใจขอคุณพ่อไปเรียนเนติบัณฑิต 1 ปี แล้วต่อปริญญาโท นิติศาสตรมหาบัณฑิต อีก 2 ใบ ที่มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-เมดิสัน และมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา

กลับมามีดีกรีเป็นทนายความหญิง ทำงานที่สำนักงานกฎหมายสากล สยาม พรีเมียร์

กระทั่งเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา ขัตติยาก็ต้องพบกับการสูญเสียอีกครา เมื่อ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ถูกยิงที่ศีรษะระหว่างให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวต่างประเทศบริเวณแยกศาลาแดง ชีวิตของเธอจึงไม่เหลือใครไม่ว่าพ่อหรือแม่

เวลาผ่านไปแม้จะยังไม่ถึงสามเดือน แต่ดูเหมือนว่ามันนานชั่วกัปชั่วกัลป์สำหรับเธอ

วันนี้เมื่อเธอหยัดกายกลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง เธอบอกว่า...

"ต้องอยู่ให้ได้ค่ะ เดียร์ท่องอยู่คำเดียว เพราะเราไม่มีทั้งพ่อและแม่ ชีวิตมันต้องอยู่ต่อไป ทั้งญาติคุณพ่อและญาติคุณแม่พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือให้คำปรึกษา แต่สุดท้ายแล้วเราต้องยืนได้ด้วยตัวเอง"

บ่ายวันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน 2553 ขัตติยา สาวน้อยวัย 29 ปี ในชุดกระโปรงจีบรอบตัวสีดำ เสื้อแขนสั้นสีขาวสะอาดตา เดินเข้ามาภายในร้านเครื่องดื่มแห่งหนึ่งบริเวณสยามสแควร์ ยิ้มทักทายสดใส พร้อมกับแนะนำให้รู้จักกับ "พี่โอ๋" วิรุฬห์ กีรติพานิช ชายหนุ่มผู้ติดตามมาด้วย และเป็นคนข้างกายเธอบอกว่า "แฟนเดียร์ค่ะ"

เธอพร้อมเปิดใจให้สัมภาษณ์กับ "มติชน" โดยออกตัว ขอไม่พูดเรื่องการเมือง

ขยับเข้ามาใกล้ๆ เข้ามานั่งฟังกัน...

เป็นลูกทหารชีวิตแตกต่างจากครอบครัวทั่วไป?

แตกต่างค่ะ พอเกิดมาครอบครัวเราก็อยู่ในค่ายทหารเลย ในกองทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ ตรงเกียกกาย เพราะคุณพ่อคุณแม่เป็นทหาร เราไม่ได้มีบ้านส่วนตัว อยู่บ้านหลวงมาตลอดชีวิต เดียร์อยู่ในนั้นนอนกับคุณพ่อคุณแม่มาตลอดจนถึงอายุ 18 จนเข้ามหาวิทยาลัย



ที่แตกต่างคือ เดียร์มีพลทหารประจำตัวเป็นพี่เลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก กลับมาบ้านก็เจอทหารเกณฑ์ เพราะคุณพ่อไม่ค่อยอยู่บ้าน คุณแม่ไปทำงานกว่าจะกลับบ้านก็เย็นแล้ว พอเดียร์กลับมาถึงบ้านเจอแต่ทหาร มีทหารดูแล ไม่มีพี่เลี้ยงที่เป็นผู้หญิงเลย

แล้วพวกของเล่นเป็นตุ๊กตาแบบผู้หญิงมีไหม?

มีค่ะ คุณพ่อซื้อให้ พวกบาร์บี้ แต่เดียร์เล่นได้แป๊บๆ ไม่ค่อยชอบเล่นตุ๊กตา คุณพ่อเสียอีกที่มีตุ๊กตามากกว่าเดียร์ (หัวเราะ) แล้วบ้านเราอยู่ในกรม พอเลี้ยวเข้ามาก็เห็นรถถังจอดอยู่ เวลาเพื่อนๆ มาที่บ้านก็จะตกใจไม่เคยเห็นรถถัง แต่เราชินแล้ว เห็นตั้งแต่เด็ก (ยิ้มกว้าง)

คุณพ่อวางกฎระเบียบในชีวิต?

ไม่นะคะ คุณพ่อค่อนข้างจะปล่อย คนที่ดูแลเดียร์จริงๆ คือคุณแม่ ทั้งเรื่องเรียนเรื่องส่วนตัวทุกอย่าง ยกเว้นถ้ามีเรื่องใหญ่จริงๆ ต้องปรึกษาคุณพ่อ คุณแม่นี่เจ้าระเบียบสุดสุด เจ้าระเบียบมากกก...กก คุณพ่อยังชอบแซวคุณแม่เลย เพราะคุณแม่ต้องตื่นตั้งแต่ตีห้า คุณพ่อก็จะบอกว่า เดียร์โดนคุณแม่จ้องตั้งแต่ตีห้าจนถึงก่อนจะเข้านอน (หัวเราะ) ต้องอยู่ในกรอบตลอดเวลา (หัวเราะ)

บ้านเดียร์คุณแม่จะดุ แต่พ่อจะคอยปลอบ (หัวเราะ)

แล้วทำให้ขาดความเป็นผู้หญิง?

ไม่ค่ะ เพราะคุณแม่แม้จะเป็นทหารเรือ แต่ก็มีความเป็นผู้หญิงสูง อย่างเรื่องการแต่งตัว คุณแม่จะสอนว่าต้องแต่งตัวยังไง ต้องใส่อะไรเข้ากับอะไร (หัวเราะ) โชคดีที่ไม่เป็นทอม แล้วเดียร์ก็เรียนโรงเรียนหญิงล้วนด้วย ที่โรงเรียนราชินีบน เรียนตั้งแต่อนุบาลจนถึง ม.6 เลย คุณพ่อยังแซวเลยว่า จ่ายแป๊ะเจี๊ยะไปหมื่นหนึ่งคุ้ม อยู่ยาวถึง 14 ปี (หัวเราะ)

คุณแม่วางแผนชีวิตให้ทุกอย่าง รวมถึงเรื่องการเรียน?

ไม่ค่ะ ตอนที่อยู่ ม.5 ม.6 ที่ราชินีบน เดียร์มีความรู้สึกว่า อยากเรียนธรรมศาสตร์ คุณแม่ก็บอกว่าถ้าจะเข้าธรรมศาสตร์ก็น่าจะเป็นนิติศาสตร์ เพราะมีชื่อเสียงมานาน เดียร์จึงเลือกนิติศาสตร์อันดับหนึ่ง พอไปเรียนแล้วรู้สึกว่าไม่ได้ยากอย่างที่คิด ไม่ต้องท่องอะไรมากมาย ถ้าใช้ความเข้าใจไปด้วยจะทำให้วิชามันง่ายขึ้น

ไม่เป็นทหาร-เรียนเป็นทหารอย่างพ่อ?

โห...คุณพ่อห้ามเลย ตอนที่จบปริญญาตรีแล้วถามคุณแม่ว่าเป็นนายทหารรัฐธรรมนูญดีมั้ย เห็นลูกทหารส่วนใหญ่จะเป็นกัน คุณแม่บอกว่า จะเป็นเหรอ ดูเงินเดือนซิ จะขอเงินพ่อไปทั้งชีวิตหรือไง ก็เลยคิดว่าไหนๆ ก็ไม่ได้เรียนทหาร งั้นก็มาตามสายอาชีพที่เราเรียนมาแล้วกัน

หลังเรียนจบปริญญาตรีแล้ว...

ไปเรียนต่อที่อเมริกา คือจบปริญญาตรีปุ๊บ คุณแม่ก็ป่วยเป็นมะเร็ง ป่วยได้ประมาณ 9 เดือน คุณแม่ก็เสีย เดียร์ก็อยู่กับคุณพ่อสองคน ตอนที่คุณแม่อยู่ถึงแม้ว่าคุณพ่อจะไม่ได้มาใกล้ชิดมากมาย แต่ไม่ใช่ว่าคุณพ่อไม่มีเวลาให้นะ เราจะโทร.หากันตลอด เวลาที่เดียร์รู้ข่าวคุณพ่อจากหนังสือพิมพ์หรืออินเตอร์เน็ตก็จะโทร.หา ถามว่าเรื่องนั้นเรื่องนี้เป็นยังไง คุณพ่อจะอธิบายทุกเรื่องให้เข้าใจ แล้วเดียร์ก็จะไม่ห่วง



อย่างตอนที่มีคนมาค้นบ้านเมื่อเดือนมกราคม ตอนนั้นคุณพ่อโทร.มาบอกว่า น้องเดียร์หนูไม่ต้องตกใจนะ คืนนี้หนูไม่ต้องกลับมานอนบ้านนะลูก หนูไปนอนที่อื่นก่อน พอตื่นเช้ามาเดียร์ก็ขับรถไปทำงานใช้ชีวิตเหมือนปกติ บางคนยังพูดว่าทำไมพ่อโดนจับ แต่ลูกยังมาเดินสังสรรค์ได้ มันเหมือนกับว่าเรารู้ว่าเดี๋ยวพ่อเราก็มีทางออก แล้วก็จะสบายใจ

ตอนนี้ทำงานแล้ว?

ค่ะ อยู่บริษัท ลีเกล แอนด์ โค เป็นสำนักงานกฎหมาย ซึ่งลูกความส่วนใหญ่จะเป็นต่างชาติ ทำงานเกี่ยวกับการให้คำปรึกษา อย่างต่างชาติลงทุนในประเทศไทย เราจะดูกระบวนการทั้งหมด เริ่มตั้งแต่การจดทะเบียนบริษัท พอเขาดำเนินกิจการก็จะช่วยดูเรื่องการร่างสัญญา

จะสอบเป็นผู้พิพากษา?

ตอนนี้ยังไม่คิด ยังสนุกกับการทำงานกับบริษัทเอกชนมากกว่า ยังชอบเจอคนมากๆ เพราะมันได้ภาษา แต่ถามว่าอยากเปิดบริษัทของตัวเองหรือเปล่า ถ้าเป็นไปได้ก็อยากเปิดค่ะ

คุณพ่อไม่ค่อยได้เข้ามากำหนดอะไรจะปล่อย ตอนที่เดียร์บอกว่าเดียร์มาทำงานที่นี่แล้วนะ คุณพ่อพูดว่าเดียร์จะเป็นคนที่รู้ดีที่สุดว่าอะไรเหมาะกับตัวเอง เพราะฉะนั้นเขาจะไม่เข้ามายุ่ง ทุกอย่างขึ้นกับการตัดสินใจของเดียร์ ซึ่งเดียร์คิดว่ามันเป็นการดี เพราะอย่างถึงวันนี้วันที่ไม่มีพ่ออยู่ เดียร์ก็จะต้องตัดสินใจเอง

พ่อ-ลูกมีความคิดเห็นแตกต่างกันแล้วอยู่ร่วมบ้านกันได้?

ได้ค่ะ คุณพ่อก็ไม่เชิงไม่สนใจ เขาให้อิสระเรา เรื่องของเขาเรายังไม่ไปยุ่งเลย เขาก็คิดเหมือนกัน เรื่องเราเขาก็ไม่ยุ่ง เขาเป็นพ่อเรา จริงๆ เราต้องเชื่อเขาด้วยซ้ำ แต่เขาให้อิสระเรา ตอนเด็กเดียร์จะกลัวคุณพ่อมาตลอด หลังจากคุณแม่เสียถึงได้มีเรื่องความคิดไม่ตรงกันขึ้นมา แต่ถึงความคิดเห็นไม่ตรงกัน เราก็ยังกอดกันหอมกันเหมือนเดิม แล้วสุดท้ายเรื่องมันก็จบไป ความเป็นพ่อลูกอยู่เหมือนเดิม

หนักใจไหมกับการเป็นลูกเสธ.แดง?

หนักใจค่ะ ตอนที่คุณพ่อมีชีวิตอยู่ เพราะคนเรานั้นมีทั้งคนรักและเกลียด คนชอบคุณพ่อก็มี คนไม่ชอบคุณพ่อก็เยอะ แต่โชคดีที่ว่าอย่างน้อยคนที่ไม่ค่อยชอบพ่อ พอเจอเราต่อหน้าเขาจะไม่ค่อยแสดงอาการอะไร แต่ถ้าลับหลังแล้วเขาไปพูดอะไรที่ไม่ดีเราก็รู้สึกเสียใจเหมือนกัน และรู้สึกสงสารพ่อ แต่เดียร์เชื่อว่าสิ่งที่พ่อทำเป็นสิ่งที่พ่อคิดว่าถูกต้อง เดียร์ก็พยายามบอกตัวเองว่า พวกนั้นไม่รู้ว่าพ่อเราคิดอะไรอยู่ มันก็...รู้สึกนะ แต่มันก็ห้ามไม่ได้ที่จะได้ยินเสียงวิจารณ์พ่อเรา

เห็นว่าชื่อของเสธ.แดงมักถูกเอาไปอ้าง?

เยอะมากๆ บางคนคบเราเพราะหวังจะให้พ่อเราทำอะไรให้ก็มี โทร.มาบอกมีปัญหา เรื่องทวงหนี้เยอะมาก เดียร์ก็จะตัดบทว่าพ่อยุ่งอยู่ตอนนี้ แต่บางทีจะบอกพ่อ คุณพ่อก็จะบอกให้เดียร์ไปบอกเพื่อนว่า คุณพ่อช่วยคนที่โดนรังแก ถ้าลูกหนี้ไม่ยอมเอาเงินมาคืนแล้วมารังแก เอาคนมาขู่ที่หน้าบ้าน อย่างนั้นคุณพ่อจะไปช่วย แต่ถ้าลูกหนี้ไม่คืนเงินแล้วให้คุณพ่อไปทวงให้ คุณพ่อบอกว่าอย่างนั้นไม่ใช่ เสธ.แดง...มีเยอะมาก... แต่ไม่ใช่เพื่อนที่ราชินีบน เพราะเพื่อนที่ราชินีบนเป็นเพื่อนที่สนิทมาก เขาคบกับเดียร์เพราะเดียร์เป็นเดียร์ ไม่ใช่เพราะเดียร์เป็นลูกเสธ.แดง

ตอนนี้ไม่ได้อยู่บ้านหลวงแล้ว?

ของทุกอย่างก็ยังอยู่ที่นั่น ตั้งแต่พ่อเสียมันว้าเหว่...ที่จะอยู่คนเดียวในบ้านหลังนั้นอีก ก่อนหน้านี้ตอนไม่มีคุณแม่ เดียร์ก็ยังมีคุณพ่อ แต่ตอนนี้ไม่มีทั้งคู่ มันยังทำใจไม่ได้ที่จะอยู่ในบ้านหลังนั้นต่อ ตอนนี้เลยมาอยู่ข้างนอก เสร็จงานศพแล้วก็คงจะไปเก็บของย้ายออกมา เพราะเป็นบ้านหลวงต้องคืนให้หลวง

พ่อทิ้งมรดกไว้ให้?

ไม่มี แม้แต่บำเหน็จยังไม่ได้เลย (หัวเราะ) เพราะเสียชีวิตระหว่างถูกพักราชการ เราไม่มีสิทธิได้ หรือไม่ก็ต้องให้คนที่ใหญ่จริงๆ ในกองทัพทำเรื่องให้ ตอนคุณพ่อโดนพักราชการ คุณพ่อยังไม่ร้องสักแอะ เขาไม่ได้เงินเดือนตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนพฤษภาคมวันที่เขาเสียชีวิต แล้วทำไมเราต้องโวยวาย เดียร์อยากทำให้ได้เหมือนคุณพ่อ เราต้องอยู่ให้ได้

แล้วพรรคขัตติยะธรรมของคุณพ่อ?

ใจจริงเดียร์อยากจะทำต่อ ไม่อยากให้มันล้มไปเพราะการเสียชีวิตของคุณพ่อ คุณพ่อสร้างขึ้นมากับมือ แต่ก็รู้ว่ามันลำบาก เราไม่มีตังค์เยอะแยะที่จะไปดูแลลูกพรรค แต่ขอเวลาหารือกับสมาชิกพรรคอีกที เดียร์เห็นกับตาตอนที่คุณพ่อไปหาสมาชิกพรรคให้ได้ 5,000 คน เพื่อไม่ให้พรรคโดนยุบ พ่อเหนื่อยกับตรงนั้นมาก เดียร์ไม่อยากให้มันสูญไป ไม่อยากให้พรรคยุบไปเพราะ เสธ.แดงตาย ถ้ามันไม่ไหวจริงๆ ค่อยคิดอีกที

จะเล่นการเมือง?

อาจจะลงไปศึกษาดูสักพักหนึ่งก่อน เพราะเดียร์สมัคร เพราะคุณพ่อบอกให้สมัคร คุณพ่อตั้งใจอยากเอาเดียร์ลงปาร์ตี้ลิสต์อันดับ 1 เพราะคุณพ่อยังอยู่ในราชการยังลงไม่ได้ ถ้ามีการเลือกตั้งเกิดขึ้น คุณพ่อเลยบอกว่าน้องเดียร์ลงเลยนะ ได้หรือไม่ได้ค่อยว่ากัน อยากให้เป็นที่รู้จักของประชาชนก่อน

คุณพ่อหวงลูกสาว?

ไม่ค่ะ คุณพ่อไม่ใช่คนแบบนั้น เขาให้เกียรติเรามาก อาจจะมีบ้างบาง ทีตี 2 เรายังไม่กลับก็จะโทร.หา ถามว่าอยู่ไหนแล้ว แต่ไม่เคยดุ อาจเป็นเพราะคุณแม่เลี้ยงเดียร์อยู่ในกรอบมาตลอด ทำให้คุณพ่อว่าอะไรไม่ได้ แล้วเราก็ไม่เคยทำให้เขาผิดหวัง

แฟนคนนี้คุณพ่อทราบมั้ย?

ทราบค่ะ (หัวเราะ) ...หวงมั้ยเหรอคะ (หัวเราะ) สมมติว่าแฟนไปส่งที่บ้านก็จะไม่พูด แต่แอบไปพูดกับญาติๆ ทีหลังว่า น้องเดียร์มีแฟนแล้วนะ ไม่ได้พูดกับเดียร์โดยตรง

มีกำหนดคุณสมบัติของว่าที่ลูกเขย?

ไม่มีๆๆ (รีบตอบทันควัน) เพียงแต่ว่าถ้าไม่เข้าตา ถึงได้แอบบอกคนอื่นว่าคนนี้ยังไม่ถูกใจ เหมือนที่ผ่านมา แต่คนปัจจุบันยังไม่มีคอมเม้นต์อะไร (ยิ้มกว้าง)

จะมีครอบครัวตัวเองเมื่อไหร่?

เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องอนาคต ยังไม่ได้คิด (หัวเราะ) ตอนนี้ยังมีงานศพคุณพ่อต้องจัดการ และยังมีเรื่องอื่นๆ อีกเยอะ ยังไม่ได้คิดค่ะ

ถ้ามีลูกอยากให้ลูกเป็นทหารมั้ย?

คือถ้าเขาเป็นทหารแล้วเป็นได้อย่างคุณพ่อก็อยากให้เขาเป็น (หัวเราะ) แต่ไม่ใช่แบบโดนพักราชการอย่างนั้น

อยากให้เขาเก่งเหมือนคุณพ่อ