WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, February 15, 2008

รัฐมนตรี มีสิทธิ์ไหมครับ

ลำพังสถานการณ์ภายนอกที่ต้องเจออยู่กับสภาพการเมืองยุคหลังรัฐประหาร ก็ยากเข็นเต็มทีอยู่แล้วกับการจะนำพารัฐนาวาที่ถูกดูดจมดิ่งในทะเลเผด็จการ กลับขึ้นมาสู่สังคมโลกประชาธิปไตย แต่กลับมามีความปั่นป่วนจากภายใน ที่เกิดขึ้นเพราะกิเลสและความไม่รู้จักพอของคนภายในด้วยแล้ว ผมได้แต่เห็นใจนายกฯ สมัคร สุนทรเวช

ไม่ว่าจะเป็นเซียนการเมืองระดับใด ไม่ว่าจะเป็นผู้ช่ำชองกลการเมืองขนาดไหน หากมาเจอความโลภของมนุษย์ ก็มีอันต้องปวดหัวทุกคนไป

เพียงแค่สัปดาห์เดียวของการเป็นนายกรัฐมนตรีโดยสมบูรณ์ นายกฯ สมัคร สุนทรเวช ต้องเรียกหายา ทัมใจ มากิน เมื่อได้เห็นชื่อที่ปรึกษารัฐมนตรี และเลขารัฐมนตรี ที่ส่งมาถึงมือ พร้อมกับคำวิพากษ์ของสื่อมวลชนและผู้คนทั่วไปในสังคมว่า "รับไม่ได้" กับรายชื่อที่ปรากฏออกมาทางหน้าหนังสือพิมพ์

จะจริงจะเท็จ ยังไม่อาจทราบได้ว่าชื่อคนเหล่านั้นจะได้เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรี เลขานุการรัฐมนตรี หรือไม่ แต่ที่จริงแน่ๆ ไม่มีเท็จก็คือ หลายรายชื่อหรือเกินกว่าครึ่ง เป็นรายชื่อที่ประชาชนร้อง "ยี้" ทั้งยี้เพราะรับพฤติกรรมในอดีตไม่ได้ และยี้เพราะไม่เชื่อว่าจะทำประโยชน์อะไรให้แก่ประชาชนได้ นอกจากทำประโยชน์ให้แก่ตัวเองและพวกพ้อง

ตำแหน่งที่ปรึกษา และเลขานุการรัฐมนตรี กลายเป็นเครื่องฟอกตัวของลูกนักการเมืองที่มีพฤติกรรมเป็นคนเลวในสายตาของประชาชนให้เป็นคนดีขึ้นมาแบบเฉียบพลัน ตามติดด้วยการขอโอกาสให้เห็นใจกันบ้าง โดยยกองคุลิมาลเป็นตัวอย่าง

แต่หารู้ไม่ว่าในสายตาประชาชน ลูกนักการเมืองจำพวกนั้น เป็นมารโดยกำเนิดและชาติพันธุ์ จึงไม่รู้จักองคุลิมาล และไม่มีวันที่จะเป็นองคุลิมาลได้ การทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใช้อำนาจของพ่อแม่รังแกประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ และจบลงด้วยการขอโอกาสจากประชาชน ด้วยอาการตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ ว่าสำนึกผิดแล้วไม่รู้กี่หนกี่ครั้ง เป็นการยืนยันได้ดีว่าลูกนักการเมืองบางคนไม่อาจจะเป็นองคุลิมาลได้ เป็นได้เพียงแค่มาร

คนไทยมีภาษิตที่สอนมาดี และเห็นภาพชัด คือ ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น

ตำแหน่งที่ปรึกษา และเลขานุการรัฐมนตรี กลายเป็นรางวัลปลอบใจ ส.ส. สอบตก เพราะประชาชนไม่ลงคะแนนให้ เป็นการปูนบำเหน็จเกียรติยศ หน้าที่การงาน และเงินเดือน ตลอดจนช่องทางทำมาหากินให้แก่พวกพ้อง โดยไม่พิจารณาว่าแต่ละคน แต่ละชื่อที่เสนอกันเข้ามา มีคุณงามความดี คุณสมบัติ และความสามารถมากน้อยเพียงใด เหมาะสมหรือไม่กับการทำหน้าที่ตามที่อยากได้อยากมีตำแหน่ง

ไม่อยากจะเอ่ยชื่อให้เป็นเสนียดหน้ากระดาษสำหรับลูกนักการเมืองบางคน และเป็นขยะรกหน้ากระดาษสำหรับชื่อ ส.ส. สอบตกจำนวนหนึ่ง ที่ไม่รู้จักตัวตนของตัวเอง ว่าเหมาะสมหรือไม่กับตำแหน่งที่อยากนำมาต่อท้ายชื่อ และเห็นว่าตำแหน่งเหล่านี้เป็นเพียงแค่เครื่องสนองความต้องการ บำบัดความใคร่ทางอำนาจของตนเองเท่านั้น

ทั้งๆ ที่ตำแหน่งที่ปรึกษา และเลขานุการรัฐมนตรี เป็นตำแหน่งที่มีความหมาย มีความสำคัญอย่างมาก ต่อการทำหน้าที่ของรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้บริหารงานราชการแผ่นดินระดับสูงสุดของประเทศ ที่จะต้องรับฟังความคิด ความเห็นที่เป็นประโยชน์แก่การบริหารและการตัดสินใจ จากที่ปรึกษาหรือคณะที่ปรึกษา และจำเป็นต้องได้รับการจัดลำดับความสำคัญการทำงาน ตลอดจนการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องที่ต้องตัดสินใจ และการประสานงานที่ดีจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน จากเลขานุการรัฐมนตรี ที่ทำงานเข้ามือเข้าคู่กันได้เป็นอย่างดี
ไม่ใช่ว่า รัฐมนตรีก็ไม่รู้ว่าใครจะมาเป็นที่ปรึกษา เป็นเลขานุการของตนเอง

ไม่ใช่ว่า รัฐมนตรีก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกที่ปรึกษา และเลขานุการของตนเอง

ไม่ใช่ว่า รัฐมนตรีก็ไม่มีความชอบธรรมที่จะปฏิเสธบุคคลบางคนบางกลุ่ม ที่จะเข้ามาเป็นที่ปรึกษา และเลขานุการของตนเอง

ไม่ใช่ว่า รัฐมนตรีก็ยังคาดเดาไม่ได้ มองภาพไม่ออกว่าการทำงานของตนกับที่ปรึกษา กับเลขานุการจะออกมาในรูปแบบใด เพราะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนทั้งที่ปรึกษาและเลขานุการ

แต่ขณะนี้ เท่าที่ได้ยินได้ฟังจากรัฐมนตรีหลายคนหลายท่าน ต่างตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน คือ รอดูว่าจะมี
"มือที่มองไม่เห็น" จับใคร ชื่ออะไร ยัดเยียดมาให้ตัวเองบ้าง

เท่านั้นไม่พอ รัฐมนตรีหลายคนกำลังคิดหาทางออกให้กับตนเอง ว่าจะหลีกเลี่ยงการทำงานร่วมกับที่ปรึกษาและเลขานุการที่ไม่อยากได้กันอย่างไร หรือจะทำงานอย่างให้ที่ปรึกษาและเลขานุการรัฐมนตรี ได้รับรู้หรือมีส่วนร่วมน้อยที่สุด

รัฐมนตรีหลายคนอึดอัดเต็มทีกับอาการ "ผีจับยัด" โดยที่ไม่มีสิทธิ์เลือกคนมาทำงานด้วยตนเอง

เพียงเพราะเหตุผลทางการเมืองภายในพรรค ว่าจะต้องตอบแทนและจัดสรรปันตำแหน่งที่ได้มาจากการต่อสู้ของประชาชน ให้แก่นักการเมืองทุกคนของพรรคอย่างถ้วนหน้า โดยไม่ได้สนใจว่าคนที่ได้ตำแหน่งไปจะไปทำงานให้แก่ประชาชนได้หรือไม่ จะเข้าไปขัดหรือแย้ง หรือทำตามนโยบายรัฐมนตรี หรือไปตั้งกลุ่ม ตั้งก๊ก แบ่งกันหาแบ่งกันกิน โดยไม่สนใจสายตาประชาชนกันอีกแล้ว

ผมติดตามการทำงานการเมืองของ นายสมัคร สุนทรเวช ไม่เคยได้ยินสักครั้งที่จะเห็นนักการเมืองอาวุโสที่เชี่ยวชาญเกมการเมืองท่านนี้ จะต้องร้องหายาทัมใจเช่นในวันนี้ แม้กระทั่งวันที่โดน นายชวน หลีกภัย ปล้นลูกพรรคประชากรไทย ก็ยังไม่ปวดหัวขนาดนี้ แสดงว่ารายชื่อที่ปรึกษา และเลขานุการรัฐมนตรี ที่ส่งไปถึงมือนายกรัฐมนตรี จะต้องมียี้มากกว่าเยี่ยม อยู่มากมายหลายชื่อ

จึงเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งที่ นายสมัคร สุนทรเวช ใช้อำนาจนายกรัฐมนตรี ไม่นำรายชื่อทั้งหมดเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณารับรอง และนำกลับไปพิจารณาทบทวนเปลี่ยนแปลงแก้ไขใหม่

ผมเชื่อว่าถึงนาทีนี้ กระแสสังคมได้ตอบแล้ว ชื่อไหนรับได้ ชื่อไหนรับไม่ได้ หากรัฐบาลยังดันทุรังไม่ฟังประชาชน จะทำตามใจตัวเอง ไม่ฟังเสียงประชาชน ก็นับวันเวลาถอยหลังได้เลย

รัฐบาลนี้มีจุดแข็งเพียงจุดเดียว คือ ประชาชนเอา หากวันใดประชาชนไม่เอา ก็ไม่มีใครเอาอีกแล้ว

ไม่ต้องคิดหันหน้าไปหาสื่อที่รอขย้ำ ทหารที่รอเชือด และระบบราชการที่สวามิภักดิ์กับอำมาตยาธิปไตย ไม่มีวันถอนตัว

หนทางที่ นายสมัคร สุนทรเวช ควรจะทำต่อกรณีที่ปรึกษา และรัฐมนตรี ก็คือ เปิดให้เป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมของรัฐมนตรีแต่ละท่าน ที่จะเลือกคนมาทำงานด้วย เช่นเดียวกับที่นายกรัฐมนตรีมีโอกาสและมีสิทธิ์เลือกคนมาทำงาน ในฐานะเลขานุการนายกรัฐมนตรีด้วยตนเอง

อกเราเป็นฉันใด อกเขาก็เป็นฉันนั้น

"รัฐมนตรีมีสิทธิ์ไหมครับ"

‘นายกอ'

/////////////////////////

คอลัมน์:ละครชีวิต...จากหนังสือพิมพ์รายวันประชาทรรศน์...

ฉบับประจำวันที่ 15/02/2551

จาก hi-thaksin