WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, February 11, 2008

ไส้ในเผด็จการ...?

อย่างที่เคยได้กล่าวในคอลัมน์นี้ว่า การรัฐประหารเมื่อ 19 กันยายน 2549 ไม่ใช่ความบังเอิญ ... ไม่ใช่อุบัติเหตุทางการเมือง ... หรือการเมืองถึงทางตีบตันแต่อย่างใด...!!!


แต่เป็นการงวางแผน เตรียมการกันมาพอสมควร แล้วคอยช่วงจังหวะเวลาที่เหาะสม เพราะจุดอ่อนของสังคมไทยก็คือ เมื่อมีเรื่องมีราวเกิดขึ้น เป็นต้องเรียกหา “อัศวินม้าขาว” มาแก้ไข จึงเข้าทางพวกอำนาจนิยมเผด็จการ

เริ่มจากปั่นกระแสสังคมให้วุ่นวาย จนดูเหมือนรัฐบาลจะควบคุมไม่อยู่ สบช่องก็ให้เหล่าขุนศึกเคลื่อนพลเข้ามาเป็น “ฮีโร่” พร้อมเสียงเชียร์ของกลุ่มคนบางกลุ่ม

แต่แล้วทุกครั้งที่ผ่านมาของการปฏิวัติรัฐประหาร ท้ายสุด อัศวินก็กลายเป็นโจร ฮีโร่ก็กลายเป็นผู้ร้าย ลงท้ายก็เป็นคนทำให้บ้านเมืองตกต่ำลงทุกครั้ง

ดังมีนัยให้เห็นเมื่อไม่นานมานี้เอง จากปากคำของ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข รักษาการประธาน คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช.

โดยยอมรับแบบเชิงให้ความเห็นแก่นักข่าวว่า หากจะมีการปฏิวัติรัฐประหารขึ้นอีก นานาประเทศจะไม่คบหาด้วย พลอยส่งผลกระทบมาถึงพี่น้องประชาชนทุกคน โดยเฉพาะในเรื่องของเศรษฐกิจ

แต่กระนั้น ผู้นำทหารท่านนี้ก็ยังคงนำประเด็นที่สร้างขึ้นเป็นข้อกล่าวอ้าง 4 ข้อ ในการทำรัฐประหารมากล่าวย้ำอีก ทั้งที่ผ่านมาจะปีครึ่งแล้ว ข้อกล่าวหาเหล่านั้นกลับไม่มีข้อใดสักข้อที่พิสูจน์ได้ว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้นได้กระทำ

นั่นหมายถึง ผู้นำทหารยังคงแกล้งทำเป็นปิดหูปิดตา ปิดมโนสำนึกของตัวเองว่า ที่กระทำไปแล้วนั้นเป็นความถูกต้อง แม้ประชาชนจะต้องทนทุกข์ยากจากการกระทำของ คมช.มาอย่างต่อเนื่องถึง 1 ปี 5 เดือน

แต่นั่นก็เป็นเพียงการจบในกระบวนการที่วางแผนไว้แต่ต้นเท่านั้น ที่ผู้นำทหารหลายคนตกหลุมพรางของกระบวนการปลุกผีอำมาตยาธิปไตยให้กลับเข้ามามีอำนาจเหนืออำนาจประชาชน

ถึงวันนี้ รัฐธรรมนูญ 2550 ประกาศ คปค. และกฎหมายที่ออกมาจาก สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. หลายฉบับ เป็นกฎหมายที่ออกมาเพื่อค้ำระบอบอำมาตยาธิปไตย...!!!

ส่งเสริมให้ข้าราชการยืนอยู่เหนือประชาชน ทั้งที่ข้าราชการเหล่านั้น หามีจิตสำนึกไม่ว่า เงินเดือนที่เลี้ยงชีพ เลี้ยงชีวิต เลี้ยงครอบครัวอยู่ทุกวันนี้ คือภาษีที่ประชาชนต้องจ่าย... นี่คือเงินของประชาชน...

แล้วแค่เพียงวันแรกของการประชุมคณะรัฐมนตรี มิทันที่รัฐบาลใหม่จะได้บริหารประเทศเงื่อนปมจากกฎหมายเจ้าเล่ห์ก็เริ่มเปิดให้เห็นเค้าลางของกระบวนการฝ่ายอำมาตยาธิปไตยแจ่มชัดยิ่งขึ้น

นายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช ถึงกลับร้องอุทานอกมาให้สังคมได้รับรู้กันดังๆ ว่าที่ผ่านมา พวกยึดอำนาจทำอะไรไว้บ้าง ร่างกฎหมายกันอย่างไร...?

เมื่อเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ชี้แจงรายละเอียดและขั้นตอนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ กลายเป็นเรื่องใหญ่และเป็นปัญหาที่ไม่น่าเชื่อ

“ครอบครัวเขาอยู่กันมาดีๆ มันเสียหายหมด เพราะความเคียดแค้นชิงชัง ไม่ชอบก็มาเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญทั้งหมด ในอดีตเขียนไว้ในระเบียบต่างๆ แต่วันนี้บรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญ เรื่องนี้ไม่เคยคิดว่าจะเป็นอันตราย แต่วันนี้ถือว่าอันตรายมาก”

ประโยคข้างต้น คือประเด็นของปัญหาที่ตัวแทนของประชาชนในระดับผู้นำประเทศ เปิดปมให้เห็น...

ดูอาจะเป็นเรื่องดี ที่ห้ามรัฐมนตรี กินรวมไปถึงลูกเมียมีหุ้นในบริษัทห้างร้านต่างๆ แต่ถามเถอะว่า เมื่อผู้ที่เขามีความรู้ความสามารถ หากจะทั้งต้องการเข้ามาช่วยพัฒนาประเทศเอง หรือถูกชักชวนเข้ามาทำประโยชน์ให้ประเทศ การเข้ามาเป็นรัฐมนตรีของประเทศไทย จำเป็นต้องทิ้ง ... จำเป็นต้องทำลายมันทั้งครอบครัวด้วยหรือ...?

คิดแบบนี้ ... เขียนออกมาด้วยอคติอย่างนี้ ใครที่ไหนเขาจะเข้ามาให้มันเปลืองตัว...เห็นจะมีอยู่ไม่กี่พวก กี่กลุ่มเท่านั้น ที่สเป็กดูจะตรงกับกฎหมายนี้

หนึ่ง ก็พวกนักการเมืองอาชีพ ที่ไม่มีอาชีพอะไรทำนอกจากเป็นนักการเมืองที่แหกปากตำหนิคนอื่นเป็นอยู่อย่างเดียว...

สอง ก็พวกข้าราชการทหารและพลเรือนชั้นผู้ใหญ่ที่ปลดเกษียณ...

และสาม ก็พวกนักวิชาการจอมปลอม...

หากกำหนดเอาแต่พองาม ไหนเลยใครจะก่นด่าออกมา นี่มันก็ไม่ผิดอะไรกับการล็อกสเป็กรัฐมนตรีให้มาอยู่ฝากฝั่งตัวเองมากที่สุด

แล้วไม่ทันไร ก็โผล่หน้าออกมาจริงๆ เพราะพลันที่นายกรัฐมนตรี ร้องดังๆ ออกมาเท่านั้น นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเป็นอดีตเลขานุการคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับสมุนโจร ก็ออกมาตอบโต้ทันที

“เจตนารมณ์ของผู้ร่างต้องการให้ผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งคิดให้ดี หากยังต้องการให้คู่สมรสและบุตรยังมีหุ้น ก็ไม่ต้องมาเป็นรัฐมนตรีก็ได้ เมื่อรู้กติกาตั้งแต่แรกก็ต้องยอมรับ ถ้าไม่ยอมรับก็ไม่ต้องเข้ามาเล่น”

ปากเสีย ... ไม่สมกับเป็นถึงหนึ่งในคณบดี นิติศาสตร์มหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศ...!!!

อีกกฎหมายหนึ่งที่ออกจะเกินเลยเอามากๆ ที่เรียกขานกันว่า “กฎหมายเจ็ดชั่วโคตร” .... กฎหมายบ้าๆ บอๆ ที่สามัญสำนึกเกิดจากคิดเพียงว่า พวกตัวเองเท่านั้นคือคนไทย

ผมเห็นด้วยกับ นายพีรพันธุ์ พาลุสุข คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคพลังประชาชน ที่กล่าวว่า รัฐธรรมนูญปัจจุบันทำให้รัฐบาลบริหารประเทศได้ยาก เพราะผู้เขียนไม่ได้วางอนาคต และไม่ได้บอกแนวทางการพัฒนาประเทศว่าควรจะไปในทิศทางใด

“จึงต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยนำรัฐธรรมนูญปี 2540 มาเป็นตัวตั้ง ส่วนจะแก้เมื่อใดขึ้นอยู่กับเวลาที่เหมาะสมทางการเมือง สำหรับร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนตัวหรือที่เรียกว่ากฎหมายเอาผิด 7 ชั่วโคตรก็ต้องได้รับการแก้ไขด้วย”

อีกหนึ่งท่านก็คือ นายปิยบุตร แสงกนกกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า การปฏิวัติ 19 กันยายน 2549 บางคนวิจารณ์ว่า คมช. พ่ายแพ้ แต่ตนคิดว่ายังไม่แพ้ เพราะมีการสืบทอดอำนาจอยู่

“วางแผนทำให้รัฐบาลชุดใหม่เป็นรัฐบาลผสมที่ไม่มีความเข้มแข็ง และทำให้องค์กรอิสระมีแต่ข้าราชการเกษียณเข้ามาทำงาน พร้อมทั้งมีการใช้กฎหมายมาเป็นเกมการเมือง เช่น กรณีจะมีการยุบพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย”

หรือแม้แต่อดีตผู้พิพากษา นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่กล่าวว่า แนวโน้มทางการเมืองไทยจะเป็นลักษณะของการต่อสู้ในสภาที่เข้มข้น ฝ่ายค้านจะพยายามหาทางโค่นล้มรัฐบาล

ส่วน ส.ว.ลูกผสม ขอตั้งข้อสังเกตว่า คณะกรรมการสรรหา ส.ว. ทั้ง 7 คน หลายคนมาจาก คมช. คนกลุ่มนี้จะใช้มาตรฐานหรือหลักเกณฑ์อะไรในการคัดสรร ส.ว. ทั้ง 74 คน เพราะไม่มีการระบุมาตรฐานกฎเกณฑ์ออกมา

นอกจากนี้ คมช. ยังได้สร้างสิ่งป้องกันตัวเองไว้ เช่น พ.ร.บ.การจัดระเบียบกระทรวงกลาโหม การที่ให้ กกต. ป.ป.ช. ที่ คมช. เป็นผู้เลือกมาทำหน้าที่จนครบวาระและยังให้อำนาจไว้มาก ตรงนี้ก็ถือว่าเป็นการสืบทอดอำนาจ... พอเห็นกันแล้วใช่ไหมครับ ว่าเขาวางแผนและกระทำกันมาอย่างไร

ตอนนี้แนวร่วมอำมาตยาธิปไตย ที่คาดหวังว่าตัวเองจะได้ทั้งลาภ ทั้งยศ ก็คือเหล่านักวิชาการสมองเผด็จการ และสื่อโสมม เหมือนจะย้อนรอยเล่นบทเดิม อีกรอบ ด้วยการโหมกระหน่ำตีรัฐบาลประชาธิปไตย

ระวังหน่อยก็แล้วกันครับ... ได้ยินว่า หนนี้ประชาชนเขาไม่ยอมแน่ๆ...!!!

บทความการเมือง