* คิดจะจับคนอื่นเข้าคุก แต่วันนี้ คตส. ยื่นขาข้างหนึ่งเข้าไปอยู่ในตะรางเสียแล้ว เพราะ ใช้ความแค้นนำหน้า ใช้อคตินำทาง หางจึงโผล่ก่อนที่หัวจะถึงเป้าหมาย คดีหวยบนดินอัยการสั่งไม่ฟ้อง คดีกล้ายาง จงใจทำชื่อผู้ต้องหาหล่นหาย คดีรถดับเพลิง ตั้งใจ ละเว้น อภิรักษ์ โกษะโยธิน แบบทำให้ประชาชนทั้งประเทศกังขา คดีเซ็นทรัลแล็บชี้ว่าทำให้รัฐเสียหาย แต่ข้อมูลกลับสวนทาง ปีนี้เซ็นทรัลแล็บมีกำไร อาการแบบนี้ หาก คตส. รอดคุกได้ ก็ปาฏิหาริย์ แล้วล่ะครับ
* ไม่เข้าใจทำไมทั้งสื่อในและสื่อนอกต้องตกใจ เมื่อได้ยิน สมัคร สุนทรเวช ประกาศว่าไม่ใช่หุ่นเชิด ไม่ใช่นอมินีของ ทักษิณ ชินวัตร มีใครที่ไหนเคยได้ยิน สมัคร สุนทรเวช บอกว่าเป็นหุ่นเชิด เป็นนอมินี ทักษิณ ชินวัตร มาก่อนอย่างนั้นหรือ จงรัก ภักดีราช ก็ได้ยินอย่างนี้มาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง ทุกเวทีหาเสียง สมัครก็ประกาศอย่างนี้มาแต่ต้น มีแต่คนที่อยากจะปั่นกระแสให้ สมัคร-ทักษิณ ผิดใจกัน เท่านั้นที่ขยายและบิดเบือน “คำ” นี้ไปในทางร้าย
* เชียร์ จักรภพ เพ็ญแข เดินหน้าลุยเข้าใส่ความไม่ถูกต้องทั้งหลายทั้งปวง กำจัดเหลือบเผด็จการแอบอิงเกาะกินอยู่กับสื่อของรัฐ หากินกันปากมัน พุงปลิ้น อร่อยลิ้น ยังไม่สะใจ สร้างความแตกแยกให้แก่คนในชาติ ทำบ้านเมืองล่มจม หลอกต้มประชาชนด้วยคำเท็จ พฤติกรรมคนทำสื่อแบบนี้ต้องกุดหัวให้หมด ไม่ใช่แค่ปิดโอกาสหากินเท่านั้น หากแต่ต้องดำเนินคดีให้เข็ดหลาบ เอาตัวมาลงโทษ ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างอีกต่อไป เหมือนกับที่ศาลสั่งจำคุก สนธิ ลิ้มทองกุล เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่คนอื่นอีกต่อไป
* ชอบใจนักกับคำประกาศ “หากผมอยากอยู่สบาย คงไม่เลือกมาทำงานนี้” ใช่แล้วครับ เป็นนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย เดินนำประชาชนขับไล่เผด็จการ เมื่อได้ชัยชนะอย่างสวยงามขาวสะอาดอย่างนี้แล้ว หากยังรีรอ ไม่กล้าลงมือ ขลาดกลัวที่จะกำจัดความผิด รื้อฟื้นความถูกต้อง ก็มีแต่จะถูกหัวเราะเยาะจากฝ่ายตรงข้าม และทำลายความหวังของประชาชนฝ่ายประชาธิปไตย
* “ปากกล้า ขาสั่น” ที่เห็นกันได้อย่างตัวเป็นๆ ก็คือ อลงกรณ์ พลบุตร อุตส่าห์หอบหลักฐานหลายแฟ้มใหญ่มาตั้งโต๊ะแถลงข่าวให้ร้ายนักการเมืองใหญ่บุรีรัมย์ บุกรุกที่ดินออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ ประกาศเสียงดังฟังชัด เรื่องนี้ต้องมีคนเข้าคุก แต่พอถูกศาลเรียกไปให้ปากคำ กลับขอเลื่อน อ้างติดภารกิจประชุมสภา มาศาลไม่ได้...โถๆๆๆ ปากกล้าแต่ในบ้าน พอเรื่องถึงศาลก็หนีหน้า ไม่เห็นกล้าอย่างที่คุย เห็นทีคดีนี้จะมีคนเข้าคุกจริงๆ และต้องจ่ายค่าปากเปราะอีก 100 ล้านบาท
* เรื่องเอกสารสิทธิที่ดินเขากระโดง บุรีรัมย์ จงรัก ภักดีราช เคยได้เห็นหลักฐานในมือทีมงาน พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน เห็นจะจะคาตา ที่ดินแปลงเจ้าปัญหานั้น มีเอกสารสิทธิมาตั้งแต่ปี 2493 ก่อน เนวิน ชิดชอบ เกิด 7 ปี เป็นโฉนดมาตั้งแต่ปี 2517 ขณะ เนวิน ชิดชอบ เรียนหนังสืออยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ กรุณา ชิดชอบ ผู้เป็นภรรยา ไปซื้อมาเป็นมือที่ 4 นับแต่ที่ดินแปลงนี้มีเอกสารสิทธิ เมื่อปี 2540 หลังจากกรมที่ดินออกโฉนดมาแล้ว 23 ปี
* คดีนี้ หากสิ่งที่ อลงกรณ์ พลบุตร พูดเป็นเรื่องจริง ก็ต้องบอกว่า ปาฏิหาริย์บวกมหัศจรรย์ ที่คนอย่าง เนวิน ชิดชอบ เป็นผู้มีอิทธิพล บุกรุกที่ดินตั้งแต่ยังไม่เกิด และขณะเรียนหนังสือชั้นมัธยม ก็บังคับให้กรมที่ดินออกโฉนดที่ดินได้ ที่สำคัญการได้ที่ดินจากการซื้อหลังจากออกโฉนดมาแล้ว 23 ปี ของภรรยา ก็ ยังทำให้ เนวิน ชิดชอบ ตกเป็นผู้ต้องหาบุกรุกที่ดิน
* พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน เห็นข้อมูลทั้งหมด ก็ส่ายหัว เก็บเรื่องเข้าลิ้นชัก แต่ อลงกรณ์ พลบุตร เห็นแล้วกลับแกล้งทำตาบอด มองไม่เห็นสาระสำคัญของเรื่อง เพราะอคติบังตาและบังใจ จึงต้องตกเป็นผู้ต้องหาคดีหมิ่นประมาท และสุดท้ายก็ใช้เทคนิคต่อสู้คดี หนีหน้าไม่กล้าสู้ความจริงในชั้นศาล
* ตำรวจทั้งหลายต้องดูไว้เป็นตัวอย่าง ริจะเป็นตำรวจใหญ่ต้องจมูกไว และเปลี่ยนสีเร็วเหมือน เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เป็นสมาชิก คมช. คนเดียว ที่ไม่เข้าร่วม พิธีปิดมหกรรรมปล้นประชาธิปไตย รูดม่านปิดฉาก คมช. ทิ้งไว้แต่ความล้มเหลว และความเสียหายของประเทศชาติ ไว้เป็นที่ระลึก ให้ประชาชนนึกด่าทุกครั้งเมื่อวันที่ 19 กันยายน เวียนมาถึงในทุกๆ ปี
* สืบข่าวมาขายประสา จงรัก ภักดีราช ได้ยินจากปากพยานในเหตุการณ์ว่า เหตุที่ เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ไม่ร่วมพิธีปิดมหกรรมปล้นประชาธิปไตยของ คมช. เพราะย้ายข้างไปนั่งเคียง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เสียแล้ว หลายคืนก่อนเปิดบ้านอดีตนายทหารใหญ่ ชนแก้วไวน์กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นี่ล่ะ...นายตำรวจน้ำดีที่ คมช. ส่งเสริมให้เป็นใหญ่ สะใจไหมพี่น้อง คมช. ทั้งหลาย
* แต่ฟังเหตุผลแล้วก็ต้องพยายามทำความเข้าใจ “เสรีพิศุทธ์ เปลี๊ยนไป๋” ครั้งนี้ เพราะมีความจำเป็นจริงๆ เนื่องจากตั้งใจจะลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. เดือนสิงหาคมปีนี้ จึงจำเป็นต้องมีฐานเสียงพรรคการเมืองขนาดใหญ่หนุนหลัง วันนี้ไปหาประชาธิปัตย์ไม่ได้ อยู่กับ คมช. ก็เสียคะแนน จำต้องกลับมาสวามิภักดิ์ “พลังประชาชน” และอยู่ในโอวาท เฉลิม อยู่บำรุง เพื่อแลกกับคะแนนเสียงในกรุงเทพฯ
* แต่ให้ตายเถอะ จงรัก ภักดีราช ทำใจไม่ได้จริงๆ นึกถึงวีรกรรมที่สั่งการให้ตำรวจทุบตีทำร้ายประชาชนหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ ใช้เลือดเนื้อของประชาชนแลกตำแหน่ง ผบ.ตร. ด้วยการทำให้ “ป๋า” พอใจ และขอฝากคำถามไปถึง จักรภพ เพ็ญแข อีกทั้งแกนนำ นปก. ทั้งหลาย ที่ได้ดิบได้ดีในรัฐบาลพลังประชาชน เรื่องระหว่างท่านและประชาชน กับเสรีพิศุทธ์ จะปล่อยให้จบไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ?
คอลัมน์ สามเหลี่ยมดินแดง