ถือฤกษ์ 08.30 น. “ลุงหมัก” นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เดินทางเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลหลักเมือง เพื่อเป็นสิริมงคลในการปฏิบัติหน้าที่ ก่อนจะก้าวเท้าขวาเข้าสักการะเจ้าพ่อหอกลองสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงกลาโหมในเวลา 09.20 น.
ปลุกพระเรียกความมั่นใจในการบุกเข้าถ้ำเสือเป็นวันแรก
ในฐานะพลเรือนคนที่ 3 ที่ได้นั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม “ลุงหมัก” ต้องทำทุกอย่างเพื่อหลักประกันความปลอดภัย
คุมม้าพยศง่ายซะที่ไหน
แต่ก่อนหน้านั้นก็เกือบเสียฤกษ์ไป กับคิวของนายธีระชัย แสนแก้ว รมช.เกษตรและสหกรณ์ สายพ่อมดเขมร ออกมาวิ่งล่อกระสุนรถถัง
ตะโกนเสียงดังๆ ขณะนี้ประชาชนกำลังเดือดร้อนกับภาวะเศรษฐกิจ ทหารก็ต้องดูด้วยว่า งบฯที่จะไปซื้ออาวุธจำเป็นหรือไม่
หากไม่จำเป็นต้องตัดออก นำงบประมาณมาช่วยเกษตรกรผู้เดือดร้อนดีกว่า
ทำเป็นแกล้งแหย่ไข่จงอาง
ทั้งๆที่กำลังเป็นประเด็นข่าวอยู่ว่า พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ อดีตรักษาการประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ไม่ได้เข้าร่วมพิธีต้อนรับนายสมัครที่กระทรวงกลาโหม
เพราะบินไปเซ็นสัญญาซื้อเครื่องบินรบมูลค่านับหมื่นๆล้านบาทที่ประเทศสวีเดน
ถึงขั้นที่ น.อ.มณฑล สัชฌุกร รองโฆษกกองทัพอากาศ ต้องออกมาชี้แจงแถลงไข
“รัฐบาลไทยกับรัฐบาลสวีเดนได้บรรลุข้อตกลงดังกล่าวแล้ว และได้ตกลงที่จะลงนามในการจัดซื้อเครื่องบินในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ เป็นการนัดหมายล่วงหน้า ทั้งนี้การชี้แจงก็เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดว่า ผบ.ทอ.ไม่ยอมร่วมงานพิธีต้อนรับนายสมัครที่กระทรวงกลาโหม”
“ซีเรียส” เอาการอยู่
กำลังล่อแหลมๆ นายธีระชัยเขี่ยลูก โดนใจดำพอดี
หนวดไม่กระดิกให้รู้ไป
ซึ่งก็เป็นอะไรที่การันตีมาตรฐาน “ผีเจาะปาก” ยี่ห้อ “อีโต้อีสาน” ยังรับประกันได้ ในเรื่องของการท้ารบสิบทิศ
แม้สถานภาพจะเปลี่ยนไปเป็นท่านรัฐมนตรี แต่ก็ยังยินดีกับบทหัวหมู่ทะลวงฟัน
ได้ดิบได้ดีเพราะเก่งตีฝีปาก
โชว์มาตรฐานรัฐมนตรี “สมัคร 1” พร้อมเข้าสถานีรบปะฉะดะไปทั่ว โดยไม่เลือกบรรยากาศและไม่สนสถานการณ์
เงินไม่ต้องพก ไปหาบาทาเอาข้างหน้า
มาถึงตรงนี้ต้องยกมาทั้งประโยคยาวๆเลย กับบทสรุปของนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย
“รัฐบาลเองถ้าเห็นว่าบริหารประเทศไม่ดีก็ต้องปรับ ครม. ต้องยอมรับว่าการตั้ง ครม. คราวนี้ยาก เพราะได้ผ่านเหตุการณ์ที่ต่อสู้กันมาเข้มข้น ส่วนหนึ่งก็ต่อสู้กันมาช่วยเหลือกันมา รวมถึงการเป็นรัฐบาลผสมหลายพรรค
นอกจากนี้ ตัวรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องก็ทำให้คนนอกไม่กล้าเข้ามา บวกกับพรรคพลังประชาชนเองก็ไม่ได้วางยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนว่า ควรตั้ง ครม.ให้ดีแค่ไหนอย่างไร ผลที่ออกมาเลยไม่ได้อย่างที่คาดหวัง
คนที่น่าเห็นใจมากคือตัวนายกรัฐมนตรี
ดังนั้น ถ้าทำงานไปซักระยะแล้วเห็นว่าทำไม่ได้ก็ต้องปรับ ครม.ให้ดีขึ้น และต้องดีขึ้นอย่างมากๆด้วย นายกฯต้องมีความกล้าที่จะปรับ โดยไม่ต้องดูอีกแล้วว่าใครเป็นตัวแทนของใครกลุ่มใด”
ออกตัวให้เสร็จสรรพ พร้อมกับเปิดทางให้ล่วงหน้า
สอดรับกับที่นายสมัครตั้งเงื่อนไขไว้ ถ้าภายใน 3 เดือนยังไม่มีอะไรคืบหน้า ก็ต้องมาตั้งวงถกกันในหมู่คณะรัฐมนตรี และถ้าใน 6 เดือนยังเห็นเนื้อเห็นหนัง
ก็ต้องขยับปรับ ครม.กันใหม่
และเท่าที่เช็กจากคนในแวดวงใกล้ตัว ประเมินเงื่อนเวลา พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี น่าจะบินกลับประเทศไทยช่วงเดือนมีนาคม
ตัวจริงกลับมาได้จังหวะยกเครื่องพอดี.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน
คอลัมน์ ข่าวการเมือง(วิเคราะห์)