โครงการรถไฟฟ้า 9 สาย
1. บางใหญ่-ไทรน้อย-ดาวคะนอง 35 กม.
2. สำโรง-เมืองโบราณ 17 กม.
3. หมอชิต-สะพานใหม่-ลำลูกกา-ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต 36.6 กม.
4. ตากสิน-มหาชัย 20 กม.
5. บางซื่อ-คลองเตย 29 กม.
6. มีนบุรี-ศาลายา 51 กม.
7. ตากสิน-พุทธมณฑล สาย 421.7 กม.
8. วัดใหญ่-ป้อมพระจุล 6 กม.
9. บางกะปิ 95 กม
หนุนรัฐบาลเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจกต์ โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้า 9 สาย อดีตนายกฯสมาคมอสังหาฯ เร่งเดินหน้าเกียร์ 5 ฟื้นเศรษฐกิจ ไม่ใช่ให้ความสำคัญแค่ภาคส่งออก ระบุ ค่าเงินบาทที่แข็งตัวดีแล้วจะช่วยลดต้นทุนการนำเข้าพลังงาน แนะให้ภาคส่งออกปรับตัวส่งสินค้าพรีเมียมแข่งขันกับตลาดโลก ย้อนอดีตนำบทเรียนยุคสหรัฐฯ ฟองสบู่แตก “บิล คลินตัน” ชูโยบายสร้างบ้าน 1 ล้านหลัง ฟื้นเศรษฐกิจกว่า 2 ปีที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ต้องเผชิญกับหลายปัจจัยลบที่มาฉุดกำลังซื้อ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันที่ขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง เงินบาทที่แข็งค่าขึ้น มาตรการกันเงินสำรอง 30% แต่หลังจากผ่านพ้นการเลือกตั้งไปแล้ว สถานการณ์ทางการเมืองไทยมีแนวโน้มดีขึ้น แม้ว่าหน้าตารัฐบาลจะยังไม่เป็นที่ถูกใจ แต่การได้รัฐบาลจากการเลือกตั้งมีผลในแง่จิตวิทยา สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคตลอดจนนักลงทุนคืนมารศ.ดร.มานพ พงศทัต อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ ภาควิชาเคหะ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอดีตนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ “บางกอกทูเดย์” ถึงทิศทางของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยฝากไปถึงรัฐบาลชุดใหม่ว่า“การเลือกตั้งที่ผ่านมา ภาคอสังหาฯ รู้สึกน้อยใจว่า ไม่มีวาระของธุรกิจนี้ชูประเด็นในการหาเสียงหรือกระตุ้นเศรษฐกิจเลย ทั้งที่รัฐบาลชุดเก่าของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นพี่น้องกับ
รัฐบาลชุดนี้ เคยใช้นโยบายภาคอสังหาฯ หาเสียง แต่ก็ขอบคุณโครงการเมกะโปรเจกต์ ทั้งรถไฟฟ้ารางคู่และโครงการรถไฟฟ้า 9 สาย ที่นายกรัฐมนตรี สมัคร สุนทรเวช จะนำมาเป็นโครงการเบิกฤกษ์ ย่อมเป็นแนวโน้มที่ดีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ”รศ.ดร.มานพ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลควรใช้นโยบายภาคอสังหาฯ กระตุ้นเศรษฐกิจอย่างจริงจังพร้อมยกตัวอย่างให้เห็นภาพว่า การสร้างบ้าน 1 หลัง สามารถสร้างงานได้ 2.5 เท่า ทำให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนครอบคลุมทั้งระบบ ทั้งตัวที่ดิน วัสดุก่อสร้าง อาทิ อิฐ หิน ปูน ทราย เหล็กเฟอร์นิเจอร์ สี เช่นเดียวกับประเทศสหรัฐอเมริกาสมัยเศรษฐกิจตกต่ำ ในยุคที่มี นายบิล คลินตันเป็นประธานาธิบดี ได้ใช้นโยบายสร้างบ้าน 1 ล้านหลังภายใน 1 ปี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศซึ่งก็ได้ผล ขณะที่สิงคโปร์สร้างชาติให้รุ่งเรือง ด้วยการผุดโครงการก่อสร้างแฟลตทั่วประเทศ เช่นเดียวกับเมืองเซี่ยงไฮ้ของจีนต่างก็ยอมรับแนวคิดนี้“รัฐบาลมีหน้าที่หาเงินให้ประชาชน ไม่ใช่มีหน้าที่ใช้ภาษีของประชาชน นโยบายประชานิยมไม่ใช่ของฟรี ไม่เช่นนั้นรัฐบาลจะเสียหาย”
สำหรับแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลมี 2 แนวทาง คือ 1. กระตุ้นเศรษฐกิจนอกประเทศด้วยการส่งออกและการท่องเที่ยวซึ่งมีการแข่งขันสูง และ 2. กระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ คือ สร้างกำลังซื้อให้ผู้บริโภคจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น เช่น มาตรการลดภาษี เรียนฟรี อย่างที่สหรัฐเมริกาหรือเกาหลีใต้ใช้วิธีปล่อยให้ประชาชนใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตโดยนำรายได้ในอนาคตมาใช้ ซึ่งวิธีนี้ไม่ยั่งยืน“ดังนั้น วิธีที่ยั่งยืนที่สุด คือ การก่อสร้างสาธารณูปโภค สร้างบ้าน สร้างถนนหนทาง โดยเฉพาะโครงการขนส่งมวลชน หรือ Mass Transit เป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานให้
ประชาชน รวมทั้ง ไฟฟ้า ประปา ต้องใช้เม็ดเงินทุ่มลงไป จะสะท้อนกลับถึงภาคเศรษฐกิจ สังคมและคุณภาพชีวิตที่ดีให้ประชาชน”รศ.ดร.มานพ ชี้ว่า นักการเงินหลายคนเข้าใจผิด ถึงการลงทุนสร้างบ้าน สร้างถนน แล้วจะต้องมีจุดคุ้มทุนเหมือนการค้าขาย แต่ที่จริงแล้วมันมีผลประโยชน์ตอบแทนข้างเคียง เป็น Economic Valueซึ่งจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการสร้างงานมากขึ้น ไม่ใช่ Financial Valueดังนั้น รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับภาคอสังหาฯ อย่าหวังเพียงแค่การส่งออกแล้วมีนโยบายทำให้ค่าเงินบาทอ่อนตัวลง มองว่ารัฐบาลกำลังหลงทาง ค่าเงินบาทต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด เงินบาทที่แข็งค่าทุกวันนี้ดีแล้ว เพราะเราต้องใช้จ่ายเป็นค่าเชื้อเพลิงพลังงานถึง 30%
ซึ่งเป็นจำนวนมหาศาล ในทางกลับกัน รัฐบาลต้องให้ผู้ส่งออกเร่งปรับตัว ส่งสินค้าพรีเมียมที่มีราคาไปแข่งในตลาดโลก ยกตัวอย่าง เช่น ข้าวหอมมะลิ ไม่ใช่ข้าวเกรดต่ำที่แตกหัก ต้องเป็นสินค้าเกรดเอซึ่งคนไทยทำได้ดีอยู่แล้วรศ.ดร.มานพ กล่าวถึงโครงการขนส่งมวลชน หรือ Mass Transit ซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ว่า เดินมาถูกทางแล้ว แต่จุดอ่อน คือ จะระดมทุนจำนวนมากมาจากไหน แล้วต้องรีบแก้ไข“ที่จริงแล้วเงินมีเยอะมาก แต่ถูกบล็อกที่แบงก์ชาติ กระทรวงการคลังต้องดูเรื่องการเงินว่าเป็นเรื่องของ Financial วิธีคิดต้องต่อยอดแบบบูรณาการ ไม่ใช่คิดแบบ Sector สิ่งที่รัฐบาลทำดีอยู่แล้วก็ขอให้เร่งใส่เกียร์ 5 ต้องลุยเรื่องสาธารณูปโภค โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า 9 สายต้องรีบทำแต่ต้องแบ่งกันทำ อย่าทำรวบกินคนเดียว จะมีศัตรูเยอะ และต้องแบ่งงานให้ชัดเจน”