หากจะนับวันเวลาการต่อสู้เพื่อโค่นล้มเผด็จการ ให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย และนำชัยชนะมาสู่พลังประชาชน แล้ว เฉลิม อยู่บำรุง น่าจะเป็นคนสุดท้ายหรือเกือบสุดท้าย ที่เข้ามามีส่วนร่วม
หากจะนับรางวัลหลังการต่อสู้ที่เพิ่งผ่านพ้นไป เฉลิม อยู่บำรุง น่าจะเป็นคนที่ได้รับรางวัลใหญ่ที่สุด ทั้งๆ ที่ลงทุนน้อยที่สุด
หากจะนับความกล้าหาญต่อการเผชิญหน้ากับเผด็จการ แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ไม่หวาดหวั่น ครั่นคร้าม พรั่นพรึง แบบถึงลูกถึงคน แล้ว เฉลิม อยู่บำรุง น่าจะมีน้อยกว่าคุณป้าที่ยืนตัวสั่น และเด็กหนุ่ม เด็กสาวที่ล้มทั้งยืนหน้าประตูรั้วบ้านสี่เสาเทเวศร์ เมื่อถูกไม้กระบองของตำรวจ
หากจะนับความลำพองในชัยชนะของพรรคพลังประชาชนที่มีเหนือเผด็จการ เฉลิม อยู่บำรุง น่าจะมากที่สุด ทั้งๆ ที่ได้แสดงความกล้าหาญในการต่อสู้น้อยที่สุด
วันนี้ เฉลิม อยู่บำรุง ได้รับรางวัลแห่งการต่อสู้ไปแล้ว คือ ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่เฝ้ารอมาทั้งชีวิต และเกือบจะหมดหวังไปแล้วง หากพรรคพลังประชาชนไม่ให้โอกาสเข้ามาร่วมงาน และเพียงแค่ 2 เดือน ที่เข้ามาอยู่ใต้กระแสความนิยมของนายกฯทักษิณ ชินวัตร ก็ส่งผลให้เฉลิม อยู่บำรุง เดินถึงฝั่งฝันได้โดยไม่ยากเย็น
วันนี้ ประชาชนยังไม่ได้ผลตอบแทนของการต่อสู้เพื่อปกป้องนายกฯทักษิณ ชินวัตร และประจันหน้ากับเผด็จการมายาวนานเกือบ 2 ปี เพราะพวกเรายังไม่ได้นายกฯทักษิณ กลับ คืนสู่อ้อมกอดของแผ่นดินไทย มาอยู่ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาทำงานช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ดังที่คาดหวัง และเป็นสิ่งเดียวที่พวกเราต้องการ ในการต่อ สู้
โดยเฉพาะ ประดาบ การกลับมาของนายกฯทักษิณ การพ้นมลทินจากข้อกล่าวหาของเผด็จการและเหล่าบริวาร คือ สิ่งที่ผมต้องการมากที่สุด
การต่อสู้ของเฉลิม อยู่บำรุง อาจจะจบสิ้นลงแล้ว เพราะเขาเดินถึงฝั่งฝันของเขาแล้ว เขาจึงไม่แยแส ไม่ใส่ใจต่อความรู้สึกของประชาชน
แต่การต่อสู้ของการประชาชนอย่างประดาบ เพิ่งผ่านพ้นไปเพียงแค่ด่านที่หนึ่งเท่านั้น ยังมีอีกหลายด่านที่พวกเราจะต้องฝ่าฟันและทำลายอุปสรรคกีดขวาง ขวากหนามที่เผด็จการวางซ่อน วางดักเอาไว้อีกหลายด่าน ให้ได้ เพื่อนำนายกฯทักษิณ ชินวัตร กลับคืนสู่ประเทศไทยด้วยความปลอดภัย
แม้จะได้รับรางวัลใหญ่ ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่ เฉลิม อยู่บำรุง ก็ยังไม่พึงพอใจ ยังคงแสวงหารางวัลให้กับคนในครอบครัว อีกด้วย
เฉลิม อยู่บำรุง มีสิทธิที่จะคิดว่า วัน อยู่บำรุง มีบุญคุณกับพรรคพลังประชาชน ด้วยการเสียสละ ไม่ลงเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ตามที่ผู้บริหารพรรคประชาชน ยื่นเงื่อนไข “เอาพ่อไม่เอาลูก” จึงสมควรได้รับผลตอบแทนด้วยการปูนตำแหน่งผู้ช่วย เลขานุการรัฐมนตรีว่า การกระทรวงสาธารณสุข
เฉลิม อยู่บำรุง มีสิทธิที่จะคิดว่า วัน อยู่บำรุง มีคุณสมบัติ ความสามารถ เพียบพร้อมที่จะทำหน้าที่ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี ได้
ในฐานะพ่อ เฉลิม อยู่บำรุง ยังคงเป็นพ่อที่ดีที่สุด และป็นพ่อที่ลูกทั้งสามคนปลาบปลื้มเป็นที่สุดที่เกิดมาจากพ่อคนนี้
แต่ในความเป็นนักการเมือง เฉลิม อยู่บำรุง เป็นนักการเมืองที่แย่ที่สุด เห็นแก่ตัวเป็นที่สุด และฉกฉวยโอกาส หาประโยชน์จากชัยชนะของพรรคพลังประชาชน ให้แก่ตนเองและครอบครัว อย่างร้ายกาจที่สุด
ผมไม่เคยคิดที่จะทวงถามว่า เฉลิม อยู่บำรุง อยู่ตรงไหน วัน อยู่บำรุง อยู่ที่ใด รวมไปถึงสมาชิกครอบครัวอยู่บำรุงทุกคน ไปกินเที่ยวหาความสุขอยู่กับใคร ในวันที่ประชาชนรวมพลังกันต่อสู้กับเผด็จการที่ท้องสนามหลวง ถนนราชดำเนิน และ หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ ท่ามกลางฝนหนักและแดดจัด กันอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
แต่วันนี้ ผมต้องถามว่าแท้จริงแล้ว เฉลิม อยู่บำรุง มีส่วนร่วมกับชัยชนะของพรรคพลังประชาชนเหนือเผด็จการคมช. ในฐานะใด
ผู้นำขบวน ไม่ใช่แน่นอน เพราะเรามีนปก. เป็นหัวแถวอยู่แล้ว
ผู้ตามแห่ที่เบียดตัวเองจากนอกขบวนเข้ามายืนแทรกอยู่ด้านหน้า ในวันที่พลังประชา ชนเดินมาเกือบถึงเส้นชัยเต็มที น่าจะถูกต้องมากกว่า
ในขณะที่ วัน อยู่บำรุง ไม่ปรากฏทั้งชื่อ และ เงา ให้ได้เห็น อีกทั้งยังขึ้นป้ายลงสมัครส.ส.พรรคทางเลือกใหม่ ด้วยซ้ำไป
รอจนกระทั่ง พรรคพลังประชาชน ติดลมบน เพราะกระแสนิยมนายกฯทักษิณ หนุนส่งเต็มกำลัง เฉลิม อยู่บำรุง กับ วัน อยู่บำรุง และ ดวง อยู่บำรุง สามคนพ่อลูกจึงทิ้งพรรคทางเลือกใหม่ ที่ตั้งมาเองกับมือ เข้ามาขอซุกอยู่ใต้ปีกพรรคพลังประชาชน พร้อมเงื่อนไข “Love Me Love My Dog” รับพ่อต้องรับลูกด้วย
การเข้ามาของสามคนพ่อลูกอยู่บำรุง ทำให้พรรคพลังประชนเกือบแตก เมื่อทุกคนอยู่ในสภาพ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก จนกระทั่ง สมัคร สุนทรเวช ต้องลงทุนขอร้องเฉลิม อยู่บำรุง ด้วยตนเองให้เห็นแก่พรรค และภารกิจฟื้นฟูประชาธิปไตย เอาชัยเหนือเผด็จการ ให้เห็นแก่ส่วนรวมก่อนที่จะเห็นแก่ส่วนตัวและครอบครัวอยู่บำรุง เฉลิม อยู่บำรุง จึงยอมรับเงื่อนไข “เอาพ่อ ไม่เอาลูก”
เฉลิม อยู่บำรุง มีสิทธิที่จะคิดว่าการเสียสละของ วัน อยู่บำรุง และ ดวง อยู่บำรุง ไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคพลังประชาชน เป็นเรื่องที่พรรคพลังประชาชนต้องชดใช้เยียวยาจิตใจลูกชายทั้งสอง เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณของครอบครัวของอยู่บำรุง ที่ไม่ทำให้พรรคต้องลำบากใจในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา
เฉลิม อยู่บำรุง มีสิทธิที่จะคิดเช่นนั้น ในฐานะพ่อที่ดีที่สุดในโลกของลูกทั้งสามคน ซึ่งในสายตาของเฉลิม อยู่บำรุง เห็นลูกทั้งสามคนเป็นบุคลากรทางการเมืองที่มีความสามารถเหมาะ สมกับทุกตำแหน่ง จึงดึงดันที่จะกระทำในสิ่งที่ท้าทายประชาชนและไม่เกรงใจประชาชน ซึ่งพิพากษาและประทับตรา ลูกเป็ดขี้เหร่ให้แก่ลูกชายทั้งสามคนไปนานแล้ว ทั้งไม่เชื่อว่าลูกชายของเฉลิม อยู่บำรุง จะกลับตัวกลับใจ จากอันธพาลของสังคม และภัยของประชาชน มาเป็นผู้รับใช้สังคม และเป็นมิตรกับประชาชนได้
เนื่องเพราะพฤติกรรมแต่ละครั้งของ “ลูกเหลิม” ไม่ได้เกิดขึ้นจากความวู่วาม ความคึกคะนอง ความด้อยวุฒิภาวะ การขาดสติเพราะแอลกอฮอล์ หรือพวกมากลากไป หากแต่เกิดจาก “สันดาน” ที่บ่มเพาะมาแต่เล็กแต่น้อย เนื่องจากซึมซับภาพการใช้อำนาจที่เกิดขึ้นใกล้ตัว ทั้งในบ้านและนอกบ้าน อยู่เป็นประจำ จนเห็นว่าการใช้อำนาจเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ได้ผลรวดเร็ว ทันใจ การใช้ปัญญาเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะถูกต้อง เพราะต้องรอนานกว่าจะได้ผล
ข่าวคาวที่เงียบหายไป “ลูกเหลิม” เป็นเรื่องที่ไม่อาจจะชี้ชัดได้เกิดจาก สำนึกผิด เห็นแก่บาปบุญคุณโทษ หรือ เกิดจากคำสั่งของศาลที่ห้ามเข้าใกล้สถานบันเทิง กันแน่ เช่นเดียวกับที่บางครั้งก็ต้องกลับมาคิดเหมือนกันว่าพฤติกรรมในอดีตของลูกทั้งสามคน เกิดจากกมลสันดานของผู้เป็นลูก หรือ เกิดจากการกล่อมเกลาปลูกฝังของผู้เป็นพ่อ กันแน่
กล่าวง่ายๆ ก็คือ ไม่รู้ว่า เหตุที่ “ลูกเหลิม” เป็นเช่นนี้ เพราะ “ลูก” หรือ เพราะ “เหลิม” กันแน่
ผมเชื่อและค่อนไปทางมั่นใจด้วยว่า การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา หาก เฉลิม อยู่บำรุง ดึงดันคะยั้นคะยอจะส่ง วัน อยู่บำรุง และ ดวง อยู่บำรุง ลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.กรุงเทพมหานคร ให้ได้ วันนี้ เฉลิม อยู่บำรุง ก็ยังต้องฝันต่อไปถึงเก้าอี้ มท.1 ไม่มีโอกาสได้นั่งจริง หรือบางทีวันนี้ เฉลิม อยู่บำรุง อาจจะเป็นส.ส.สอบตก ในนามผู้สมัครรับเลือกตั้ง พรรคทางเลือกใหม่ ก็เป็นได้
ผมมั่นใจว่าหากวันนั้น เฉลิม อยู่บำรุง ไม่ยอม พรรคพลังประชาชนก็คงไม่ยอมเช่นกัน เฉลิม อยู่บำรุง ก็ไม่มีโอกาสที่จะได้มาอาศัยใบบุญพรรคพลังประชาชน และกระแสนิยมนายกฯทักษิณ ส่งตัวเองถึงฝั่งฝันดังใจหมายเช่นวันนี้ หรือบางทีหากพรรคพลังประชาชน ยอมตามที่เฉลิม อยู่บำรุง ต้องการ วันนี้ พรรคประชาธิปัตย์ ก็อาจจะเป็นรัฐบาลไปแล้ว ในขณะที่พรรคพลังประชาชนต้องเป็นฝ่ายค้าน และ 3 พ่อลูกอยู่บำรุงกลายเป็นส.ส.สอบตก
ผมเชื่อและค่อนไปทางมั่นใจอีกด้วยว่า จะมีหรือไม่มีเฉลิม อยู่บำรุง พรรคพลังประชาชน ก็ชนะเลือกตั้ง และได้เป็นรัฐบาลเหมือนในวันนี้ เพราะมีประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ เป็นกำลังหลัก มิใช่มี เฉลิม อยู่บำรุง เป็นกำลังสำคัญ
ตรงกันข้าม ผมเชื่อและค่อนไปทางมั่นใจด้วยว่า หากไม่มีพรรคพลังประชาชน และประชาชนที่นิยมและต่อสู้เพื่อนายกฯทักษิณ ชินวัตร มายาวนาน เฉลิม อยู่บำรุง ก็จะไม่มีวันนี้ วันที่กำลังแสดงอาการอหังการ์ต่อหน้าต่อตาประชาชน และไม่เห็นหัวประชาชน อีกต่อไป
แม้แต่ เฉลิม อยู่บำรุง ก็ยังเชื่อมั่นในกระแสนิยมฯทักษิณ ที่มีประชาชนหนุนส่ง ว่าได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน ตั้งแต่ก่อนจะลงสมัครรับเลือกตั้งด้วยซ้ำไป ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกที่ เฉลิม อยู่บำรุง จะเชื่อมั่นเช่นนั้น จนกระทั่งยอมตัดใจตัดลูกทิ้ง เพื่อให้พ่อเอาตัวรอดไปก่อน แล้วค่อยพายเรือทวนกระแสและท้าทายความศรัทธาของประชาชน มารับลูกขึ้นเรือลำใหญ่ลำนี้ในภาย หลัง เช่นที่กำลังกระทำอยู่ในเวลานี้
วันที่ เฉลิม อยู่บำรุง กระโดดขึ้นเวทีหาเสียงที่สนามหลวง และ ทุกเวทีทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ก็รู้อยู่แก่ใจว่า คนเรือนหมื่นรือนแสนไม่ได้มาฟังปราศรัย เพราะสำนวน ลีลา วาจา โวหารแบบเฉลิม อยู่บำรุง หากแต่มาเพราะต้องการให้กำลังใจพรรคพลังประชาชน และแสดงตนให้ชัดเจนว่ายืนข้าง นายกฯทักษิณ ไม่ญาติดีกับคณะรัฐประหาร
ทุกเวทีที่ เฉลิม อยู่บำรุง ขึ้นปราศรัยจึงต้อง อาศัยเกาะกระแสนายกฯทักษิณ หากินไปเก็บตุนคะแนนนิยมส่วนตัว ด้วยการประกาศจะเป็นผู้นำนายกฯทักษิณ กลับประเทศไทยด้วยตนเอง
แต่ทว่า พฤติกรรมของ เฉลิม และครอบครัวอยู่บำรุง ในวันนี้ แตกต่างจากเมื่อวันนั้น ชนิดหน้ามือเป็นหลังเท้า
ภารกิจแรกที่ เฉลิม อยู่บำรุง ควรคิดและกระทำคือ เคลียร์เส้นทางการเดินทางกลับบ้านของนายกฯทักษิณ และสร้างกระแสความนิยมศรัทธาให้แก่พรรคพลังประชาชน เพื่อเป็นเกราะคุ้มครองป้องกันนายกฯทักษิณ หากทำให้แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมไม่ได้ ก็อย่าทำลายความนิยมศรัทธา ให้ลดน้อยลง
สิ่งที่ควรอยู่ในสำนึกและต้องระลึกถึงอยู่ในสมองของ เฉลิม อยู่บำรุง อยู่ตลอดเวลา ควรจะเป็นการทำเพื่อนายกฯทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวชินวัตร ที่ยังตกระกำลำบาก ไม่รู้จะถูกคลื่นใหญ่พัดพาไปทางใดอีก มิใช่เฝ้าแต่คำนึงถึงตำแหน่งของ วัน อยู่บำรุง และผลประโยชน์ของตนเอง บนเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เรื่อยไปจนถึงความอุดมสมบูรณ์ทั้งทรัพย์สินเงินทอง และ บารมีที่หดหายไปหมดแล้ว ให้กลับคืนมาอีกครั้ง
พฤติกรรมของ เฉลิม และครอบครัวอยู่บำรุง ในขณะนี้ ชี้ให้เห็นชัดว่า เฉลิม อยู่บำรุง เห็นแก่ตัวและความสุขครอบครัวอยู่บำรุง มากว่าทำเพื่อนายกฯทักษิณ และปกป้องครอบครัวชินวัตร ดังที่เคยสัญญาไว้กับประชาชนบนเวทีหาเสียงเลือกตั้ง
กระสุนนัดที่ปลิดชีวิต “ดาบยิ้ม” ซึ่งไม่ต้องบอกว่ามาจากปืนในมือของใคร ในสถานบันเทิงย่านรัชดาฯ ได้ทะลุไปเจาะเข้าขั้วหัวใจของ เฉลิม อยู่บำรุง ซึ่งนอนอยู่ที่บ้านบางบอน จนตายไปจากความเชื่อถือและศรัทธาของประชาชน ฉันใด
การส่ง วัน อยู่บำรุง เข้ามาเป็นเลขารัฐมนตรี ก็ไม่แตกต่างจากการลั่นกระสุนเข้าใส่รัฐบาล และกำลังจะปลิดชีวิตพรรคพลังประชาชน ให้ตายไปจากความนิยมศรัทธาของประชาชน ฉันนั้น
ความนิยมศรัทธาต่อพรรคพลังประชาชน ที่ลดน้อยถอยลง ย่อมจะมีความหมายถึงความปลอดภัยของนายกฯทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องสุ่มเสี่ยงมากขึ้น หากกลับเข้ามาในวันที่พรรคพลังประชาชน ไม่เข้มแข็ง และอ่อนแอ เพราะการกระทำของเฉลิม อยู่บำรุง ที่เห็นแก่ตัวมากกว่าส่วนรวม
กับการต่อสู้ที่เพิ่งจบลงไป สำหรับประชาชนอย่างผม ที่ยืนซดกับเผด็จการคมช.มา 14 เดือนเต็มๆ ก็เพียงแค่ยกแรกเพิ่งผ่านไป สิ่งที่เราต้องการ ได้มาเพียงแค่เรื่องเดียว คือ พรรคพลังประชาชน ชนะเลือกตั้งและได้เป็นรัฐบาล แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นคือ นายกฯทักษิณ กลับคืนสู่ประเทศไทย ยังไม่รู้ว่าต้องรออีกนานแค่ไหน
หากว่าบุคลากรทางการเมืองของพรรคพลังประชาชน ยังประพฤติ ปฏิบัติชนิดที่ตัดขาดตัวเองออกจากความเชื่อมโยงกับประชาชน ทำอะไรกันไม่เกรงใจประชาชน ไม่สนใจว่าประ ชาชนที่นิยมศรัทธา กาคะแนนให้จะคิดเห็นอย่างไรกับความเห็นแก่ตัวของตนเอง
การแย่งชิงตำแหน่งทางการเมือง เป็นเรื่องไม่ประหลาดสำหรับนักการเมือง ประชาชนพอทำใจรับได้ แต่การทำร้ายจิตใจประชาชน ด้วยการตั้งบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคม และเป็นภัยต่อประชาชน โดยกมลสันดาน และการกล่อมเกลาของครอบครัว มาเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อย่าง วัน อยู่บำรุง เป็นเรื่องที่เกินกว่าจะทำใจยอมรับได้
วัน อยู่บำรุง มิอาจจะเปรียบเทียบได้กับ องคุลีมาล เนื่องเพราะการกระทำขององคุลีมาล เกิดจากความเข้าใจผิด หลงผิด เมื่อได้รับฟังธรรมะจากพุทธองค์ จึง “สว่าง” และสำนึกผิด เปลี่ยนเส้นทางเดินของชีวิต ได้
แต่ วัน อยู่บำรุง กระทำผิด เพราะสันดาน และ การเลี้ยงดูที่ผิดแปลกแตกต่างไปจากผู้คนทั่วไป เติบโตมาในสังคมที่ใช้อำนาจเป็นเครื่องตัดสินความถูกต้อง มากกว่าเหตุผล เห็นการยอมจำนนของผู้อื่น เป็นการเพิ่มเติมความยิ่งใหญ่ให้แก่ตนเอง
วัน อยู่บำรุง มิได้กระทำผิด เพราะหลงผิด เข้าใจผิด เช่น องคุลีมาล หากแต่กระทำผิดเพราะสภาพแวดล้อม และการสนับสนุน ส่งเสริม เลี้ยงดูของครอบครัว ซึ่งหาก วัน อยู่บำรุง ยังคงอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมๆ ได้รับการส่งเสริม สนับสนุน เลี้ยงดูแบบเดิมๆ ก็ยากจะเชื่อ วัน อยู่บำรุง จะกลับเนื้อกลับตัว และ “สว่าง” ได้เหมือนองคุลีมาล
จะมีใครสักกี่คนที่เชื่อว่า วัน อยู่บำรุง จะกลับเนื้อกลับตัว กลับใจ จากผู้ทำร้ายสังคม มาเป็นผู้รับใช้สังคม ได้เหมือนที่ เฉลิม อยู่บำรุง พูด
เพราะแม้แต่ เฉลิม อยู่บำรุง ก็ยังทำไม่ได้ และยังคงทำร้ายสังคมและจิตใจประชาชน ด้วยการส่ง วัน อยู่บำรุง มาเป็นเลขานุการรัฐมนตรี
ผมไม่แน่ใจกระทั่งว่า วัน อยู่บำรุง จะเชื่อสิ่งที่ เฉลิม อยู่บำรุง พูดหรือไม่
เฉลิม อยู่บำรุง ต้องเร่งรีบทบทวนพฤติกรรมของตนเป็นการด่วน ก่อนที่จะถูกประชาชนจับได้ไล่ทัน ว่าการกระทำ และคำพูดที่ผ่านมาทั้งหมด มิใช่เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีเกียรติยศของนายกฯทักษิณ ชินวัตร หากแต่เพื่อฟื้นฟูบารมีและอำนาจของครอบครัวอยู่บำรุง
ทั้งหมดนี้ ที่เขียนมา ก็เหมือนที่เคยเขียนท้วงติง เฉลิม อยู่บำรุง ด้วยความเคารพ เมื่อครั้งจะดึงดันส่ง วัน และ ดวง อยู่บำรุง ลงสมัครส.ส.พรรคพลังประชาชนมาแล้ว ครั้งนั้นถึงที่สุดแล้ว เฉลิม อยู่บำรุง ก็ตัดสินใจเลือกเดินทางถูก จึงทำให้มีชีวิตที่ดีขึ้นเช่นวันนี้
ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน หากแต่ว่าคำท้วงติงในครั้งนี้ จำต้องหนักหน่วงและแรง ชนิดที่อาจจะทำให้ เฉลิม อยู่บำรุง โกรธแค้น ประดาบ ไปชั่วชีวิต แต่ก็จำต้องหนักและแรงเช่นนี้ เพราะอาการของเฉลิม อยู่บำรุง วันนี้ แตกต่างจากเมื่อวันก่อนจะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชนิดหน้ามือเป็นหลังเท้า จึงจำเป็นที่จะต้องกระตุกด้วยความแรง ไม่เช่นนั้น คงไม่อาจจะทำให้ เฉลิม อยู่บำรุง หยุดการกระทำอันย่ามใจ และทำร้ายจิตใจประชาชน อย่างไม่ใยดี ได้
ประดาบ ก็เพียงแค่เขียนเพื่อเตือนสติ และกระตุกความคิด เฉลิม อยู่บำรุง เท่านั้นว่าเมื่อมาจากประชาชนได้ ก็ไปจากประชาชนได้เช่นกัน
วันใดที่ วัน อยู่บำรุง เป็นผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี หรือ เลขานุการรัฐมนตรี เข้ามาจริงๆ ดังที่ เฉลิม อยู่บำรุง ผลักดัน และกระทำลงไปด้วยอาการขาดสติ และย่ามใจในชัยชนะที่ประชาชนสร้างขึ้น
วันนั้น ประดาบ จะส่งหรีดดำหนึ่งพวงไปมอบให้ เฉลิม อยู่บำรุง ที่กระทรวง มหาดไทย เพื่อเป็นการแสดงสัญญลักษณ์ว่า จากนี้ไป ประดาบ กับ เฉลิม อยู่บำรุง จะไม่ไว้ไมตรีต่อกัน อีกต่อไป
เพราะไม่อาจเชื่อใจได้อีกต่อไปว่า เฉลิม อยู่บำรุง คือ ผู้หวังดีกับนายกฯทักษิณ ชินวัตร จริงหรือไม่
หรือว่าแท้จริงแล้ว เฉลิม อยู่บำรุง ก็คือนักฉกฉวยโอกาสทางการเมือง ที่มาปล้นชัยชนะของประชาชนไปปรนเปรอแก่ตนเองและครอบครัวอยู่บำรุง เพียงเท่านั้น
แม้ภารกิจทำความฝันให้เป็นจริงของ เฉลิม อยู่บำรุง จะสิ้นสุดแล้ว แต่ ภารกิจของประดาบ ที่จะทำทางให้นายกฯทักษิณ กลับคืนสู่ประเทศไทย ด้วยความปลอดภัย ยังต้องเดินหน้าต่อไป
ใครจะหยุดอยู่แค่ชัยชนะเพียงยกแรก และร่วมฉลองชัยชนะกับ เฉลิม อยู่บำรุง ก็เชิญทางหนึ่ง
ใครจะร่วมเดินทางไกลต่อไปกับประดาบ เพื่อสู่เป้าหมายนำนายกฯทักษิณ ชินวัตร กลับคืนสู่ประเทศไทยด้วยความปลอดภัย ก็เตรียมสัมภาระทางความคิด และความกล้าหาญที่จะใช้เป็นอาวุธฆ่าฟันอำนาจอันไม่ชอบธรรมทุกชนิด ใส่เป้หลังแล้วเดินทางกันต่อไป
เราไม่อาจจะหยุดพักฉลองชัยในยกที่หนึ่งได้นานนัก เพราะเวลาไม่รอท่า ก่อนที่เผด็จการจะฟื้นอำนาจ เพราะความขาดสติ ลำพอง และอหังการ์ของนักการเมืองบางคน เป็นอาหารกระตุ้นให้เผด็จการเติบโตได้รวดเร็ว
เราต้องไปถึงเป้าหมายของเรา และนำนายกฯทักษิณ กลับคืนสู่ประเทศไทย ให้ได้ทัน เวลา
ผมไม่หวังที่จะให้พรรคพลังประชาชน รับภาระนำนายกฯทักษิณ กลับคืนประเทศไทย อีกแล้ว เพราะแม้แต่ความกล้าหาญที่จะตัด วัน อยู่บำรุง ออกไปจากเส้นทางการกลับประเทศไทย ของนายกฯทักษิณ พวกเขายังไม่กล้า แล้วเรายังจะเชื่อใจคนขี้ขลาดที่กำลังอิ่มเอมกับตำแหน่งและผลประโยชน์ทางการเมือง อย่างคนพวกนั้น ว่าจะทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ ได้อีกหรือ
ประดาบ พร้อมแล้วที่จะเดินต่อ ใครยังลังเลและรีรอ ก็ไม่ว่ากัน
จาก hi-thaksin