00 แม้ประชาธิปไตยจะกลับคืนสู่ประเทศไทย มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน วันที่ 2 มีนาคม 2551 จะมีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดละ 1 คนจำนวน 76 รวมกับที่มาจากการแต่งตั้ง 74 คน จะทำหน้าที่แทนสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ที่คณะเผด็จการตั้งขึ้นมา แต่คราบไคลของเผด็จการยังคงอยู่ที่ หนังสือพิมพ์ทางเลือกฉบับนี้ที่ชื่อประชาทรรศน์ ยังคงเดินหน้าจี้ให้เร่งแก้ไขกฏหมายและคำสั่งที่ออกมาภายใต้ท็อปบู๊ต เพราะในระบอบประชาธิปไตย กฏหมายที่บังคับใช้ จะต้องออกมาจากสภาผู้แทนราษฎร
00 เมื่อตั้งเข็มไว้ชัดเจน ในภาวะที่ประเทศชาติเป็นประชาธิปไตย ประชาชนคนไทยมีเสรีภาพทางการพูดการเขียน น.ส.พ.ประชาทรรศน์ เปิดเวทีเสวนาทางวิชาการ เชิญนักวิชาการ นักการเมือง มาร่วมกันแสดงความคิดความเห็นในแต่ละประเด็นแต่ละครั้ง เริ่มวันอาทิตย์ที่ 17 ก.พ.นี้ เสวนาเรื่อง ยกเลิกกฏหมายท็อปบู๊ต ที่ห้องมาลัย หุวะนันท์ ชั้น 1 อาคาร 3 คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบกับวิทยากร อาจารย์ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดร.อมร วาณิชวิวัฒน์ อาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล นพ.เหวง โตจิราการ และ อาจารย์จรัล ดิษฐาอภิชัย นักสู้เพื่อประชาธิปไตยมาทุกยุคทุกสมัย จนต้องถูกสมุนเผด็จการล่าชื่อกันปลดพ้นกรรมการสิทธิมนุษยชน ทั้งๆที่อยู่ในช่วงรักษาการ งานเริ่มเวลา 13.00 -17.00 น. สำรองที่นั่ง 0-2641-7580 ต่อ 102 ที่นั่งจำนวนจำกัด ส่วนงานต่อๆไป จะเป็นเรื่องอะไร จะแจ้งให้ทราบเป็นระยะๆ นี่คือภารกิจที่เราจะเดินหน้าต่อไป
00 นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีสาธารณสุข ยกตัวอย่างเสียน่ากลัว เป็นองคุลีมาล กรณี นายวัน อยู่บำรุง ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ ด็อกเตอร์เหลิม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธาณสุข ในเมื่อตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาบรรดาลูกๆของ ด็อกเตอร์เหลิม ทำงานการเมืองในพื้นที่มาตลอด แต่มีเงื่อนไขบางประการ จึงไม่สามารถลงสมัคร ส.ส.ได้ ถือว่า เสียสละพอแล้ว
00 เอกฉัตร เห็นด้วยกับรัฐมนตรีไชยา สะสมทรัพย์ พฤติกรรมของคนเปลี่ยนกันได้ วันนี้บรรดาลูกๆของ ด็อกเตอร์เหลิม เป็นผู้ใหญ่ การศึกษาด้อยกว่าพ่อนิดหน่อย น่าจะให้โอกาสกันบ้าง บทเรียนในอดีตมากเพียงพอที่จะทำให้สำนึกได้ ยิ่งยอดคุณพ่อยกมือไหว้รอบทิศขอโทษขอโพยไปไม่กี่วันมานี้ ลูกที่ดีจะทำให้พ่อเสียชื่อเชียวหรือ
00 ก้อไหนบอกว่าสังคมนี้จะต้องให้โอกาสกับทุกคน แม้แต่นักโทษคดีอาญาที่พ้นคุกออกมา เพื่อให้เขาอยู่ได้ในสังคมนี้ แต่นี่เขาไม่ใช่นักโทษ ที่ผ่านมาเพียงเป็นผู้ต้องหาคดีวิวาทตามประสาวัยรุ่นที่มีพ่อเป็นนักการเมืองใหญ่ ไม่ใช่นักโทษชาย แล้วจะไม่ให้โอกาสกันหรือ เมื่อให้โอกาสยอดคุณพ่อได้นั่งทำงานในกระทรวงที่อยากจะนั่งมาตั้งแต่เข้ามาสู่การเมืองเมื่อปี 2524 แถมพ่วงลูกไปสักคนสองคน น่าจะให้กันได้ ใช่ทุกคนล้วนมีอดีตทั้งนั้น ไม่น่าประชดประชันกันว่าเป็นเลขาฯหน้าผับ
00 เอกฉัตร ฟังมา ที่มาที่ไปของเก้าอี้ตัวนี้ เป็นโควต้าของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ที่ตั้งใจจะปลอบใจ นางศุภมาส อิศรภักดี ที่เป็น ส.ส.สอบตก แต่คุณหญิงหน่อยระยะหลังมีแรงต้านในพรรครอบทิศ เพราะในห้วงเวลาที่ทุกคนช่วยกันคนละไม้คนละมือสู้กับเผด็จการ ยืนกลางแจ้งประกาศตัวให้ทุกคนเห็น ดูเหมือนว่า คุณหญิงหน่อย รับบท “อ.ต.ร.” เอาตัวรอด หลบหน้า มีอยู่ครั้งเดียวเท่านั้นที่เป็นข่าว เมื่อไปปีนรั้วฟังพรรคพลังประชาชนปราศรัยที่ท้องสนามหลวง แย่งซีนคนพูดบนเวทีอีกต่างหาก
00 นอกจากนั้นผลการเลือกตั้ง ส.ส.ในเขตกรุงเทพมหานคร ที่คุณหญิงหน่อย เคยคุยอย่างภูมิอกภูมิใจ ทำผลงานไว้บานเบอะจะต้องยึดพื้นที่ได้เบ็ดเสร็จ แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ หลุดรอดมาได้แค่ 9 คน อดีต ส.ส.หลายคน ชื่อชั้นไม่น่าจะสอบตก หากสู้เต็มที่และผู้จัดการทีมตั้งใจจริง
00 เพราะงั้น คนที่ผ่านงานการเมืองมานาน เคยได้ฉายาสวยแต่เจ็บ มีหรือที่ คุณหญิงหน่อย จะมองอนาคตทางการเมืองไม่ทะลุปรุโปร่ง ขืนอยู่อย่างนางพญาท่ามกลางลูกน้องแต่ไร้พันธมิตรในพรรค ชื่อเสียงมีสิทธิ์ถูกกลืนหายไปในห้วงเวลา 5 ปี
00 สะพานเชื่อมไมตรีจากวังทองหลางถึงบางบอนจึงเกิด คุณหญิงหน่อย ย่อมมองทะลุว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่เพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชน ย่อมไม่ใช่ธรรมดาที่ได้นั่งเก้าอี้ระหัสเรียกขาน มท.1 ตามที่ประกาศไว้บนเวทีปราศรัย ต้องคบไว้เป็นพันธมิตร มีแต่ได้กับได้ และใครก้อรู้ว่า สิ่งที่ ด็อกเตอร์เหลิมรักที่สุดในชีวิตนี้ คือ ลูกชายทั้งสามคน การมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้ลูก ซึ่งเป็นของขวัญที่พ่อต้องการจะให้ แต่เคยลั่นวาจาไว้ยังให้ไม่ได้ ทำแค่นี้ สะพานเชื่อมสัมพันธไมตรีจากวังทองหลางสู่บางบอนลื่นใหลไร้อุปสรรค
00 ตอนอ่านร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับที่ค่าจ้างจัดพิมพ์แพงทั้ง 309 มาตรา แม้จะไม่ลงลึกในรายละเอียดทุกมาตรา เอกฉัตร บอกตรงๆ คิดถูกทุกประการที่กากบาทไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ พอมาถึงขั้นตอนการปฏิบัติ เมื่อรัฐธรรมนูญผ่านประชามติไปอย่างเฉียดฉิว ทำให้หัวใจสดชื่นที่นักการเมืองเริ่มมองเห็นสารพัดปัญหาที่ซุกไว้ในรัฐธรรมนูญ
00 ไม่ทราบว่า นายกฯสมัคร สุนทรเวช ที่เคยมองว่ารัฐธรรมนูญฉบับหน้าแหลมฟันดำ เป็นรัฐธรรมนูญเฮงซวย แต่ไหงจึงประกาศว่าจะแก้เมื่อรัฐบาลใกล้จะหมดวาระ 3 เดือน หรือว่าหวั่นคำขู่ของกลุ่มพันธมิตรเพื่อเผด็จการ ท้าเหย็งๆให้เร่งแก้รัฐธรรมนูญเร็วไว รัฐบาลจะเริ่มนับเคาท์ดาวน์ แต่เท่าที่รู้ประวัติของ นายกฯสมัคร เคยกลัวใครที่ไหน จนถึงวันนี้ยังหาคำตอบไม่ได้ ทำไมต้องปล่อยให้เนิ่นนานไปจนถึง 3 เดือนจะหมดวาระรัฐบาล ถ้ารัฐบาลอยู่ไม่ครบวาระละ ล้วนเป็นคำถามที่ค้างคาใจ ชะเอย
เอกฉัตร