นายกรัฐมนตรีเตรียมนำปัญหาเนื่องจากการประกาศบังคับใช้ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ ให้ครม.พิจารณาอังคารนี้ ยอมรับเป็นการออกกฎหมายที่ปฏิบัติได้ยาก
นางวิมลวรรณ อุดมพร ประธานสมาพันธ์ช่วยภาครัฐลดปัญหาแอลกอฮอล์ และคณะเข้าพบ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เพื่อชี้แจงปัญหาผลกระทบอันเนื่องมาจากการประกาศบังคับใช้พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551
โดยบอกว่ามีหลายมาตราที่มีปัญหา อาทิ มาตรา 30 ที่บัญญัติว่าห้ามมิให้ผู้ใดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยวิธีการหรือลักษณะดังต่อไปนี้ คือ การเร่ขาย และ โดยแจก แถม ให้หรือแลกเปลี่ยนกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือกับสินค้าอื่น หรือ การให้บริการอย่างอื่นแล้วแต่กรณี หรือแจกจ่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในลักษณะเป็นตัวอย่างของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือเป็นการจูงใจสาธารณชนให้บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ซึ่งบทบัญญัติดังกล่าวส่งผลกระทบเป็นอย่างมากกับผู้ผลิตไวน์ผลไม้โอท็อป เพราะไวน์โอท็อปมีช่องทางการจำหน่ายหลักด้วยการออกงานแสดงสินค้าโอท็อป ที่จัดว่าเป็นการเร่ขาย อีกทั้งต้องให้ผู้บริโภคได้ชิมไวน์ มิฉะนั้นผู้บริโภคก็จะไม่ซื้อสินค้า ซึ่งการชิมก็เข้าข่ายการแจกแถม และผู้ผลิตไวน์โอท็อปไม่ได้มีต้นทุนการผลิตและปัจจัยอื่นที่สามารถส่งเสริมสินค้าของตนได้ เหมือนผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายใหญ่
พร้อมกันนี้ สมาพันธ์ช่วยภาครัฐลดปัญหาแอลกอฮอล์ ได้นำเสนอนโยบายในการแก้ไขปัญหาสังคมและเยาวชนต่อภาครัฐ โดยมีผลกระทบต่อภาคธุรกิจให้น้อยที่สุด อาทิ การนำเอาสภาพความเป็นจริงที่เหมาะสมกับสภาพธุรกิจการท่องเที่ยว โรงแรม ภัตตาคาร สถานบันเทิง ร้านค้าปลีกในปัจจุบันมาเป็นแนวทางในการกำหนดนโยบายเกี่ยวกับพื้นที่ขาย วัน และเวลา ตลอดจนการส่งเสริมการขายและโฆษณาประชาสัมพันธ์ เป็นต้น
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ได้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมในประเด็นต่างๆ พร้อมกับบอกว่า เข้าใจในปัญหาของสมาพันธ์ฯ ซึ่งเป็นปัญหาข้อจำกัดที่เกิดขึ้นเนื่องจากบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว จึงขอให้ทางสมาพันธ์ฯ ได้รวบรวมสรุปเป็นเอกสาร ระบุปัญหาข้อต่าง ๆ ในมาตราที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน แล้วนำส่งให้ตนเองในวันนี้ เพื่อจะนำเข้าที่ประชุม ครม.ในวันพรุ่งนี้ เพื่อให้ครม.รับทราบและพิจารณาในสิ่งที่ปฏิบัติไม่ได้ โดยจะส่งให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาเหตุผล เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนการ ขอแก้ไขกฎหมายในสภาฯ ต่อไป นายกฯได้ขอบคุณคณะสมาพันธ์ฯ ที่มาเข้าพบถือเป็นเรื่องที่มีประโยชน์อย่างมาก และขอบคุณภาคเอกชนที่ไว้วางใจให้คนที่มาจากการเลือกตั้งได้ตรวจสอบ เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นปัญหาในแง่กฎหมาย ที่ออก
ในสิ่งที่ปฏิบัติไม่ได้ แล้วทำให้สังคมเดือดร้อนจึงต้องมีการช่วยแก้ไขให้ปฏิบัติได้ (10/03/51)