WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, June 10, 2008

สวัสดีวันจันทร์

ฟุตบอลยูโร 2008 ในคืนวันเสาร์และอาทิตย์ ทำให้ข้าพเจ้าเกือบลุกขึ้นมาสวัสดีวันจันทร์ กับท่านผู้อ่านไม่ไหว

นึกอิจฉาประเทศที่เขาพัฒนาแล้ว หรืออีกนัยหนึ่งประเทศที่เขาเป็นประชาธิปไตย แม้จะต้องปากกัดตีนถีบสู้กับภาวะเศรษฐกิจอย่างไร ก็ยังมีเวลาให้กับการสนุกสนาน อย่างเป็นมหกรรมเช่น ฟุตบอลยูโร 2008 นี้เป็นต้น

ประเทศไทยของเรา จะเอาดีทางการปกครองก็ไม่ได้ จะเอาดีทางเศรษฐกิจยิ่งแล้วใหญ่ เพราะคนไทยยังมีความสับสนกับวิถีชีวิต ไม่รู้จะเอาอย่างไรกันแน่ ในที่สุดก็เลือกการยืมจมูกคนอื่นเขาหายใจพอประทังชีวิตไปก่อนวันๆหนึ่ง

อันที่จริง เดือนนี้เป็นเดือนมิถุนายน เป็นเดือนที่คนไทยน่าจะให้ความสำคัญเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ อันเป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศ ซึ่งเกิดขึ้นในวันที่ 24 มิถุนายน 2475

แต่เหลียวซ้าย แลขวา แล้วยังไม่เห็นความเคลื่อนไหวใดๆจากสถาบันการศึกษา หรือสถาบันอะไรต่างๆที่มีอยู่มากมาย ว่าจะได้มีการเคลื่อนไหวทำกิจกรรมส่งเสริมความรู้ สร้างสติปัญญาให้กับประชากรของชาติกันอย่างไรบ้าง

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั้นได้สูญเสียจิตวิญญาณไปแล้ว ตั้งแต่ 19 กันยายน 2549 จึงไม่ต้องพูดถึงกันอีก

รัฐสภา และรัฐบาลนั้นเองก็ดูเหมือนจะตกอยู่ในสภาพของนกที่บินอยู่บนฟ้า แต่ย่อมมองไม่เห็นฟ้า หรือปลาที่ว่ายอยู่ในน้ำ ย่อมมองไม่เห็นน้ำ

จะพึ่งพาอะไรกันได้เล่า!

ถ้าจะต้องขอบอกขอบใจใครสักกลุ่มสองกลุ่ม ในวันนี้ข้าพเจ้าต้องขอขอบใจ กลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ปักหลักชุมนุมกันอยู่อย่างเหนียวแน่น ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์บนถนนราชดำเนิน

แกนนำของคนกลุ่มนี้ ประกอบด้วยใคร มีประวัติความเป็นมาอย่างไร และมีแรงจูงใจลึกๆ ให้ต้องมาชุมนุมกันเพื่ออะไรเห็นจะไม่สำคัญ เพราะชื่อกลุ่มก็ตั้งหลอกลวงลูกค้าไว้อย่างที่รู้กันแล้วเป็นอย่างดี

ความสำคัญอยู่ที่ว่า เขามาชุมนุมทางการเมืองกันตรงกับเดือนมิถุนายน อันเป็นเดือนสำคัญ และดูเหมือนเขาจะชุมนุมกันตลอดเดือนเป็นมหกรรมเลยทีเดียว

เฉพาะอย่างยิ่ง การชุมนุมครั้งนี้ได้รับการตอบรับอย่างเกรียวกราวจากหน้าข่าวและบทความของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ รวมตลอดทั้งสถานีวิทยุและโทรทัศน์ นับว่าการชุมนุมครั้งนี้เป็นอาหารอันโอชะของสื่อกระแสหลัก และกระแสรอง ในการที่จะได้ร่วมกันทึ้ง ร่วมกันแทะ ร่วมกันฉีกกระชากอย่างเมามัน ประหนึ่งฝูงอีแร้งลงกินซากสุนัขเน่านั่นเชียว

ข้าพเจ้าถือโอกาสยึดเอา มหกรรมการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยบนสะพานมัฆวานฯ ครั้งนี้ เป็นมหกรรมรำลึกถึงการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475 เสียเลย เพราะถ้าหากไม่มีพวกเขา ไหนเลยจะมีมหกรรม และหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ว่านั้นแล้ว ไหนเลยจะมีการชุมนุมแบบนี้บนถนนราชดำเนินได้

เมื่อพูดถึงเหตุการณ์ 24 มิถุนายน 2475 เราคงจะละเลยไม่พูดถึงพระยาพหลพลพยุหเสนา กับ หลวงประดิษฐ์มนูธรรม ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญสูงสุดของฝ่ายทหาร และฝ่ายพลเรือน ควบคู่กันมิได้

พระยาพหลฯ นั้นเป็นเชษฐบุรุษผู้สัตย์ซื่อควรแก่การเคารพนับถือได้อย่างแท้จริง แม้จะได้รับการยอมรับและยกย่องจากคณะราษฎรให้เป็นหัวหน้า ครั้นทำการยึดอำนาจสำเร็จแล้ว มีรัฐธรรมนูญชั่วคราวและมีผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญนั้น 70 คน ท่านก็ปฏิเสธที่จะรับตำแหน่ง โดยบอกว่า

“ไม่มีความปรารถนาในข้อนี้มาแต่ไรๆ เลย หวังเพียงจะถางทางเพื่อประโยชน์ของราษฎรทั้ง 12 ล้านเท่านั้น”

สำหรับหลวงประดิษฐ์มนูธรรม หรือ ดร.ปรีดี พนมยงค์ นั้นเล่า ตามประวัติบอกว่ามีความขัดแย้งกับ อำมาตยา ตั้งแต่ยังเรียนอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส โดยที่เอกอัครราชทูตไทยในขณะนั้นคือ พระองค์เจ้าประยูรศักดิ์ฯ ได้โทรเลขรายงานเข้ามายังกรุงเทพฯ กราบทูลพระปกเกล้าฯ ให้เรียกตัวนายปรีดี กลับประเทศไทย ในข้อหาว่า “---ปรีดีเป็นหัวหน้าชักชวนนักเรียนก่อการขัดคำสั่งทูตเป็นหัวหน้าสหบาล (Syndicate) นักเรียนไทย เป็นคนฝักใฝ่ในประชาธิปไตย เห็นจะเป็นภัยต่อราชบัลลังก์---”

แต่ ดร.ปรีดี ที่ราชทูตประเมินว่ามีทัศนคติอันตราย นี้เอง กลับได้ข้อสรุปตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษาว่า หากเปลี่ยนแปลงการปกครองสำเร็จ ทางเลือกของเขาคือ ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งเราท่านต่างก็ได้เห็นในภายหลังว่า เขาทำตามนั้นจริงๆ และคงจะไม่มีใครในปัจจุบันนี้หากว่ามีสติดี จะตำหนิการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ 24 มิถุนายน 2475 ได้

เท่าที่ยกมานี้ เป็นเพียงเศษเล็กเศษน้อยของหน้าประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ ที่ทำให้เมืองไทยเดินทางมาในทิศทางที่เรียกได้ว่า ไม่ผิด โดยมีเอกสารเปิดเผยสนับสนุนมากมายก่ายกอง

เพียงแต่ว่าผู้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะได้ศึกษาประวัติศาสตร์เลยไม่สามารถวิเคราะห์เหตุการณ์ให้ตรงกับความเป็นจริง แล้วก็เลยสะเปะสะปะหลงทิศหลงทางไปตามการปลุกระดมของคนที่ล้วนมีผลประโยชน์ส่วนตัวแอบแฝง

นับตั้งแต่ 24 มิถุนายน 2475 เป็นต้นมา คือนับตั้งแต่ประเทศเราได้สถาปนาระบอบการปกครองแบบใหม่ขึ้นมาแล้วคนไทยไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งกับสถาบันกษัตริย์ และสถาบันกษัตริย์ที่เคยง่อนแง่นอยู่ตั้งแต่ปลายสมัยรัชกาลที่ 6 ก็กลับมีเสถียรภาพมั่นคงแข็งแรงขึ้นในระบอบประชาธิปไตย(มีเกร็ดประวัติศาสตร์ เล่าว่าคณะเจ้ากลุ่มหนึ่งคบคิดกันที่จะโค่นราชบัลลังก์ของพระมงกุฎเกล้าฯอยู่แล้ว แต่เสด็จสวรรคตเสียก่อน)

ความขัดแย้งส่วนใหญ่เกิดจากส่วนประกอบที่แวดล้อมสถาบันอยู่ ดังที่เคยเกิดในสมัยก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครองซึ่งก็ได้แก่เหล่า อมาตยา ที่ปรารถนาอำนาจโดยปราศจากฐานประชาชนรองรับนั่นเอง

วันนี้เหตุการณ์บ้านเมืองก็คล้ายๆวันเก่าๆที่เราเดินผ่านมาแล้ว 76 ปี ข้าพเจ้าหวังว่า ประเทศไทยจะไม่โชคร้ายถึงขนาดที่จะต้องกลับไปนับหนึ่งกันใหม่ไกลถึงเพียงนั้น เพราะวิทยาศาสตร์สังคมบอกเราว่า พระราชาธิบดีในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ แม้จะทรงทศพิธราชธรรม และจักรวรรดิวัตร เพียงใดก็ย่อมไม่สามารถแก้ไขปัญหาอันสลับซับซ้อนของราษฎรให้สำเร็จลุล่วงได้

ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนไทยก็คือระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งคณะราษฎรได้ร่วมกับพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯสถาปนาไว้นั่นเอง

ว่าแต่ว่า พรุ่งนี้เป็นวันอังคาร สเปนเตะกับรัสเซีย คุณถือหางข้างไหนล่ะ?

วีระ มุสิกพงศ์