พรรคการเมืองประชาธิปัตย์ เคยหาเสียงไปทั่วบ้านทั่วเมือง “ผมเชื่อมั่นระบบรัฐสภา” ภายหลังเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมือง ที่เรียกกันว่า “พฤษภาทมิฬ” ซึ่งมีคู่กรณีคือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ที่ประชาชนคนไทยต้องเสียเลือดเสียเนื้อ อันเนื่องจากการเคลื่อนกลุ่มผู้ชุมนุมออกจากสนามหลวง และมีการปะทะกันที่สะพานผ่านฟ้า ถึงขั้น เผาบ้านเผาเมือง กัน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัส แก่ คู่กรณีทั้งสองคน เปรียบเสมือนฝนหลวงที่โปรยปรายลงมาเพื่อดับไฟกลางเมืองลงไป
พรรคประชาธิปัตย์ขึ้นคัตเอาต์ไปทั่วบ้านทั่วเมือง โดยมีรูป นายหัวชวน หลีกภัย พร้อมๆ กับข้อความ “ผมเชื่อมั่นระบบรัฐสภา” ในเขต กทม. ทำให้ได้รับเลือกตั้งเข้ามามากมาย
คล้อยหลังมาจนถึงวันนี้ เป็นเวลากว่า 10 ปี
พรรคประชาธิปัตย์ กลับส่ง ส.ส. ของพรรค กรรมการบริหารพรรค ขึ้นเวทีกลางท้องถนน!!! มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมที่ว่า “เชื่อมั่นในระบบรัฐสภา” จึงกลายเป็น “ไม่! เชื่อมั่นในระบบรัฐสภา”
ความคิดในการ “ไม่! เชื่อมั่นในระบบรัฐสภา” มีมาตั้งแต่ปี 2549 ที่มีการ บอยคอต ไม่ร่วมเลือกตั้ง เนื่องเพราะรู้ว่า หากลงเลือกตั้งไปก็จะแพ้ จะเจ๊ง ใช่หรือไม่ คนทั่วบ้านทั่วเมืองเขารู้กันดี
ความคิดในการ “ไม่! เชื่อมั่นในระบบรัฐสภา” มีมาตั้งแต่ปี 2549 ในการปราศรัยกลางท้องสนามหลวง ในการเสนอแนวทาง “นายกรัฐมนตรีพระราชทาน ตามมาตรา 7” ใช่หรือไม่ คนทั่วบ้านทั่วเมืองเขารู้กันดี
ความคิดในการ “ไม่! เชื่อมั่นในระบบรัฐสภา” มีมาตั้งแต่ปี 2549 ในการ ไม่ต่อต้านการปฏิวัติรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 แถมให้ท้าย ส่งเสริม จนทำให้คนส่วนหนึ่งคิดว่าเป็นกองอำนวยการโฆษกของคณะปฏิวัติรัฐประหารไปเสียฉิบ ใช่ไม่ใช่
การเปลี่ยน หัวหน้าพรรค ที่ว่ากันว่าเป็น คนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง ทำให้นโยบายพรรคเปลี่ยนแปลงไป เปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือได้ขนาดนี้เชียวหรือ เป็นคำถามตัวโตในสังคมไทยขณะนี้
วุฒิภาวะ ในการคุมพรรคมีมากน้อยขนาดไหน ขึ้นมาได้ด้วยสภาพแห่งการแตกแยกในพรรค ทศวรรษใหม่ และ ผลัดใบ เหตุการณ์ไม่ซ้ำรอย หากหวังจะสร้างความขัดแย้ง แตกแยก ภายในชาติ เพื่อจะขึ้นเป็นใหญ่เหมือนเหตุการณ์ในพรรค
อุดมการณ์ ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีมายาวนานตามที่บอกกับพี่น้องประชาชน ยังยึดมั่นกันอยู่หรือไม่ จากพรรคที่เคยอวดอ้างสรรพคุณว่าส่งเสริมการปกครองในระบอบประชาธิปไตย วันนี้ยังพูดได้เต็มปากกันดีอยู่หรืออย่างไร
ทุนสะสมของพรรคประชาธิปัตย์ ที่สร้างสมมาในอดีต กำลังหมด หด ลงไปเรื่อยๆ เพราะ ถูกใช้อย่างฟุ่มเฟือย และ ไร้คุณค่าเชิงประชาธิปไตย ซ้ำร้ายยังถลำลึกเข้าไปเรื่อยๆ
เลิกฝันลมๆ แล้งๆ ได้แล้ว การเมืองวันนี้ ไม่มีทางลัด หวังจะ ลงทุนนิดๆ หน่อยๆ จ้างวาน “จิ๊กกี๋” และ “จิ๊กโก๋” คุมซอย มาหาเรื่อง เพื่อหวัง “ล้มกระดาน” แล้วให้มีการเลือกตั้งใหม่ เหมือนครั้งที่ผ่านมา
หากหมดปัญญาที่จะเล่นตามกติกา วิถีทางประชาธิปไตย หากไม่ลาออก น่าจะเปลี่ยนเป็นคนที่มีทัศนคติที่ดีต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ดีกว่าหรือ หรือไม่ก็ยุบพรรคไปเสียดีกว่า จากพรรคที่ประกาศว่า เชื่อมั่นในระบบรัฐสภา กลายเป็นพรรคที่ถูกตั้งคำถามว่า ทำลายระบบรัฐสภา หรือไม่?
อ้อ...หรือเฉพาะในปี พ.ศ.2535 เท่านั้น ที่ “เชื่อมั่นระบบรัฐสภา” ตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 จนถึงปัจจุบัน หันไป “เชื่อมั่นระบบม็อบข้างถนน” ไปเสียแล้ว