WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, June 4, 2008

รอวัน มารแพ้ภัย

โปรดพิจารณาอย่างถ้วนถี่

การที่ประชาชนหลายกลุ่มหลายฝ่าย ออกอาการ “เซ็ง” รัฐบาลที่ “อ่อนข้อ” อย่างเหลือขนาดให้แก่กลุ่มพันธมิตรฯนั้น

หาใช่เพราะคนส่วนมากนิยมความโหดร้าย รุนแรง หรืออยากเห็นรัฐบาลใช้กำลังปราบปรามผู้ชุมนุมให้ต้องเลือดตกยางออก

หากแต่เป็นเพราะ สถานการณ์แบบนี้ มันได้กลายเป็นความเดือดร้อนอย่างถ้วนหน้ากันของคนไทย ทั้งไกลและใกล้

ที่ใกล้ ก็เดือดร้อนเพราะการจราจรติดขัด น้ำมันขึ้นราคารถก็ยังต้องมาวิ่งอ้อม โรงเรียนทำการเรียนการสอนได้ไม่เต็มที่ คนทำงานก็ลำบาก ฯลฯ

ที่ไกลออกไป แต่กลับได้รับผลกระทบรุนแรงและวงกว้างยิ่งกว่า คือเรื่องเศรษฐกิจ ไม่เพียงแต่สัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นจะร่วงระนาว

ชาวต่างประเทศที่ปกติจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยหอบเงินมากับการท่องเที่ยวใช้จ่ายในบ้านเรา บัดนี้ก็ล้มเลิกแผนการไปเกือบหมดแล้ว

บางกรุ๊ปทัวร์ก็เบนเข็มไปเที่ยวแถวๆ ประเทศเพื่อนบ้านของไทยเสียแทน

ดูเถิดว่า ม็อบนี้เพียงม็อบเดียวก็สร้างผลกระทบอย่างเสียหายแก่ทั้งประเทศได้มากโข

กระนั้น ไม่ได้หมายความว่ามี “ม็อบ” แล้วประเทศจะย่ำแย่ เพราะหากได้ชื่อว่าเป็นประเทศประชาธิปไตย การชุมนุมของประชาชนที่ไม่พอใจนโยบายรัฐบาลย่อมเป็นเรื่องคู่กัน แม้แต่สหรัฐอเมริกาก็ยังมีการชุมนุมประท้วง

เพียงแต่การชุมนุมอื่นๆ เป็นไปอย่างสงบ อยู่บนพื้นฐานรัฐธรรมนูญและหลักสิทธิเสรีภาพอย่างจริงแท้

และไม่มีม็อบไหนจะแข็งกร้าว เอาแต่ใจ ไร้เหตุผล และนิยมการ “ปฏิสนธิ” กับอำนาจนอกระบบได้เท่ากับม็อบ “พันธมิตรเพื่อการรัฐประหาร” นี้อีกแล้ว

แข็งกร้าว เอาแต่ใจ ไร้เหตุผล เพราะเป้าประสงค์ข้อเดียวที่คนกลุ่มนี้ตั้งไว้ก็คือ การ “สั่ง” ให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ลาออกทั้งคณะ

แม้คำว่า “มาจากการเลือกตั้ง” จะหมายถึงการได้รับฉันทามติจากเสียงส่วนใหญ่ของประเทศนี้

แต่เมื่อ “เสียงส่วนน้อย” อย่างกลุ่มพันธมิตรเพื่อการรัฐประหารไม่ถูกใจ ก็จะใช้อำนาจบาตรใหญ่-ระดมเส้นสายที่คิดว่าพอมี ปฏิบัติการสร้างความวุ่นวายเดือดร้อนแก่บ้านเมืองในทันที

และต่อให้รัฐบาลนั้นๆ ต้อง “มีอันเป็นไป” ไปแล้วจริงๆ แต่หากการเลือกตั้งครั้งใหม่ แล้วได้รัฐบาลใหม่ที่ “คนกลุ่มน้อย” นี้ยังไม่ถูกใจอีก...

“คนกลุ่มน้อย” ที่พะยี่ห้อ “มาร” เต็มขั้นพวกนี้ ก็จะ “ผุด” ขึ้นมาตั้งต้นรังควานอีก หวังให้บ้านเมืองฉิบหายแหลกลาญกันไปข้างหนึ่ง

ดังนั้น สิ่งที่ “กลุ่มพันธมิตรเพื่อการรัฐประหาร” กำลังบีฑาย่ำยี แท้จริงจึงไม่ใช่รัฐบาล

หากแต่เป็นการย่ำยีความเป็นมนุษย์ของคนไทยอีกกว่าครึ่งค่อนประเทศ

ประชาชนที่บ้างก็ถูกเรียกว่า “รากหญ้า” บ้างก็ถูกบอกว่าเป็นพวก “เข้าไม่ถึงข้อมูลข่าวสาร” หนักเข้าก็ว่า “เห็นแก่เงิน” หรือ “โง่”

นี่คือข้ออ้างที่ฝ่ายพันธมิตรเพื่อการรัฐประหารนิยมชมชอบนำมาใช้

บิดเบือนทำลายความเป็นมนุษย์ของผู้อื่น ดูถูกเหยียดหยามสิทธิอันชอบธรรมในการ “เลือก” ของผู้อื่น

คนที่รังเกียจระบอบประชาธิปไตย มักคิดบนพื้นฐานที่ว่าคนส่วนมากโง่ เลว มีแต่ตัวเองและพวกพ้องเท่านั้นที่ฉลาดและดี และสมควรที่จะได้เป็นผู้ผูกขาดการ “คิด” และ “เลือก” แทนพลเมืองคนอื่นๆ

นี่แหละ...คือวิธีคิดของพันธมิตรฯและพวกพ้อง และกำลังสะท้อนผ่านการขับไล่รัฐบาลที่ชนะการเลือกตั้ง

จนเมื่อรัฐบาลเห็นกับตาแล้วว่า ประเทศกำลังเสียหายแค่ไหน

ประชาชนอีกส่วนใหญ่กำลังลำบากเดือดร้อนแค่ไหน

ในระยะยาว จะส่งผลเสียมากแค่ไหน

เมื่อนั้น รัฐบาลจึงได้ออกมาประกาศขอใช้อำนาจชอบธรรมของรัฐในการรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและคนหมู่มาก

แต่ผลกลับกลายเป็นว่า รัฐบาลโดนข้อหา “เตรียมละเมิดสิทธิมนุษยชน” “จงใจ(จะ)ใช้ความรุนแรง”

ราวกับว่า ประชาชนอีกเกือบทั้งประเทศ ไม่ได้โดนละเมิดอยู่เช่นเดียวกันเสียอย่างนั้น

ส่วนหนึ่ง เข้าใจความลำบากใจของรัฐบาล โดยเฉพาะเมื่อเป็นรัฐบาลที่มีแต่คนจ้องล้มกระดานอยู่อย่างนี้

แต่อีกส่วนหนึ่ง เมื่อมองเห็นแต่ความง่อนแง่นของประเทศก็ยากจะทำใจ

ไม่รู้อีกนานเท่าไร มารจะแพ้ภัยตัวเอง