WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, June 6, 2008

วอดหลายหมื่นล้าน นักธุรกิจต่างชาติหนี ผวาม็อบลากปฏิวัติ

เศรษฐกิจฉิบหายวายวอด! เผยผลจากการชุมนุมยืดเยื้อของพันธมิตรฯ ทำเอาทัวร์ญี่ปุ่น-เกาหลี ยกเลิกการท่องเที่ยวเมืองไทย ทำชาติขาดรายได้ไปกว่า 80% แถมนักธุรกิจ 4 ยักษ์ใหญ่จากออสเตรเลีย ที่จ่อจะมาลงทุนมูลค่าหลายหมื่นล้านถอนตัวเรียบร้อยแล้ว เหตุต่างชาติเชื่อว่าการชุมนุมจะนำไปสู่การปฏิวัติรัฐประหารอีกครั้ง

การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่กลุ่มนักธุรกิจหลายฝ่ายได้ออกมาแสดงความเป็นห่วงว่า ได้เริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ทั้งการลงทุนในภาคอุตสาหกรรม ตลาดหลักทรัพย์ ไปจนถึงธุรกิจการท่องเที่ยว เป็นจำนวนมหาศาลแล้ว นั้น

ล่าสุดในวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการชุมนุมอย่างต่อเนื่องว่า รัฐบาลได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเจรจาเพื่อต้องการให้กลุ่มพันธมิตรฯ ย้ายสถานที่การชุมนุม เนื่องจากได้สร้างความเสียหายให้กับประชาชนโดยรอบ เรื่องการจราจรก็ติดขัด เด็กนักเรียนที่เดินทางมาเรียนในย่านนั้นก็ได้รับความเดือดร้อนเหมือนกันไปหมด

ขณะเดียวกันการชุมนุม ยังส่งผลเสียหายต่อรายได้ด้านการท่องเที่ยว เนื่องจากได้รับหนังสือจากบริษัททัวร์ของประเทศเกาหลี และประเทศญี่ปุ่นว่าได้ยกเลิกทัวร์ที่จะมาเที่ยวในเมืองไทย เนื่องจากหวั่นวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ความสงบที่เกิดขึ้น เพราะว่าการออกมาชุมนุมประท้วงของกลุ่มพันธมิตรฯ ได้มีการถ่ายทอดไปทั่วโลก ทำให้ประเทศไทยขาดรายได้ไปกว่า 80%

นอกจากนี้ยังได้รับข่าวจากเอกอัครราชทูตที่ประจำอยู่ ณ ประเทศออสเตรเลีย ที่จะมีบริษัท 4 แห่งจะมาร่วมลงทุนในเมืองไทยเพื่อขยายกิจการ รวมมูลค่านับหลายหมื่นล้าน ในวันนี้ก็ได้ยกเลิกสัญญาไปแล้ว เนื่องจากความไม่สงบจากการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ

ขณะที่นางสาวอุสรา วิไลพิชญ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด (ประเทศไทย) กล่าวว่า ปัญหาการเมืองส่งผลลบต่อเศรษฐกิจทั้งในแง่ของความเชื่อมั่น การบริโภคและการลงทุน ส่งผลด้านลบต่อราคาสินทรัพย์ในประเทศ เช่น ราคาหุ้น และค่าเงินบาท และความเสี่ยงจากภาวะสุญญากาศทางการเมือง

“จากที่คุยกับนักลงทุนต่างประเทศ ตอนนี้สิ่งที่ห่วงคือ ความขัดแย้งทางการเมือง มากกว่าปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ เพราะพื้นฐานเศรษฐกิจไทยถือว่าค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ในช่วงสั้นอาจจะไม่สามารถโตได้เต็มที่ เพราะถูกกดดันจากปัจจัยด้านราคาและความไม่แน่นอนทางการเมือง” นางสาวอุสรากล่าว

ด้าน นายวิทวัส ชัยปาณี นายกสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย กล่าวว่า 2 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมโฆษณาอยู่ในภาวะซบเซา จากการชะลอแผนลงทุนของภาคธุรกิจ เพราะไม่มั่นใจรัฐบาลชั่วคราว แต่หลังจากมีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ยังไม่ได้ทำงานเต็มที่ ก็เกิดปัญหาการชุมนุมไม่พอใจรัฐบาลขึ้นอีก หากเหตุการณ์การชุมนุม นำไปสู่ความรุนแรง จะยิ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในการลงทุน

"อุตสาหกรรมโฆษณาอยู่ในภาวะหดตัว จากสินค้าชะลอแผนการทำตลาด เริ่มมีแนวโน้มดีขึ้นในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา แต่หากเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง เชื่อว่าปีนี้ภาพรวมโฆษณาจะติดลบถึง 10% จากมูลค่ากว่า 9 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่น่าจะขยายตัวได้ 4-5%" นายวิทวัสกล่าว