อดีตผู้สมัคร ส.ส. ประชาธิปัตย์ หนึ่งในแนวร่วมพันธมิตรฯ กร่างทำหนังสือจี้ปลดสื่อมวลชนอาวุโส “สุคนธ์ ชัยอารีย์” พ้นวิทยุรัฐสภา ข้อหาเป็นกระบอกเสียงรัฐบาล ขณะที่เจ้าตัวลั่นไม่หวั่นไหว และยืนยันนำเสนอข่าวโดยยึดแนวทางประชาธิปไตยต่อไป พร้อมแนะนักข่าวรุ่นใหม่ต้องทำงานด้วยจิตวิญญาณ อย่าเสนอข่าวสร้างความแตกแยกในบ้านเมือง นายสุคนธ์ ชัยอารีย์ นักหนังสือพิมพ์อาวุโส ในฐานะผู้จัดรายการสถานีวิทยุกระจายเสียงรัฐสภา คลื่นความถี่ FM 87.5 MHz เปิดเผยว่าถูก นายวัชระ เพชรทอง อดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ที่ร่วมเวทีกับกลุ่มพันธมิตรฯ ร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่รัฐสภาให้ปลดตนเองพ้นจากการเป็นนักจัดรายการวิทยุรัฐสภา เพราะนำเสนอเนื้อหาในรายการเข้าข้างรัฐบาล
โดย นายสุคนธ์ กล่าวว่า ตนเองนำเสนอเนื้อหารายการด้วยความเป็นกลาง ยึดมั่นในอุดมการณ์ของสื่อมวลชนที่ดี ไม่มีอคติต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะเท่าที่เห็นสื่อมวลชนในปัจจุบัน ทั้งรายการโทรทัศน์ก็ดี หรือหนังสือพิมพ์ก็ดี คิดว่ามันไม่ใช่แนวทางประชาธิปไตย
เนื่องจากมีการปล่อยให้แสดงความคิดเห็นกันด้านเดียวแบบเลอะเทอะกันไปใหญ่ รุมด่ากันด้านเดียว แทนที่จะเสนอข่าวสองด้านตามหลักนิเทศศาสตร์ หรือตามอุดมการณ์ที่ได้ร่ำเรียนกันมา แต่กลับนำเสนอไปด้วยอคติ หรือทำด้วยความสะใจกันเป็นส่วนใหญ่
นายสุคนธ์ กล่าวว่า เนื้อหาในรายการของตนจะนำเสนอข้อมูลและความคิดเห็นของประชาชนแบบสองด้าน โดยมีชาวบ้าน ทั้งคนทำงานรับจ้าง แท็กซี่ พ่อค้าแม่ค้า แม่บ้าน ข้าราชการ ฯลฯ โทรศัพท์เข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลาย โดยส่วนใหญ่เห็นด้วยกับแนวทางประชาธิปไตย และอยากให้ดำเนินการกับม็อบที่เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ เพราะสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้คนที่สัญจรผ่านไปมา โดยเฉพาะเด็กนักเรียน อีกทั้งนักลงทุนต่างชาติกำลังจับตามองว่าเมืองไทยไม่สงบ ทำให้เศรษฐกิจเสียหาย
นอกจากนี้ นายสุคนธ์ กล่าวย้ำว่า การดำเนินรายการของตนนั้นมีจุดยืนที่ชัดเจนคือ เป็นวิทยุรัฐสภา เป็นสื่อที่ช่วยพัฒนาประชาธิปไตย ไม่ได้ช่วยสนับสนุนการเมืองนอกสภา หรือม็อบข้างถนน
“ผมคิดว่าพอได้แล้ว พวกพันธมิตรฯ ที่ออกมาก่อความวุ่นวายให้ประชาชน ออกมาขับไล่รัฐบาล พวกนี้ได้คืบจะเอาศอก ไม่รู้จักพอ พวกคุณไม่เคยหวังดีต่อประเทศชาติ ไม่จริงใจ พวกคุณทำไปเพื่ออะไร เพื่อใคร ใครอยู่เบื้องหลังพวกคุณ เปิดเผยตัวออกมาเลย ขอร้องเถอะ อย่าทำแบบนี้อีกเลย ไปหาวิธีการอื่นๆ ที่ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน”
นักหนังสือพิมพ์อาวุโสกล่าวอีกว่า พวกพันธมิตรฯ แอบอ้างประชาธิปไตย แต่ไม่เคารพเสียงส่วนใหญ่ แล้วใครจะไปเชื่อถือ ถ้าจะให้ดีควรประกาศกลางเวทีไปเลยว่าอยากให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี
ส่วนกรณีที่มีผู้ใหญ่ในวงการสื่อสารมวลชนคนหนึ่งออกมากล่าวว่า ความถูกต้องไม่จำเป็นต้องเป็นกลางเสมอไปนั้น นายสุคนธ์กล่าวว่า บ้ากันไปใหญ่แล้ว สื่อไม่ใช่เทวดาที่จะมาชี้ว่าใครผิดใครถูก เพราะตามหลักการแล้วเขาให้นำเสนอข้อมูลรอบด้าน แล้วให้คนอ่านหรือคนฟังเขาตัดสินใจเองว่าจะเชื่อฝ่ายไหน ทุกวันนี้ตนเห็นคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ที่มีนักวิชาการ อาจารย์บางคน มาเขียนแล้วรู้สึกงงว่าเกิดอะไรขึ้นในวงการนี้
“มันไม่ใช่การนำเสนอข่าวเพื่อให้คนรักกัน สามัคคีกัน แต่มันคือการสร้างความแตกแยก แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ผมอ่านแล้วมันหดหู่ อย่างที่เขียนกันว่า อยากให้เกิดการปรองดอง แต่ในหน้าหนังสือพิมพ์ส่วนใหญ่กลับเสนอเรื่องความขัดแย้ง ขยายประเด็นให้กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต ทำให้คนอ่านเกิดความฮึกเหิม ผมว่ามันเกินไปแล้ว”
นายสุคนธ์ กล่าวด้วยว่า ตนอยากเห็นนักข่าวรุ่นใหม่ใช้อุดมการณ์ ใช้จิตวิญญาณทำงานกันให้มากขึ้น อย่าเอนเอียง หรือเข้าไปเล่นกับกระแส ต้องมีจุดยืนที่แท้จริง รวมทั้งสนับสนุนระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขด้วย
สำหรับนายวัชระนั้น เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ได้ขึ้นเวทีกลุ่มพันธมิตรฯ และได้ยกหนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ขึ้นมาฉีกบนเวที พร้อมทั้งประกาศว่า หากพบหนังสือเล่มนี้ที่ไหนให้ทุกคนช่วยกันฉีกทิ้งให้หมด
ซึ่งนายวัชระ ปัจจุบันไม่ปรากฏว่ามีอาชีพที่ชัดเจน แต่ในอดีตเคยเป็นสื่อมวลชน เคยเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง กทม. ของพรรคประชาธิปัตย์ แต่สอบตก และยังคงวนเวียนทำกิจกรรมกับพรรคและกลุ่มพันธมิตรฯ มาตั้งแต่การชุมนุมก่อนการปฏิวัติรัฐประหาร 19 กันยายน 2549