กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องโดยไม่สนใจไยดีต่อความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน จากการปิดถนนที่ส่งผลให้การจราจรติดขัดอย่างหนักเป็นวงกว้าง และความเดือดร้อนของชุมชน และโรงเรียน และสถานที่ราชการในบริเวณใกล้เคียงกับการชุมนุม โดยล่าสุดยังมีการปรับแผน “ดาวกระจาย” เคลื่อนม็อบกลุ่มย่อยไปยังสถานที่ราชการสำคัญต่างๆ เพื่อกดดันการทำงานของรัฐบาลและกระบวนการยุติธรรม ซึ่งยังส่งผลถึงปัญหาจราจรที่ขยายตัวเป็นวงกว้างมากขึ้นอีกด้วย
ฉะ! พันธมิตรแทรกแซง อสส.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันที่ 5 มิถุนายน ที่ผ่านมา กลุ่มพันธมิตรฯ ได้เคลื่อนอาสามัคร 2 ชุด ชุดละประมาณ 100 คน ไปยื่นหนังสือและสอบถามผลการดำเนินงานติดตามเอาผิดกับระบอบทักษิณ โดยเดินทางไปที่กระทรวงมหาดไทย และไปที่สำนักงานอัยการสูงสุด
จากกรณีดังกล่าวได้เป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าจะเป็นความพยายามในการสร้างความวุ่นวายให้ขยายตัวมากยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมอย่างชัดแจ้ง
นพ.เหวง โตจิราการ ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตย กล่าวว่าการบุกกดดันอัยการสูงสุด ถือเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมอย่างชัดเจนที่สุด ทั้งที่ไม่ควรใช้กำลังข่มขู่อัยการ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ควรปล่อยให้ทางอัยการดำเนินหน้าที่ไป หากเจ้าหน้าที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ก็ไปฟ้องเอาตามมาตรา 157 กรณีเจ้าหน้าที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งสำนักงานอัยการเป็นองค์การตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 255 มีอิสระในการพิจารณาคดีโดยเที่ยงธรรม
5 ทรราชกำลังใช้อำนาจโจร
“5 ทรราช ฝั่งพันธมารกำลังใช้กฎหมายกู กติกู และอำนาจโจรในการแทรกแซงการทำงานของอัยการ เพราะไม่มีใครมอบหมายอำนาจให้ดำเนินการจึงต้องมีการใช้อำนาจโจรเข้าแทรกแซง”
นพ.เหวง ยังกล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ ประกาศสร้างเมืองใหม่เป็นอาณาจักรของกลุ่มพันธมิตรฯ เองว่าจะใช้อำนาจอะไรในการตั้งเมือง หากทำอย่างนี้แปลว่าเป็นการเอาอำนาจถ่อย เถื่อนตั้งเมืองขึ้นมา อีกทั้งยังเป็นการทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 1 ที่เขียนว่าประเทศไทยมีอำนาจเป็นหนึ่งเดียวไม่มีใครสามารถแยกอาณาจักรได้ และต้องดูว่าการอยู่ตรงนี้ถือเป็นปฏิปักษ์หรือไม่ เพราะมีการประกาศชัดว่าจะขับไล่รัฐบาลภายใต้การนำของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เมื่อมีการขับไล่รัฐบาล ประเทศไทยจะอนุญาตให้กลุ่มพันธมิตรฯ อยู่หรือไม่ ทั้งนี้รัฐธรรมนูญได้ประกาศชัดแล้วว่าไม่อนุญาตให้ใครตั้งรัฐขึ้นมาใหม่ในประเทศไทย
จี้หยุดใช้วิธีการอันธพาล
หากดำเนินการอย่างนี้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะอ้างว่าทีกลุ่มพันธมิตรฯ จะตั้งเมืองขึ้นมาใหม่ได้ แล้วทำไม 3 จังหวัดชายแดนใต้จะตั้งขึ้นมาบ้างไม่ได้ ซึ่งการที่กลุ่มพันธมิตรฯ ได้มีการเอาลวดหนามและไม้เบสบอล อีกทั้งมีการฝึกผู้ร่วมชุมนุมในลักษณะฝึกทหาร และอาจมีกองกำลังติดอาวุธ ซึ่งเป็นอันตราย จึงอยากส่งสัญญาณถึงกลุ่มพันธมิตรฯ ให้เลิกคิดเลิกทำ เพราะไม่มีประโยชน์ เพราะจะเข้าข่ายผิดกฎหมาย มาตรา 113
ส่วนการใช้แผนยุทธศาสตร์ดาวกระจายต่อต้านการทำงานของรัฐบาล และมีการแจกเบอร์นายกฯ เพื่อให้โทร.เข้าไปต่อว่านายกนั้น เข้าข่ายทำลายสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 35 ที่เขียนไว้ว่าสิทธิความเป็นอยู่ส่วนบุคคล ต้องได้รับความคุ้มครอง หากจะร้องเรียนต่อ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ต้องไปร้องเรียนที่ทำเนียบและกระทรวงมหาดไทย การที่กลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวหาว่ารัฐบาลฉีกรัฐธรรมนูญ ตนก็จะฟ้องกลับว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ได้มีการฉีกรัฐธรรมนูญ มาตรา 35 และมาตรา 255 เพราะพันธมิตรฯ ใช้มาตรการอันธพาล กฎหมายกูไม่ใช่กฎมนุษย์
เอาความเดือดร้อน ปชช.มาต่อรอง
อีกทั้งตอนนี้กลุ่มพันธมิตรฯ กำลังเอาความเดือดร้อนของประชาชนมาต่อรองกับรัฐบาล และเป็นการพยายามกดดันสร้างความเดือดร้อนกับประชาชน ทำให้ประชาชนคิดว่ารัฐบาลไม่แก้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ ทำให้ประชาชนเบื่อหน่ายรัฐบาล ความคิดของประชาชนที่คิดแบบนี้เกิดขึ้นจากกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างที่ ดร.โกร่ง นายวีรพงษ์ รามางกูร อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ปัจจุบันเป็นนายกสมาคมไทย-ลาวเพื่อมิตรภาพ บอกว่าการชุมนุมทำให้เศรษฐกิจทรุด ทำอย่างนี้ประเทศไม่มีความเจริญ เหมือนในข้อความที่บอกว่าปัญหาการเมืองกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างแรงและโดยตรง เก่งเศรษฐศาสตร์อย่างไรก็เจ๊งเหมือนกัน รัฐบาลจะดีจะร้ายก็มาจากประชาชนเป็นคนเลือกเอง ความเสียหายจะเกิดขึ้นอย่างมหาศาลหากยังมีการชุมนุม
อย่างไรก็ตามหมอเหวง กล่าวทิ้งท้ายว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นของประเทศไทยพันธมิตรฯ ต้องรับผิดชอบ คนที่เกลียดชังรัฐบาลตอนนี้ก็จะเป็นหอกแหลมพุ่งกลับไปเสียบอกของกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างแน่นอน
ระบุม็อบเรียกร้องความสนใจ
ด้าน นายจรัล ดิษฐาอภิชัย อดีตคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า การสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นยุทธวิธีหนึ่งในการกดดันรัฐบาล เป็นวิธีการของพวกที่ชอบชุมนุมประท้วง เมื่อรัฐบาลไม่ยอมทำตามสิ่งที่เรียกร้อง ก็จะยิ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนมากขึ้น ยิ่งปิดถนนยิ่งทำให้ประชาชนเดือดร้อน
“ความจริงแล้วพันธมิตรฯ ถูกสกัดให้อยู่ตรงสะพานมัฆวานรังสรรค์ไม่สามารถเคลื่อนไปไหนได้ ทั้งที่อยากจะยกขบวนไปหน้าทำเนียบ แต่ทำไม่ได้ จึงพยายามคิดยุทธวิธีต่างๆ ขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจ” นายจรัล กล่าว
ส่วนแนวคิดที่ของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่จะตั้งเมืองใหม่พันธมิตรฯ ให้เกิดขึ้นกลางท้องถนนนั้น นายจรัล แสดงความคิดเห็นว่า เมื่อก่อนภาคเอกชนเคยทำในลักษณะนี้มาแล้ว เมื่อมีการชุมนุมประท้วงกันเป็นเวลานานก็จะสร้างเป็นหมู่บ้านขึ้นมา เช่น หมู่บ้านแม่มูลยั่งยืน ถือเป็นยุทธวิธีพื้นฐานของการไม่ยอมรับอำนาจรัฐบาล แต่การตั้งเมืองใหม่ไม่เหมือนกันเพราะระบุไว้ชัดเจนว่าเป็นเขตปกครองพิเศษ ไม่ขึ้นกับอำนาจรัฐ ถือเป็นการท้าทายเพื่อกดดันรัฐบาล
ซัด! พันธมิตรเหมือนคนบ้า
นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวถึงท่าทีของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า เหมือนพวกคนบ้า ไม่เคยเคารพกฎหมายของบ้านเมืองทั้งกฎหมายรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติ ไม่เกรงกลัวต่อความผิดแค่โทษจำคุก เพราะรู้ตัวอยู่แล้วว่าอนาคตต้องถูกประหารชีวิต จึงรวมตัวกันเป็นกบฏมาตั้งแต่ต้น แบ่งงานกันทำเป็นทีมมุ่งหวังที่จะโค่นล้มรัฐบาล
“พยายามทำให้ประชาชนเดือดร้อนเพื่อที่จะกดดันรัฐบาล และไม่กลัวการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะเมื่อใดที่รัฐบาลสั่งให้ตำรวจมาจับกุม ก็เข้าทาง พันธมิตรเองที่จะก่อความรุนแรงขึ้นมาเอง กบฏพวกนี้ได้เตรียมแผนการไว้แล้ว มีสื่ออยู่ในมือก็จะเสนอภาพเฉพาะตอนที่เจ้าหน้าที่กระทำต่อผู้ชุมนุมของพันธมิตรฯ ทั้งๆ ที่พันธมิตรฯ เป็นผู้เริ่มลงมือก่อน ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องกำจัด ASTV ก่อน เพื่อไม่ให้เสนอข่าวบิดเบือน” นายมานิตย์ กล่าว
อดีตอธิบดีผู้พิพากษาฯ กล่าวถึงความพยายามตั้งเมืองใหม่พันธมิตรฯ ว่า ดีแต่พูด ผีเจาะปากมาให้พูดก็พูดไปเรื่อย คนพวกนี้ไม่รู้จักภาษาไทยอย่างถ่องแท้เพราะแกนนำบางคนเป็นเขมร
อย่ากดดันกระบวนการยุติธรรม
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงแผนดาวกระจายที่มีการกดดันกระบวนการยุติธรรมว่า คดีความเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมที่มีขั้นตอนในการดำเนินการไม่มีใครไปทำอะไรได้ สุดท้ายต้องส่งเรื่องไปที่ศาล ถึงไม่มีใครไปจัดการ เจ้าหน้าที่ก็ต้องดำเนินการไปตามกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว ซึ่ง ตนถือว่าคดีความเรื่องใดที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วไม่ควรไปยุ่งเกี่ยว และ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่มีทางไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมได้
ส่วนกรณีพรรคพลังประชาชนเสนอให้มีการเจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อหาทางลงและยุติบทบาท เป็นเรื่องที่ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องจับตาดูสถานการณ์ แต่หากจะมีการเจรจาก็ถือเป็นเรื่องที่ดีคุยกันด้วยเหตุผลให้เข้าใจกันเพราะเป็นคนไทยเหมือนกัน ทุกคนล้วนแต่รักชาติไทย รักประชาชนคนไทย ดังนั้นจึงควรที่จะหันหน้ามาคุยกันให้เข้าใจ
อีกทั้งที่ผ่านมารัฐบาลได้ประเมินการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรที่จะกระทบต่อเรื่องเศรษฐกิจ เพราะ เท่าที่เห็นก็เป็นเรื่องการจราจร ปัญหาการลงทุนตลาดหุ้นตก จึงบอกว่าควรใช้เหตุผลคุยกันเพื่อรักษาผลประโยชน์ของบ้านเมือง ซึ่งรัฐบาลไม่อยากจะปล่อยให้เหตุการณ์ยืดเยื้อแต่ว่าควรจะมาทำความเข้าใจให้ปัญหาจบลงและประเทศจะได้เดินหน้าต่อไปได้
แกนนำม็อบเตรียมรับหมายศาล
ทางด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าวเตือนกลุ่มพันธมิตรฯ หากยังไม่ยุติการชุมนุม หรือมีการเคลื่อนไหวแบบดาวกระจายอาจมีเหตุป่วนจากมือที่ 3 ได้ง่าย เพราะยอมรับว่า ตำรวจไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึง พร้อมระบุ จะดำเนินคดีกับแกนนำพันธมิตรฯ ที่พูดจาเข้าข่ายหมิ่นประมาท จึงขอให้เตรียมตัวรับหมายศาลไว้ นอกจากนี้ ยังขอให้พรรคการเมืองบางพรรค หยุดขนคนมาร่วมชุมนุม ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้พันธมิตรยุติการชุมนุมได้
ส่วนกรณีที่ ส.ว. เตรียมยื่นไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้น รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ยินดี เพราะต้องการอภิปรายในสภาอยู่แล้ว ส่วนปัญหาความแตกแยกยืนยันไม่ได้เกิดจากรัฐบาลชุดนี้ เพราะเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ จบไปแล้ว
ผบ.ทบ.ชี้ม็อบกระทบเศรษฐกิจ
ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.เปิดเผยแก่ผู้สื่อข่าวก่อนเดินทางไปตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของกำลังพลในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า จะไปติดตามและประเมินการทำงาน อย่างไรก็ตาม จะเน้นเรื่องที่จะต้องคำนึงถึงประชาชนเป็นหลัก เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีความปลอดภัย และสามารถแก้ปัญหาได้
พร้อมทั้งกล่าวถึงการชุมนุมของพันธมิตร ว่า มั่นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถดูแลความเรียบร้อยได้ ขณะเดียวกันทั้งสองฝ่ายต้องหาทางออกที่เหมาะสม เพราะปัญหาในขณะนี้ส่งผลกระทบต่อประเทศชาติและเศรษฐกิจ
พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ยังคงมีการชุมนุมอย่างต่อเนื่องนั้น โดยตอนนี้รัฐบาลได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเจรจาเพื่อต้องการให้กลุ่มพันธมิตรฯ ย้ายสถานที่การชุมนุม เนื่องจากได้สร้างความเสียหายให้กับประชาชนโดยรอบ เรื่องการจราจรก็ติดขัด เด็กนักเรียนที่เดินทางมาเรียนในย่านนั้นก็ได้รับความเดือดร้อนไปเหมือนกันหมด
ผบช.น. สั่งคุมสถานที่สำคัญ
ทางด้าน พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า กรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะใช้ยุทธวิธีดาวกระจาย เดินทางไปยื่นข้อเรียกร้องตามสถานที่สำคัญต่าง ๆ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้มีคำสั่งให้ทุกพื้นที่ที่มีบ้านพักหรือสถานที่ราชการสำคัญ จัดเตรียมกำลัง และเพิ่มความเข้มงวดตรวจตราตามสถานที่เหล่านั้น พร้อมสืบสวนหาข่าวความเคลื่อนไหวต่างๆ อย่างใกล้ชิด รวมถึงบันทึกภาพเหตุการณ์ และสรุปข้อมูล รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบทุกระยะ ซึ่งหากการชุมนุมมีความยืดเยื้อ สามารถประสานขอกำลังจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ทันที
นอกจากนี้ พล.ต.ต.สุรพล ยืนยันว่า ตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรฯ ตามที่มีผู้มาร้องเรียน เพื่อให้หลักฐานครบถ้วนเพียงพอที่อัยการจะสั่งฟ้อง
“พล.ต.ต.ภาณุ”จวกม็อบทำรถติด
ขณะที่วันเดียวกัน พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผบช.น.รับผิดชอบงานด้านจราจร นำคณะสื่อมวลชนขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เพื่อตรวจสอบการจราจรในช่วงเช้า โดยบินขึ้นตรวจการตั้งแต่บริเวณถนนรัชดาภิเษก ถนนประชานุกูล ถนนจรัญสนิทวงศ์ ถนนบางพลัด สะพานกรุงธนฯ ถนนสิรินทร ถนนตลิ่งชัน ถนนพระปิ่นเกล้า ถนนวงเวียนใหญ่ ถนนพระราม 8 ย่านสาทร สะพานกรุงเทพ ถนนพระราม 5 ย่านประตูน้ำ และ ถนนพระราม 9 โดยใช้เวลาประมาณ 50 นาที
พล.ต.ต.ภาณุ กล่าวว่า สาเหตุการบินสำรวจถนนหลายสายในกรุงเทพฯเนื่องมาจากกลุ่มพันธมิตรฯปิดถนนราชดำเนินนอก จึงทำให้รถที่เกิดการจราจรติดขัดต่อเนื่องจากสะพานปิ่นเกล้า สะพานพระราม 8 ที่มุ่งหน้าเข้าเมืองและต้องใช้ถนนราชดำเนินนอก ต้องเลี่ยงไปใช้ถนนเส้นอื่นแทนจึงทำให้การจราจรติดขัดอย่างต่อเนื่องไปถึงถนนเส้นอื่นๆ
เวทีต้านม็อบที่เชียงรายคึกคัก
ขณะเดียวกันกลุ่มประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ส่งผลบ
ให้ประเทศชาติได้รับความเสียหาย ก็เริ่มมีการออกมาชุมนุมคัดค้านเป็นวงกว้างมากขึ้น จากเวที “สภาสนามหลวง” ที่มีประชาชนเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกวัน ก็เริ่มที่จะขยายตัวไปยังจังหวัดต่างๆ โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคอีสาน
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า กลุ่มคนเจียงฮายรักประชาธิปไตย พร้อมด้วยกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย กลุ่มเสียงประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กลุ่มพิทักษ์ประชาธิปไตย กลุ่มพลังเชียงราย รวม 5 กลุ่ม ราว 20 คน นำโดย นายศรีนวล นวลหงษ์ ประธานกลุ่มเสียงประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายวิทยา ตันติภูวนาท หรือ เป็ด นักธุรกิจเจ้าของฟาร์มนกกระจอกเทศใน จ.เชียงราย น.ส.จิรนันท์ จันทวงค์ นายสมชัย แสงทอง เลขาธิการกลุ่มเสียงประชาชน กับพวก
ได้เปิดเวทีปราศรัย ณ ข้างหอนาฬิกา ตรงข้ามตลาดสดเทศบาลนครเชียงราย อ.เมือง จ.เชียงราย ค่ำวันที่ 4 มิถุนายน ที่ผ่านมา และมีการตระเวนปราศรัยต่อต้านพันธมิตรฯ ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 มีการนำรถติดเครื่องเสียงพร้อมป้ายผ้าขนาดใหญ่เขียนว่า “กลุ่มคนเจียงฮาย ฮักประชาธิปไตย ต้านภัยพันธมิตร” ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก
เปิดเวทีประตูท่าแพ 7 มิ.ย.นี้
ขณะที่กลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ จ.เชียงใหม่ ก็จะมีการเปิดเวทีในวันที่ 7 มิถุนายนนี้ ที่ประตูท่าแพ โดยคาดการณ์ว่าจะมีผู้ร่วมชุมนุมไม่น้อยกว่าหมื่นคน
นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล ประธานสมาพันธ์ชาวเหนือเพื่อประชาธิปไตยและสภาประชาชนภาคเหนือ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการจัดเวทีที่ จ.เชียงใหม่ โดยใช้ชื่อเวทีว่า “สำแดงพลังขับไล่พันธมิตรฯ” ว่า การจัดงานในครั้งนี้เกิดขึ้นจากการรวมตัวของ 5 กลุ่มสำคัญที่เป็นตัวหลักในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย อาทิ กลุ่มสมาพันธ์ชาวเหนือเพื่อประชาธิปไตย สมาพันธ์คนรากหญ้าและ OTOP กลุ่มคนเดือนตุลาฯ ประชาชนชาวเหนือ กลุ่มหมู่บ้านคนเมือง และสภาประชาชนภาคเหนือ ที่ร่วมมือกันจัดขึ้น โดยต้องการแสดงให้เห็นว่าต้องการต่อต้านการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ยึดเอาถนนราชดำเนินเป็นที่พักถาวร
เตรียมเปิดโปงพวกสื่อเลว
อีกทั้ง ต้องการแฉและเปิดโปงสื่อเลวอย่าง ASTV และหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ที่ให้ข้อมูลผิดๆ กับประชาชนทั่วประเทศ และต้องการรณรงค์ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 โดยผ่านทางการทำประชามติของรัฐบาล และวัตถุประสงค์หลักที่สำคัญคือ ส่งเสริมประชาธิปไตย ต้านเผด็จการและพันธมิตรฯ
โดยกำหนดการที่จะจัดงาน คือวันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน ที่จะถึงนี้ ณ ข่วงประตูท่าแพ ซึ่งจะมีนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาร่วมหลายท่าน เช่น แกนนำผู้นำท้องถิ่น เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ซึ่งคาดการว่าจะมีผู้มาร่วมชุมนุมไม่ต่ำกว่า 10,000 คน
นายพรหมศักดิ์ แสนโพธิ์ ประธานสมาพันธ์คนรากหญ้า กล่าวว่า การชุมนุมต้อต้านกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในวันเสาร์นี้ คาดว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 10,000 คน และจะชุมนุมปักหลักจนกว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ในกรุงเทพน จะสลายการชุมนุม
พร้อมไปต้านถึง กทม.
นายพรหมศักดิ์ แสนโพธิ์ ประธานสมาพันธ์คนรากหญ้า กล่าวว่า การชุมนุมต้อต้านกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในวันเสาร์นี้ คาดว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 10,000 คน และจะชุมนุมปักหลักจนกว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ในกรุงเทพน จะสลายการชุมนุม
นายศรีนวล นวลหงษ์ ประธานกลุ่มเสียงประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แกนนำของกลุ่มกล่าวว่า ในวันที่ 7 มิถุนายนนี้ เวลา 15.00 น. ที่บริเวณถนนท่าแพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ทราบว่า จะมีการรวมตัวกันครั้งใหญ่ของชาวเหนือเพื่อต่อต้านพันธมิตรฯ โดยทราบว่าจะมีนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ อดีตแกนนำ นปก. มาร่วมด้วยนั้น ในส่วนกลุ่มแกนนำ จ.เชียงราย พร้อมคณะอย่างน้อย 100 คน จะเดินทางไปสมทบ เพื่อเดินหน้าสร้างแนวร่วมให้มากขึ้น
“ต่อไปหากกลุ่มพันธมิตรยังประท้วงปิดถนนที่ กทม. เพื่อไล่รัฐบาลอยู่ไม่เลิก พวกตนจะเดินทางไปต่อต้านแน่นอน จึงขอเตือนให้พันธมิตรฯและ แกนนำ 5 คน เลิกประท้วงได้แล้ว”
นอกจากนี้สมาพันธ์คนรากหญ้าภาคเหนือ ยังช่วยกันเขียนป้ายผ้าโจมตีกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งชุมนุมอยู่ที่กรุงเทพฯ ซึ่งจะนำป้ายผ้าไปติดรอบเวทีปราศรัยเช่นกัน
ขอนแก่นจ่อตั้งกลุ่มต่อต้าน
ขณะเดียวกันที่ จ.ขอนแก่น ที่โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนทัน นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ และ นายจักริน พัฒน์ดำรงจิตร ส.ส. พรรคพลังประชาชน จ.ขอนแก่น ได้เดินทางไปพบปะกับตัวแทนแกนนำกลุ่มอาสาสมัครป้องกันยาเสพติดชุมชนเทศบาลนครขอนแก่น ซึ่งนัดประชุมการจัดทำแผนโครงการป้องกันยาเสพติดชุมชน ประจำปี 2551
ในช่วงหนึ่งของการประชุมนายประจักษ์ ได้พูดถึงการออกมาชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในขณะนี้ว่า เป็นการชุมนุมที่ไม่มีเหตุผล หวังสร้างความวุ่นวายให้กับประเทศชาติ ไม่มีความชอบธรรมที่จะโค่นล้มอดีตผู้นำ และรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช
“อยากเชิญชวนให้พี่น้องชาวขอนแก่นเรา ใส่ชุดสีขาว เพื่อเป็นสัญลักษณ์เรียกร้องให้บ้านเมืองกลับไปสู่ความสงบ ไม่ต้องมีการชุมนุมทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย เพราะสีขาวเป็นสีแห่งความบริสุทธิ์ พวกที่ไปก่อม็อบที่แถวสะพานมัฆวานฯเป็นพวกพาลทะมิด”นายประจักษ์กล่าวพร้อมกับพูดในเชิงหยั่งเสียงอีกว่า บางทีพวกตนอาจต้องตั้งชมรมผู้รักความสงบ พูดจบก็ได้รับเสียงปรบมือเกรียวกราวด้วยความชอบใจของชาวชุมชนที่อยู่ในที่ประชุม