รุมถล่มแหลก “พันธมิตร” ตัวการทำการจราจรเป็นอัมพาตทั่วเมือง คนนับหมื่นพร้อมใจตั้งคำถามและก่นด่า ผ่านทั้ง เว็บไซต์-รายการวิทยุ-ศูนย์ฮอตไลน์ ระบุทำไมต้องปิดถนนทำประชาชนเดือดร้อน อยากรู้ “ถนนของใครกันแน่” พร้อมติงรัฐบาลไม่จัดการกับพวกก่อกวนให้เด็ดขาด ชาวบ้านโอดเสียงดังจนนอนไม่หลับ ขายของก็ไม่ได้ ซ้ำยังห่วงความปลอดภัยของลูก-หลาน ขณะที่ครู-นร. เดือดร้อนถ้วนหน้า ต้องเดินไปโรงเรียนแถมเรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง ด้าน สนนท. จี้ยุติการชุมนุม หวั่นลากยาวไปสู่การปฏิวัติรัฐประหาร
การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นอกจากจะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจเป็นจำนวนมหาศาล ฉุดรั้งการทำงานของรัฐบาลที่จะต้องแก้ปัญหาวิกฤติของบ้านเมืองแล้ว ยังได้สร้างความเดือดร้อน ยุ่งยากและความรำคาญให้กับประชาชนอีกจำนวนมาก
โดยเฉพาะปัญหาการจราจรที่กลุ่มพันธมิตรฯ ตกลงใจไม่ทำตามคำร้องขอของฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจในการเปิดเส้นทางจราจร ได้ส่งผลกระทบอย่างมากและมีเสียงสะท้อนเป็นวงกว้างผ่านเว็บไซต์ รายการวิทยุจราจรต่างๆ รวมไปถึงฮอตไลน์สายด่วยหลายแห่ง
เวทีม็อบเสียงดัง-นอนไม่หลับ
นางน้อย ชาวบ้านในชุมชนวัดโสมนัส กล่าวว่า ชาวบ้านในชุมชนได้รับความเดือดร้อนมากจากเสียงเครื่องขยายเสียงของกลุ่มผู้ชุมนุมที่มีตลอดทั้งวันทั้งคืน โดยในช่วงกลางคืนถึงกับนอนไม่หลับเลยทีเดียว โดยเฉพาะเด็กๆ มีปัญหามาก บางคืนหลานสาวต้องลุกขึ้นมานั่งร้องไห้ เพราะว่าง่วงนอนแต่นอนไม่หลับ แม้แต่ตนเองก็รู้สึกว่ามีอาการเครียดตลอดเวลาเหมือนกัน
นอกจากนี้ชาวบ้านในชุมชนก็ยังรู้สึกไม่ปลอดภัย และเป็นห่วงเวลาที่ลูกหลานออกไปนอกบ้านและต้องผ่านไปทางกลุ่มผู้ชุมนุม เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร และไม่รู้ว่าจะเกิดการปะทะกันเมื่อไร
น้ำมันก็แพงยังต้องขับรถอ้อม
บางบ้านที่ลูกหลานเป็นวัยรุ่น บางคนก็มีจักรยานยนต์ขี่เที่ยวกันเป็นกลุ่มๆ ผู้ใหญ่ก็พยายามสั่งไม่ให้ออกไปนอกบ้าน เพราะเกรงจะถูกกลุ่มผู้ชุมนุมมองว่าเป็นพวกมาก่อกวน และอาจทำร้ายร่างกายได้ เพราะเท่าที่เห็นจากข่าวกลุ่มผู้ชุมนุมมีอาวุธเป็นไม้กระบอง เป็นมีดเต็มไปหมด และยังมีหนังสติ๊กด้วย ซึ่งอันตรายมาก เพราะว่าอยู่ไกลๆ ก็สามารถโดนทำร้ายได้ โดยไม่รู้จะไปจับมือใครดม
ด้านนายตูน อายุ 28 ปี อาชีพขับรถรับจ้าง กล่าวว่าทุกวันนี้น้ำมันก็แพง ยังจะต้องขับรถหลบพวกม็อบไปอ้อมรถไกลมาก เสียน้ำมันไปอีกหลายบาท ใครจะมารับผิดชอบ และที่สำคัญคนที่มาจ้างก็น้อยลงด้วย เพราะไม่มีใครอยากจะมาแถวนี้ในช่วงนี้
เด็กนร.ต้องเดินไปโรงเรียน
ขณะที่เด็กนักเรียนในย่านนั้นระบุว่าลำบากมาก เพราะต้องเดินวันละ 3 ป้ายรถเมล์ ขณะที่อีกคนบอกว่าต้องเดินกลับบ้าน เพราะรถเมล์ไม่สามารถวิ่งผ่านโรงเรียนได้เหมือนแต่ก่อน ทั้งยังบอกด้วยว่าเพื่อนบางคนได้รับความเดือดร้อนมากจนไม่มาเรียนเลยก็มี
เช่นเดียวกับ นายนพพล เหลาโชติ ผอ. โรงเรียนวัดมกุฏกษัตริยาราม กล่าวว่า จากการชุมนุมของม็อบพันธมิตรฯ ทำให้นักเรียนหายไปถึงประมาณ 30% และการเดินทางมาโรงเรียนก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก นักเรียนหลายคนมาโรงเรียนสาย แต่ทางโรงเรียนก็ต้องอะลุ้มอล่วยให้ เพราะเข้าใจในปัญหาและอุปสรรค
เสียงดังรบกวนการเรียน-การสอน
นอกจากนี้ครูเองก็ได้รับความเดือดร้อนเช่นกัน บางคนต้องจอดรถไว้ที่บ้านหรือกลางทาง แล้วนั่งรถเมล์มาอีกต่อหนึ่ง เพราะไม่สามารถนำรถเข้าไปจอดในโรงเรียนได้ ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นอุปสรรคมากต่อการเรียนการสอน
ส่วน นายชาญณรงค์ แก้วเล็ก ผอ.โรงเรียนวัดโสมนัส กล่าวว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ นอกจากจะทำให้ครูและนักเรียน เดินทางมาโรงเรียนลำบากแล้ว ก็ยังมีเสียงรบกวนเข้ามาในโรงเรียนด้วย และบางครั้งถึงกับทำให้นักเรียนของโรงเรียนบางคนที่เป็นเด็กพิเศษถึงกับร้องไห้อยู่ตลอดเวลา
ชาวเว็บโพสต์ด่าม็อบกันสนั่น
ขณะเดียวกันก็มีการโพสต์ข้อความเอาไว้ตามเว็บไซต์ต่างๆ ต่อว่ากลุ่มพันธมิตรฯ รวมทั้งระบายความอัดอั้นที่เกิดจากความเดือดร้อนจากการชุมนุม โดยเฉพาะที่เว็บไซต์ชื่อดัง www.pantip.com มีข้อความที่น่าสนใจหลายต่อหลายข้อความ อาทิ
“ชอบพูดกันว่าการชุมนุมทางประชาธิปไตยเนี่ยทำได้ แต่ชุมนุมแล้วชาวบ้านเดือดร้อน รถติด+ต้องปิดถนน เนี่ยมันไม่ผิดเลย? ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนมากๆ ไม่ผิดเลยเหรอ +แถมยังมีความพยายามสร้างความปั่นป่วน ต้องการให้เกิดความวุ่นวาย ก็ไม่ผิดเลยเหรอ ทำไมคนกลุ่มนี้ ถึงมีสิทธิเหนือกว่าสังคมส่วนรวม...”
ไล่ส่งไปชุมนุม 3 จว.ชายแดน
“ทุกวันนี้รายได้ก็ไม่พอค่าใช้จ่ายแล้ว แล้วพวกแกเนี่ยจะออกมาปิดถนนทำไม ต้องเสียค่ารถเมล์เพิ่มอีกตั้ง 2 ต่อ (จากเดิม 2 ต่อก็ถึงที่หมาย) แต่ตอนนี้ต้องเป็น 4 ต่อ ถ้าจะให้เดินสงสัยว่า 10 โมงก็คงไม่ถึงที่หมายแน่นอน พวกแกเป็นเจ้าของถนนรึไง ถึงได้บังอาจนัก เงินที่พวกนายไปจ้างพวกมานั่งมานอนบนถนนนั่นน่ะ เอามาทำบุญซะจะดีกว่าไหม
แต่เอ! สงสัยว่าจะห่างวัดนะคงไม่รู้จักทำบุญ ยิ่งท่าน...ไม่น่าจะเป็นคนที่มีตัณหาจัด คงอยู่ในอัตตาเหลือเกิน พฤษภาก็ครั้งหนึ่งแล้ว ถ้าให้ดีช่วยเลิกก่อความวุ่นวายเสียที หรือถ้ายังอยากจะชุมนุมช่วยกรุณาไปชุมนุมที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ดีกว่าไหมคะ คนในกทม.จะได้ไม่เดือดร้อน...พิมเสนมัน”
เกลียดมัน!พวกเห็นแก่ตัว
“1.ปิดถนนทำไมครับ ทำไมไม่ชุมนุมที่อื่นที่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนล่ะครับ 2. ตอนแรกทำทีชุมนุมต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อญัตติการขอยื่นแก้ไขต้องตกไปเพราะเสียงไม่ครบ ก็ควรจะเลิกชุมนุมใช่ป่ะ แต่ดันไม่เลิกเปลี่ยนเรื่องมาไล่รัฐบาลเฉยเลย รัฐบาลนี้มาจากการเลือกตั้งนะครับ มาจากเสียงของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ 3. สมาชิกแกนนำทั้งห้า แต่ละคนเคยทำร้ายประเทศชาติมาตลอดช่วง 2-3 ปี จะไม่ให้ผมเกลียดได้อย่างไร พวกเห็นแก่ตัว… yaigoal”
“ถ้ารัฐบาลทุจริต ฝ่ายค้านมีไว้ทำไม สภามีไว้ทำไม ยื่นญัตติไม่ไว้วางใจสิครับ... ไม่เห็นต้องมาชุมนุมกันเลย พวกคุณขัดขวางการจราจร ทำให้คนอื่นเดือดร้อน สุดท้ายอยากรู้จริงๆ ว่า พันธมิตรฯ มีไว้ทำไม เป็นองค์กรที่อยู่ตรงไหนในรัฐธรรมนูญ ได้คืบจะเอาศอก ยกระดับการชุมนุมเป็นการขับไล่รัฐบาล ทั้งที่รัฐบาลเขาถอยจนสุดตัวแล้ว
สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว คนส่วนใหญ่เขาไม่ได้คิดอย่างพันธมิตรฯ เขาเบื่อการชุมนุมเต็มทน เพราะเขาเดือดร้อน รัฐบาลอยู่แค่ 3 เดือน ก็รีบร้อนจะไล่เขาแล้ว มันเร็วเกินไป เข้าใจไหมว่าสถานการณ์มันยังไม่สุกงอมพอ คนส่วนใหญ่เขาไม่เห็นด้วย ลองเลิกฟัง ASTV แล้วเปิดหูเปิดตาคุยกับพ่อค้าแม่ค้าบ้าง ก็จะรู้ความจริง!... netboyZ”
พวกปิดถนนมีน้ำใจหรือเปล่า
“อยากฝากถึงคนที่ไปร่วมกันทำลายประเทศกับพันธมิตรฯ ว่า ลองตั้งสติทำใจให้เป็นกลางซะหน่อย แล้วคิดสักนิดว่าการกระทำของพวกท่านมันชอบธรรมหรือไม่ ...การทำประชามติว่าจะแก้หรือไม่แก้ รธน. มันเป็นวิธีที่ถูกต้องชัดเจนตามหลักประชาธิปไตยแล้ว แต่พวกท่านกลับไม่ยอมรับ ...กลับจะกอด รธน.50 ไว้ ไม่ยอมให้ใครมาแตะต้อง ทั้งๆที่ไม่ได้มาจากประชาธิปไตยเลย ประชาชนส่วนใหญ่เดือดร้อนเพราะพวกพันธมิตรฯ มามากแล้ว หากหมดสิ้นความอดกลั้นขึ้นมาก็อย่าว่ากัน เพราะพวกคุณสมควรที่จะได้การตอบโต้อย่างสาสม.. Miyako”
“คนส่วนใหญ่เขาไม่ได้ฟังมันหรอกครับ แค่เบื่อหน่ายเลยปล่อยๆมันบ้า จะชุมนุมไม่มีใครว่า เขาขอไม่ให้ปิดการจราจรมันยังไม่ให้ แค่นี้ก็รู้แล้ว ว่ามีน้ำใจหรือเปล่า เถียงกับพวกมันก็เหมือนเถียงกับเด็กที่จะเอาชนะอย่างเดียว คนส่วนใหญ่เลยเงียบๆดีกว่า เพราะมันก็แถไปเรื่อย มันไม่สนใจคนอื่นนอกจากตัวเอง แก่ปูนนี้แล้วคงอยู่ได้อีกไม่นานหรอก...Family Portrait”
ปชช.สงสัย “ถนนของใครกันแน่”
ส่วนสถานีวิทยุจราจรทั้ง จส.100 และ สวพ. 91 ก็ปรากฏว่ามีประชาชนโทรศัพท์เข้ามาตลอดเวลาเช่นกันตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะเวลาเร่งด่วนในตอนเช้าที่พากันโทรศัพท์มาบ่นว่ารถติดมาก และบ้างก็บอกว่า “เมื่อไรจะเลิกชุมนุมเสียที เพราะชาวบ้านเขาเดือดร้อน”
รวมทั้งมีผู้โทรศัพท์แจ้งว่าในขณะที่มีการปิดถนน ในบริเวณการชุมนุมกลับมีกลุ่มคนที่ร่วมการชุมนุม ที่น่าจะเป็นพวกการ์ดออกเล่นฟุตบอลกันด้วย โดยไม่สนใจไยดีการจราจรที่ติดขัด และได้ตั้งคำถามว่า “ถนนของใครกันแน่”
ด่าผ่านฮอตไลน์สายแทบไหม้
ส่วนสายฮอตไลน์ร้องทุกข์ของรัฐบาล ทั้ง 1111 ของสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และ 1374 ของหน่วยความมั่นคงแห่งชาติ ปรากฏว่ามีผู้โทรศัพท์เข้ามาร้องทุกข์วันละนับพันสาย จนถึงขณะนี้รวมแล้วนับหมื่นสาย บ้างก็ระบุว่าอยากให้รัฐบาลรีบปราบปรามพวกที่ชุมนุมกีดขวางการจราจรออกไปให้หมด
บางคนก็ต่อว่าด้วยถ้อยคำรุนแรง และมีบางคนที่ต่อว่าไปถึงนายกรัฐมนตรี และรัฐบาล ที่ไม่ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดในการปราบม็อบ
สำหรับในส่วนของหน่วยงานความมั่นคง แหล่งข่าวรายหนึ่งระบุว่า ทหารไม่มีหน้าที่ในการแก้ปัญหาดังกล่าว แต่จะรวบรวมปัญหาที่ได้รับไว้ทั้งหมดส่งต่อไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
สนนท. วางหรีดพันธมิตร
วันเดียวกันนี้ สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) นำโดย นายพงษ์สุวรรณ สิทธิเสนา เลขาธิการ สนนท. พร้อมด้วยนิสิตนักศึกษาประมาณ 20 คน ได้นำพวงหรีดมาวางที่หน้าสำนักงานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) พร้อมออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนและท่าทีต่อกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ ครป.
โดยเฉพาะ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานเครือข่ายพันธมิตรฯ เพื่อให้กลุ่มดังกล่าวสร้างทิศทางของสังคมนำไปสู่การแก้ไขวิกฤติทางการเมืองและร่วมสร้างประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ดังนั้น สนนท.จึงแสดงจุดยืนและท่าที 3 ข้อ คือ 1.ไม่เห็นด้วยกับการออกมาเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่มีทิศทางนำไปสู่วิกฤตการณ์ทางการเมืองซึ่งอาจจะกลายเป็นเงื่อนไขที่นำไปสู่การใช้ความรุนแรงของผู้ชุมนุมเอง 2. แกนนำพันธมิตร ฯ ต้องรับผิดชอบต่อประชาชนภายหลังการเคลื่อนไหวที่อาจนำไปสู่การรัฐประหารและใช้ความรุนแรงระหว่างประชาชนด้วยกันเอง3. รัฐบาลต้องแก้วิกฤติทางการเมืองด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยโดยประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจด้วยกลไกของรัฐสภาซึ่งนำรัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นต้นร่างทำประชามติและให้ประชาชนลงประชามติระหว่างแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยใช้ปี 2540 เป็นต้นร่างกับไม่ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550
ห่วงพันธมิตรชักนำปฏิวัติ
นายพงษ์สุวรรณ สิทธิเสนา เลขาธิการ สนนท. กล่าวว่ามาวางพวงหรีดที่หน้าสำนักงานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย หรือ ครป. เพื่อขอให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ ครป. รวมทั้ง นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทบทวนท่าที และการชุมนุมในขณะนี้ที่สร้างความสับสนแก่ประชาชน เพราะเป็นการสร้างเงื่อนไขที่จะก่อให้เกิดความรุนแรง ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ ซึ่ง สนนท. ไม่เห็นด้วย เพราะสุ่มเสี่ยงและจะกลายเป็นเงื่อนไขที่นำไปสู่การรัฐประหารได้
นอกจากนี้ สนนท. ยังเรียกร้องให้รัฐบาลต้องแก้วิกฤติทางการเมือง ด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย โดยนำรัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นต้นร่างก่อนทำประชามติ โดยให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน
เสธ.หนั่นติงม็อบหยุดได้แล้ว
ด้าน พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ที่ปรึกษาพรรคชาติไทย กล่าวว่า ตอนนี้ไม่มีสถานการณ์อะไรที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากท่านนายกฯ ได้มอบหมายให้ทางตำรวจเข้าไปเจรจาเพื่อให้กลุ่มม็อบย้ายเวทีการปราศรัย โดยส่วนตัวมองว่าไม่มีความจำเป็นอะไรที่ตัวท่านนายกฯ เองจะต้องเป็นคนไปพูดคุยกับทางม็อบโดยตรง เพราะว่าต่างคนก็ต่างร้อน ยิ่งตอนนี้ยังอยู่ในสภาวะโลกร้อนอยู่ด้วย
ส่วนกรณีที่จะมีการเสนอให้ นายโคทม อารียา มาเป็นตัวกลางในการพูดคุยกับทางกลุ่มม็อบนั้น มองว่าเป็นทางเลือกอีกทางที่ดี ในประเด็นที่มีข่าวออกมาว่าจะมีการเสนอให้ประกาศว่าประเทศอยู่ในภาวะฉุกเฉิน เพื่อเป็นวิธีการในการคลี่คลายปัญหา มองว่าตอนนี้สถานการณ์ยังไม่ได้รุนแรงถึงขั้นนั้น และประเทศก็อยู่ในระบอบประชาธิปไตยด้วย
อยากฝากถึงกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า พอได้แล้ว เพราะว่าเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ได้มีความชอบธรรมมาก เพราะว่ามีทั้งพรรคฝ่ายค้านและรัฐบาลร่วมหารือในเรื่องดังกล่าวอยู่ ถึงเวลาที่ควรจะรับฟังได้แล้ว
"จำลอง"แบะท่าพร้อมเจรจา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นับเป็นวันที่ 11 ยังคงมีการผลัดขึ้นปราศรัย ท่ามกลางผู้ชุมนุมไม่คึกคักมากเท่าช่วงดึกที่ผ่านมา โดยได้เน้นเป้าโจมตีไปยังนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่บริหารงานแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชนผิดพลาด เกิดปัญหาข้าวยากหมากแพง และมุ่งเพียงแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ไม่ใช่ปัญหาเร่งด่วนต่อประชาชน พร้อมกับได้เรียกร้องให้รัฐบาลลาออกจากการบริหารประเทศ
ขณะที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า พันธมิตรฯยังปิดการจราจร เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของผู้ชุมนุมที่อาจถูกทำร้ายจากกลุ่มต่อต้านที่แฝงตัวเข้ามา นอกจากนี้ยังยืนยันว่า จะปักหลักชุมนุมต่อไป เพื่อต่อต้านรัฐบาล ที่หมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศ ทั้งนี้พร้อมเคลื่อนย้ายสถานที่ชุมนุม หากมีเงื่อนไขและเวลาที่เหมาะสม
“การปรับรูปแบบการชุมนุมของพันธมิตร พร้อมที่จะปรับรับฟังความเห็นข้อเสนอของทุกฝ่าย แต่ต้องพิจารณาตามสถานการณ์ ขณะที่การเปิดให้มีการเข้ามาเจราจาทางพันธมิตรฯ ยังเปิดให้มีอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่มีใครมาเจรจาแต่อย่างใด ถ้ามีการเจรจา พันธมิตรฯต้องนำมาหารือกับแกนนำพันมิตร และผู้ชุมนุมแล้วสรุปมาเป็นมติตามระบอบประชาธิปไตย ”
ฉะ!จำลองชอบเล่นนอกสถา
ด้าน ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานศูนย์ติดตามและวิเคราะห์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ หรือ วอร์รูม เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อสนับสนุนให้รัฐบาลที่มุ่งแก้ปัญหาให้กับประชาชน และเชื่อมั่นว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ จะไม่กระทบการทำงานของรัฐบาล ส่วนการชุมนุมที่ยืดเยื้อ มองว่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ถนัดเล่นการเมืองนอกสภาฯ เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นองเลือดเกือบทุกครั้ง นอกจากนี้ ยังเห็นด้วยกับกลุ่มริบบิ้นสีขาวที่เคลื่อนไหว เพื่อต้องการให้สังคมเจรจาปรองดองด้วยสันติ
ส่วนข้อเสนอของนายแพทย์ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ที่ว่าจะให้มีรัฐบาลแห่งชาตินั้น เป็นแนวคิดที่ไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ดี เข้าใจว่านายแพทย์ประเวศ ซึ่งมีต้นทุนทางสังคมสูงต้องการหาทางออกให้บ้านเมือง
จวก "จำลอง" ทำชาติเสียหาย
นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มั่นใจว่าการที่สำนักข่าวต่างประเทศเริ่มเสนอข่าวการประท้วงของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะไม่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น เพราะต่างประเทศมองที่หลักการว่า การเลือกตั้งต้องเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม แต่ยอมรับว่าหากการชุมนุมยืดเยื้ออาจจะมีผลในเชิงจิตวิทยา รัฐบาลจึงต้องทำงานให้มากขึ้น และกระทรวงฯ ต้องชี้แจงให้ต่างประเทศเห็นว่า รัฐบาลจะไม่ยอมให้ม็อบล้มรัฐบาล เพราะหากวันใดที่กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย วันนั้นเสรีภาพก็จบสิ้น
อย่างไรก็ตาม นายนพดล กล่าวว่า เวลานี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า การประท้วงตั้งเป้าล้มรัฐบาลโดยกระบวนการนอกรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นเรื่องผิดกฎหมาย รัฐบาลยอมไม่ได้ รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง ควรมีอำนาจในการบริหารประเทศ การที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ประกาศยึดถนนราชดำเนินอย่างถาวร แสดงให้เห็นถึงวิธีคิดว่าไม่สนใจกฎหมายของประเทศ ยึดตัวกูของกู เอาความเห็นของตัวเองเป็นใหญ่ ซึ่งตนเกรงว่าจะทำให้ประเทศเสียหาย เหมือนสมัยรัฐบาล พล.อ.สุจินดา คราประยูร อย่างไรก็ตาม ต้องการให้แกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 5 คน ไปตั้งพรรคการเมือง และเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยตามปกติ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่าคนกลุ่มน้อยจะทำลายผลประโยชน์ของคนกลุ่มใหญ่ในระยะยาว