ดร.วิบูลย์พงษ์ พูนประสิทธิ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่าในประเทศมหาอำนาจมีการประท้วงอยู่ตอลดเวลา แต่ประชาชนในประเทศนั้นจะไม่เดือดร้อนเหมือนการประท้วงในบ้านเรา เพราะเมื่อใดที่ผู้ประทวงทำการละเมิดสิทธิของผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นการขัดขวางการจราจรหรือประท้วงบนถนจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมทันที
การปิดถนนของพันธมิตรฯ ที่ทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน จะมาอ้างว่าเป็นคนหมู่มากไม่ได้ กรุงเทพฯ มีคนเป็นล้านคน จะเอาอะไรมาวัดว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรเป็นคนหมู่มาก หลักการประธิปไตยให้สิทธิในการชุมนุมได้ แต่ต้องไม่ละเมิดสิทธิของคนอื่น ความพยายามที่จะใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นวิทยาลัยเพื่อให้มีการศึกษาดูงานหรือฝึกวิชาชีพนั้น หากใช้พื้นที่สาธารณะเป็นพื้นที่ซึ่งสัญจรไปมา ถือว่าเป็นความผิดทางกฎหมาย และเป็นการละเมิดสิทธิของผู้อื่น
เมื่อถามถึงแผนยุทธศาสตร์ดาวกระจายของกลุ่มพันธมิตร ดร.วิบูลย์พงษ์ มองว่า เป็นวิธีเรียกร้องความสนใจ เพราะถ้าชุมนุมกันสงบๆ จะไม่ได้รับความสนใจ จึงต้องพยายามกดดันด้วยวิธีการต่างๆ นานา เพื่อให้มีสื่อออกมาตลอดเวลา หากการเคลื่อนตัวไปยังสถานที่ต่างๆ มีการปิดถนนอีกก็ยิ่งจะทำให้ประชาชนเดือดร้อนมากขึ้น
“การปิดถนนเป็นการละเมิดสิทธิของคนอื่น ทำให้การเดินทางลำบากมาก ผมเองก็เดือดร้อนมาก มาสอนหนังสือลำบาก สังคมไทยเป็นสังคมที่อะลุ้มอล่วย ถ้าเป็นสังคมต่างประเทศ เขาจะไม่สนใจ และไม่เสียเวลาในการเจรจาใดๆ ทั้งสิ้น ตำรวจจะเข้ามาจับผู้ชุมนุมทันที โดยไม่สนใจเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและละเมิดสิทธิของผู้อื่น
สมมุติว่ามีคนท้องต้องคลอดลูกจะต้องไปโรงพยาบาลผ่านถนนเส้นนั้น แต่ไปไม่ได้แล้วตายอยู่ตรงนั้น ถามว่าสามีเขาจะไปฟ้องว่าพันธมิตรปิดถนนทำให้โรงพยาบาลไม่ทัน จะฟ้องได้หรือไม่ ญาติเขาจะรู้สึกอย่างไร จะทำอะไรจึงต้องคิดถึงคนอื่นด้วย” ดร.วิบูลย์พงษ์ กล่าว
ดร.วิบูลย์พงษ์ กล่าวด้วยว่า เมื่อรัฐบาลยอมถอยออกมาแล้วพันธมิตรก็ควรถอยออกมาด้วยเช่นกัน สถานการณ์จะได้สงบ และที่ออกมาบอกว่ารัฐบาลไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ ผมเองก็กำลังติดตามดูขอเสนอของพันธมิตรอยู่ เพราะอยากรู้ว่าเขาจะเสนออย่างไร เพราะเมื่อวิจารณ์แล้วก็ควรที่จะเสนอแนวทางในการแก้ไขให้ด้วยว่าต้องการให้เป็นอย่างไรถึงจะดีกว่าเดิม
ข้อเรียกร้องที่ผ่านมาของพันธมิตรทุกอย่างประสบความสำเร็จไปแล้ว ส่วนตัวก็คิดว่าทุกอย่างควรจะจบ แต่เหตุการกลับยิ่งยืดเยื้อ ความพยายามที่จะออกมาขับไล่รัฐบาลเป็นสิ่งที่ไม่ความกระทำอย่างยิ่ง เพราะรัฐบาลมาจากระบอบประชาธิปไตย ไม่เช่นนั้นเราคงไม่ควรมีการเลือกตั้งอีก เพราะไม่ว่าจะเลือกตั้งรัฐบาลชุดใดมาทำงาน หากไม่เข้าตากลุ่มพันธมิตรก็ต้องถูกขับไล่ ก็จะกลายเป็นว่าฝ่ายพันธมิตรเป็นสถาบันสูงสุดของประเทศในการขับไล่รัฐบาล ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง
ส่วนการมองว่าฝ่ายพันธมิตรกำลังจะนำเรื่องความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนมาต่อรองกับรัฐบาลนั้น ดร.วิบูลย์พงษ์ มองว่า มีความเป็นไปได้ เพราะตอนนี้ทุกอย่างเริ่มบานปลายออกไป โดยส่วนตัวมองว่าสื่อมวลชนทั้งหลายควรเลิกนำเสนอข่าวพันธมิตร เพราะที่สุดแล้วเมื่อการเคลื่อนไหวไม่ได้รับความสนใจ ไม่มีการนำเสนอข่าวใด ทุกอย่างก็จะซาลงไปเอง แต่ถ้าสื่อยังนำเสนอข่าวอยู่เช่นนี้เขาก็ยิ่งจะรู้สึกว่าการเรียกร้องนี้เข้าถึงประชาชน