ทั้งนี้ เวทีสภาสนามหลวง เมื่อช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา บรรยากาศยังคงเป็นไปอย่างคึกคักเช่นเคย โดยเมื่อเวลาประมาณ สองทุ่มเศษๆ มีประชาชนเข้าร่วมรับฟังไม่ต่ำกว่า 2 พันคนแล้ว ขณะที่วิทยากรรับเชิญได้รับเกียรติจากเป็นพิเศษจาก พ.ต.อ.บรรจบ สุดใจ อดีตสารวัตรใหญ่ สน.พญาไท ผู้กำกับการ สน.จักรวรรดิ์ บางซื่อ และอีกหลาย สน.ใน กรุงเทพฯ ในฐานะประธานชมรมผู้พิทักษ์กฎหมายและความยุติธรรม ได้ขึ้นกล่าวให้สัมภาษณ์พิเศษ
โดยตอนหนึ่งได้ระบุถึงกรณีที่ น.พ.ประเวศ วสี เสนอแก้ไขปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองขณะนี้ด้วยการขอให้มีการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติขึ้นนั้น ว่า เป็นข้อเสนอที่รุนแรงเกินจริง เพราะการจะมีรัฐบาลแห่งชาติ สถานการณ์บ้านเมืองต้องเข้าขั้นวิกฤติจนเกินกว่าจะควบคุมได้ จึงสมควรแล้วหรือที่จะออกมาพูดเช่นนั้น
“การตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ยังเป็นขั้นตอนช่วงกลางที่จะนำไปสู่ระบอบสาธารณรัฐ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ แสดงว่า หมอประเวศ ออกมากล่าวเช่นนี้ต้องมีนัยแอบแฝงซ่อนเร้นอยู่เป็นแน่” พ.ต.อ.บรรจบ กล่าว
พ.ต.อ.บรรจบ กล่าวด้วยว่า นับแต่กลุ่มพันธมิตรฯออกมาชุมนุมและกล่าวอ้างเรื่องที่ไม่เหมาะสมหลายเรื่อง กลับไม่เห็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง โดยเฉพาะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ออกมาตักเตือนว่ากล่าวกลับบอกได้แต่เพียงแค่ให้สมานฉันท์เท่านั้น ซึ่งกลุ่มพันธมิตรฯก็ไม่เคยรับฟังหรือปฏิบัติตามแต่อย่างใด ขณะที่สื่อบ้างฉบับยังนำไปเผยแพร่ขยายความบิดเบือนให้เป็นประโยชน์แก่กลุ่มพันธมิตรฯ จนรัฐบาลถูกมองในแง่ลบ
“ผมอยากถามว่า สื่อทำไม่ต้องทำเรื่องเลวๆ เช่นนี้ เพียงเพื่อการขายข่าวเท่านั้น หรือหาก ผบ.ทบ.ออกมาตักเตือนอย่างตรงไปตรงมาว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เชื่อว่าเรื่องก็จะจบ และสิ่งที่ผมไปแจ้งความกับสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้นต้องแสดงให้เห็นว่า ถ้าสามารถจับแกนนำพันธมิตรฯได้สักคนเรื่องก็จะสามารถยุติได้โดยเร็วอย่างแน่นอน” พ.ต.อ.บรรจบ กล่าว
พ.ต.อ.บรรจบ ยังกล่าวด้วยว่า การกะทำของกลุ่มพันธมิตรฯ โดยเฉพาะพล.ต.จำลอง ศรีเมือง ถือว่าเหิมเกริมอย่างยิ่ง ที่ประชาชนควรออกมาแจ้งความดำเนินคดีให้มากๆ เพื่อให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงในการทำหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมายได้
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา พ.ต.อ.บรรจบ ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ พร้อมพวกรวม 9 คน ประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสุริยะใส กตะศิลา นายเติมศักดิ์ จารุปราณ นางสโรชา พรอุดมศักดิ์ นางอัญชลี ไพรีรักษ์ และบุคคลอื่นๆ ที่ผลการสอบสวนมีพยานหลักฐานพาดพิงถึง
โดยเฉพาะผู้ที่ร่วมปราศรัยบนเวทีทุกคนฐานกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ 116 รวมถึงความผิดกระทำการที่เป็นการปฏิปักษ์ต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 28
จากกรณีที่นายสนธิ และพวก เป็นแกนนำชุมนุมขับไล่รัฐบาลซึ่งมี นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง นอกจากนี้ ยังเห็นว่า การชุมนุมดังกล่าวเข้าข่ายยั่วยุ ปลุกระดมประชาชน เพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง จึงให้พนักงานสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีต่อไป