สังคมประชาธิปไตยที่สงบร่มเย็น นอกจากจะต้องยึดหลักกฎหมายแล้ว ยังต้องยึดหลักธรรมที่แท้จริงของศาสนาอีกด้วย แต่ปัญหาก็คือ ทำไมคนบางกลุ่มในสังคมที่อ้างนักอ้างหนาว่า ยึดหลักธรรมเป็นชีวิตจิตใจ แต่กลับมีพฤติกรรมสร้างความปั่นป่วนโกลาหลให้บ้านเมืองจนเกิดวิกฤตการณ์ ครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่ตลอดเวลา หรือแท้จริงแล้วหลักธรรมก็คือ การสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายให้กับสังคม ผมต้องตั้งสมมติฐานผิดๆเอาไว้เช่นนี้ก่อน เพื่อจะได้หาคำตอบที่ถูกต้องมาหักล้าง โดยเน้นไปที่การค้นหาพระธรรมระดับโลกิยะ ซึ่งเป็นคำสอนเกี่ยวกับจริยธรรมทั่วไปสำหรับผู้ครองเรือน เมื่อพูดถึงจริยธรรม ก็ต้องนึกถึงศีล เพราะศีลเป็นข้อปฏิบัติที่ส่งผลให้เกิดความสงบสุขในสังคมและศีลสำหรับผู้ครองเรือน ควรรักษาก็มี 3 ประเภท คือ ศีล 5 ศีล 8 และกุศลกรรมบถ 10 พุทธศาสนิกชนทุกคนคงรู้จักศีล 5 และศีล 8 ที่เป็นข้อห้ามการทำชั่วทางกายและวาจากันแล้ว ส่วนกุศลกรรมบถ 10 นั้น เป็นข้อห้าม ที่เพิ่มเติมเรื่องของการทำชั่วทางใจเข้าไปอีกด้วย โดยเฉพาะกุศลกรรมบถ 10 ซึ่งแปลว่า ครรลองแห่งความดี หรือทางแห่งความดีนั้น แบ่งเป็นกายสุจริต 3 คือ ไม่ฆ่าสัตว์, ไม่ขโมย, ไม่ประพฤติผิดในกาม วจีสุจริต 4 คือ เว้นจากการพูดเท็จ, เว้นจากการพูดส่อเสียด ยุยงให้คนแตกกัน, เว้นจากการพูดคำหยาบ, เว้นจากการพูดเล่นเพ้อเจ้อตลกคะนอง และมโนสุจริต 3 คือ ไม่คิดโลภอยากได้ของคนอื่น, ไม่คิดพยาบาทอาฆาตคนอื่น, มีความเห็นชอบ คือ ละเว้นความเห็นผิด 10 ประการ ส่วนธรรมของผู้ครองเรือน เพื่อส่งเสริมความสงบสุขนั้น ธรรมหมวด 6 ในส่วนของสาราณิยธรรม 6 ได้ระบุในข้อ 5 และ 6 ว่า พยายามรักษาระเบียบวินัยของสถาบันเหมือนกับคนอื่น ไม่ทำตนให้เป็นที่ดูหมิ่นของเพื่อนร่วมสถาบัน โดยการทำตัวอยู่เหนือระเบียบวินัย รวมทั้งไม่วิวาทกับผู้อื่นในกรณีที่มีความเห็นไม่ตรงกัน เนื่องจากพระพุทธเจ้าทรงเล็งเห็นว่า โลกจะสงบสุขได้ก็ต่อเมื่อปัจเจกชนแต่ละคนเคารพในสิทธิของกันและกัน พระองค์จึงทรงให้มีการนำข้อห้ามที่เกี่ยวกับการละเมิดสิทธิของผู้อื่นมาเป็นหลักปฏิบัติในพุทธศาสนา เพื่อทำให้สังคมเกิดความสงบสุขอย่างยั่งยืน เห็นหรือยังว่า ธรรมที่แท้จริงนั้น บริสุทธิ์ผุดผ่องและสูงสุดเพียงใด และผมเชื่อว่า ไม่มีศีล หรือธรรมข้อใดเลย ที่ให้สิทธิแก่บุคคลนำเอาไปอ้างเพื่อทำลายล้างกัน จะเห็นได้จากข้อกำหนด วจีสุจริต ที่ให้เว้นจากการพูดส่อเสียด ยุยงให้คนแตกกัน รวมถึงมโนสุจริต ไม่คิดพยาบาทอาฆาตคนอื่น เพียงแค่นี้ ก็เห็นได้แล้วว่า กลุ่มบุคคลที่อวดอ้างธรรมเพื่อนำไปเข่นฆ่าคนอื่น ทำลายล้างคนอื่นยุยงให้คนในชาติเกิดความเกลียดแค้นชิงชังกัน ทำให้บ้านเมืองล้าหลังไม่สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้อย่างทัดเทียมกัน พฤติกรรมเยี่ยงนี้ เป็นการกระทำผิดต่อหลักศีลและหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ชัดเจน จริงๆแล้ว ผมก็สงสัยอยู่นาน ทำไมศีลและธรรมของพวกที่มีความเห็นแตกต่างกันทางการเมือง จึงเต็มไปด้วยกิเลส ต้องการเข่นฆ่าทำลายล้างคนในชาติเดียวกันเสียเหลือเกิน แทนที่คนที่ยึดถือศีลและธรรมเป็นธงนำหน้า จะเรียกร้องให้ผู้คนในสังคมรู้รักสามัคคี รวมแรงรวมใจกันสร้างสังคมที่มีความสงบสุข ร่มเย็น และเจริญรุ่งเรืองแบบสุดๆ คนเหล่านี้กลับยุยงส่งเสริมให้เกิดความแตกแยกในชาติอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ผมก็เลยอยากบอกพ่อแม่พี่น้องประชาชนชาวรากหญ้า ซึ่งเป็นเสียงส่วนใหญ่ของแผ่นดินว่าอย่าไปสนใจ “ธรรมลายล้าง” ของพวกกิเลสหนาเลย เราไปเข้าวัดนมัสการคุณพระคุณเจ้า ศึกษาศีลและธรรมที่แท้จริงกันเถอะ จิตใจจะได้ผ่องแผ้วแจ่มใส ต่างจากพวกที่ชอบทำผิดศีล ผิดธรรม ผิดกฎหมาย ผิดครรลองประชาธิปไตย คนพวกนี้ ถึงมีชีวิตอยู่ก็เหมือนตกนรกทั้งเป็นอยู่แล้ว. “เห่าดง”