เห็นข่าว CNN ที่ประโคมออกไปทั่วโลกแล้วน่าตกใจ เพราะระบุชัดว่า เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบแล้วจากการปักหลักชุมนุมกดดันรัฐบาลอย่างไร้เหตุผลของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ที่สำคัญเป็นการมองข้ามชอตไปอีกว่า เศรษฐกิจทุกภาคส่วนชะลอตัวไปหมด เพราะมีเค้าลางที่พอเชื่อได้ว่า อาจจะเกิดการปฏิวัติรัฐประหาร
เพราะลีลาท่าทางการขับเคลื่อนของกลุ่มผู้ชุมนุม ละม้ายคล้ายคลึงกับเมื่อคราวออกมาชุมนุมต่อต้านรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จนเกิดการปฏิวัติ ที่นำโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน
แม้ว่าเรื่องราวของผลกระทบทางเศรษฐกิจอันเกิดมาจากปัจจัยทางการเมืองในประเทศ จะเป็นเรื่องที่เราท่านรู้กันดีอยู่แล้ว
ว่าการชุมนุมเรื้อรังที่อาจส่งผลให้เกิดการปฏิวัติรัฐประหารได้ทุกเมื่อนั้น สร้างความหวั่นไหวให้เกิดกับนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างประเทศมากน้อยแค่ไหน
ส่งผลให้เม็ดเงินในการลงทุนที่จะไหลเข้าสู่ประเทศไทย หดหายไปจำนวนมหาศาล และยิ่งน่าเศร้า เมื่อมูลค่าการลงทุนในภูมิภาคนี้ไปปูดอยู่ที่เวียดนามถึงกว่า 7 หมื่นล้านบาท ในช่วงปลายปีก่อนมาจนถึงปัจจุบัน
ทั้งที่ศักยภาพในการรองรับนักลงทุนในบ้านเรายังเป็นต่ออยู่หลายขุม เพราะแม้ว่าเวียดนามจะมีอัตราเติบโตแบบก้าวกระโดด แต่ในด้าน infrastructure แล้วยังตามหลังไทยอยู่มาก ซึ่งเรื่องเหล่านี้นักลงทุนต่างก็รู้ดี
เพราะฉะนั้นหากสถานการณ์บ้านเมืองของเราอยู่ในภาวะปกติ พอที่จะให้นักลงทุนมีความสบายใจ ย่อมหมายถึงการลงทุนส่วนหนึ่งที่ยังสนใจที่จะใช้เมืองไทยเป็นฐานการผลิต
อันหมายถึงเงินทุนหมุนเวียนภายในประเทศจำนวนมหาศาล รายได้ที่จะเกิดขึ้นในประเทศอีกจำนวนมาก ทั้งที่เกิดจากการเข้าไปร่วมทุน การไปรับช่วงงาน หรือที่สำคัญที่สุดก็คือ การสร้างงานให้คนไทยอีกนับหมื่นนับแสนคน
ซึ่งทั้งหมดนั้นยังหมายรวมไปถึง โอกาสในการถ่ายทอดเทคโนโลยี ที่เป็นโอกาสอันสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมในบ้านเมืองเราในวันข้างหน้า
และนอกเหนือไปจากเรื่องการลงทุนทางอุตสาหกรรมแล้ว ในด้านตลาดทุนก็พลอยซบเซา และส่งผลกระทบในเบื้องต้นไปแล้วไม่น้อยกว่า 2% และยังมีแนวโน้มว่าความเสียหายจะเพิ่มมากขึ้นไปอีกหากปัญหายังไม่ถูกแก้ไข
และตัวเลข 2% ที่ว่า หากคิดเป็นตัวเลขความสูญเสียก็ไม่ใช่เงินน้อยๆ เพราะตัวเลขการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แต่ละวันนั้น มีมูลค่านับหมื่นนับแสนล้านบาท
ทั้งหมดนั้น นักวิเคราะห์ต่างชาติ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์ มีข้อมูลชี้ชัดอย่างเดียวกันว่า เกิดจากปัญหาความไม่สงบภายในประเทศ
ซึ่งจะหมายถึงอื่นใดไปไม่ได้ นอกจากจะหมายถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ขอจารึกไว้ตรงนี้ว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นใหญ่หลวงกับประเทศชาตินั้น เกิดขึ้นเพียงเพราะฝีมือคน 5-6 คน
ไม่ว่าจะเป็น...
สนธิ ลิ้มทองกุล
จำลอง ศรีเมือง
พิภพ ธงไชย
สมศักดิ์ โกศัยสุข
สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์
สุริยะใส กตะศิลา
รวมไปถึงพรรคการเมืองบางพรรค ที่หันมานิยมชมชอบวิธีการข้างถนน และแอบอยู่หลังกลุ่มผู้ชุมนุม
ซึ่งรายชื่อทั้งหมดที่นำมาแสดงไว้ตรงนี้ ก็เพื่อพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบกันไปทั่วทั้งประเทศ จะได้ด่าหรือสาปแช่งไม่ผิดตัว
จะได้รู้กันว่าคนพวกนี้แหละ ที่ออกมากล่าวหารัฐบาลปาวๆ ว่าไม่ดูแลปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งที่กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ รวมไปถึงกระทรวงพลังงาน คลอดมาตรการแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นระยะยาวออกมาไม่เว้นแต่ละวัน
ตั้งแต่ปัญหาปากท้อง การเพิ่มรายได้ การดูแลราคาสินค้า การแก้ปัญหาพลังงานทดแทน ฯลฯ ซึ่งล้วนแต่เป็นประเด็นที่เกิดจากปัจจัยภายนอก เกิดจากภาวะเศรษฐกิจและราคาน้ำมันในตลาดโลก
แต่คนพวกนี้ก็ยังตะแบง ออกมากล่าวหารัฐบาลอย่างหน้าด้านๆ
ทีพวกตัวเองออกมาทำลายภาพลักษณ์บ้านเมือง ทำลายความเชื่อมั่นในสายตาชาวโลก จนบ้านเมืองฉิบหายวายวอด เสือ_ไม่พูดถึง...!!