พรรคพลังประชาชนเตือนรัฐบาลอย่าตกหลุมพรางกลุ่มพันธมิตร ฯ ที่ชุมนุมยืดเยื้อเพื่อต้องการให้รัฐบาลใช้ความรุนแรง โดยล่าสุดพรรคร่วมรัฐบาลจะเสนอญัตติศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญพร้อมกันในวันจันทร์นี้ การสัมมนา สส.ภาคอีสานและภาคเหนือพรรคพลังประชาชนในวันที่ 2ได้มีการชี้แจงการทำงานของคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลหรือวิปรัฐบาลในเรื่องการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญในวันจันทร์ที่ 9มิถุนายน โดยนายสามารถ แก้วมีชัย เลขานุการวิปรัฐบาล เปิดเผยว่าพรรคจะเปิดโอกาสให้ สส.ร่วมลงชื่อเพื่อเสนอญัตติศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยจะยื่นพร้อมกับพรรคร่วมรัฐบาลในวันจันทร์นี้ ส่วนเหตุที่พรรคร่วมรัฐบาลต้องแยกกันยื่นเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เสนอญัตติได้อภิปรายเหตุผลด้วยตนเอง ส่วนญัตติการขอแก้ไขรัฐธรรมนูญที่พรรคพลังประชาชนเสนอไปก่อนหน้านี้แม้จะมี สส.ทยอยถอนรายชื่อแต่ยังไม่ถือว่าตกไปเพราะตามข้อบังคับระบุว่าหากญัตติใดยังไม่สมบูรณ์สามารถนำมาปรับปรุงใหม่ได้จึงเป็นเพียงการชะลอญัตติไว้ก่อนทั้งนี้นายสามารถยังกล่าวถึงการพิจารณาพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2552นั้นจะมีการพิจารณาระหว่างวันที่ 25-27มิถุนายนนี้โดยจะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีเพื่อรับทราบในวันที่ 17มิถุนายนก่อนที่จะให้ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณมาตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้งในวันที่ 24มิถุนายน ร้อยโทกุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชนกล่าวเตือน สส.ของพรรคไม่ควรตกหลุมพรางการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร ฯที่ต้องการให้รัฐบาลใช้ความรุนแรงโดยเฉพาะพลตรีจำลอง ศรีเมือง ที่พยายามนำลัทธิสันติอโศกมาต่อสู้ทางการเมืองซึ่งเหมือนกับลัทธิโฮมชิริเคียวของญี่ปุ่นที่ยอมตายเพื่อตอบสนองความเชื่อตนเองจึงเชื่อว่าการชุมนุมจะยืดเยื้อ ดังนั้นรัฐบาลไม่ควรตอบโต้แต่ควรมุ่งทำงานแก้ปัญหาประชาชน ขณะที่นายสุนัย จุลพงศธร ประธานคณะกรรมการประชาสัมพันธ์การแก้ไขรัฐธรรมนูญพรรคพลังประชาชนเชื่อว่าเหตุที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่กล้าดำเนินการตามกฎหมายกับกลุ่มพันธมิตร ฯ ที่ปิดถนนชุมนุมขัดขวางการจราจร เป็นเพรามีอำนาจที่ซับซ้อนคอยสนับสนุนจึงขอรัฐบาลดำเนินการด้วยความรอบคอบเพราะเชื่อว่าสาเหตุของการชุมนุมน่าจะมาจากการโยกย้ายข้าราชการใหญ่ในช่วงปลายปี ส่วนบรรยากาศงานเลี้ยงสังสรรค์หลังการสัมมนาวันแรกนายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ได้เปิดตัวแสดงจุดยืนทางการเมืองเป็นครั้งแรกหลังการรัฐประหารโดยยืนยันแม้จะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองก็สามารถสนับสนุนการทำงานของ สส.ได้โดยขอให้ สส.ภาคอีสานเป็นกำลังหลักในการต่อสู้เพื่อสร้างประชาธิปไตยที่ยังไม่สมบูรณ์