WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, August 11, 2008

รัฐบาล 4 ปี…ความหวังอันสูงสุด

คงไม่มีรัฐบาลชุดใดที่ได้เข้ามาบริหารประเทศแล้ว มีเป้าหมายระยะสั้นหวังเพียงทำงานแค่ปีหรือสองปี
แต่ด้วยปัจจัยหลายอย่างที่ผ่านมา ทั้งการเมืองน้ำเน่า และทั้งกฎหมายรัฐธรรมนูญที่เอื้ออำนวยต่อความไร้เสถียรภาพ ก็ทำให้ไม่เคยมีรัฐบาลที่อยู่ในวาระครบ 4 ปีได้สักสมัย ยกเว้นสมัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี

ปัจจัยเกื้อหนุนครั้งนั้น นอกจากมีรัฐธรรมนูญ 2540 ที่เขียนมาอุดช่องโหว่ทางการเมืองที่สั่นคลอนความมั่นคงของฝ่ายบริหาร เป็นปัจจัยเกื้อหนุนแล้ว ก็ยังต้องยอมรับว่าเป็นนโยบายแบบประชานิยมที่ประชาชนโดยเฉพาะชาวรากหญ้าจับต้องได้จริง ที่ทำให้รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อยู่ยงคงกระพันครบวาระ และยังยึดกุมหัวใจประชาชนจนได้เสียงข้างมากกลับเข้ามาอีกวาระหนึ่ง ด้วยคะแนนนับสิบๆ ล้านชนิดที่ไม่เคยมีพรรคการเมืองใดทำได้มาก่อน

เมื่อภาคปฏิบัติพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า นโยบายแบบใด การทำงานแบบใดที่ประชาชนคนไทยต้องการ นับจากนั้นพรรคการเมืองต่างๆ ก็เดินตามเส้นทางนี้ด้วยกันเกือบทั้งหมด เพื่อหวังยึดกุมคะแนนเสียงและความนิยมของประชาชนด้วยได้บ้าง

ทั้งที่บางคนบางพรรคก็ยังเคยตำหนิติเตียนลักษณะนโยบายประชานิยม แต่เมื่อการหาเสียงเลือกตั้งมาถึง หน้าตานโยบายที่ใช้ในการหาเสียงก็คล้ายจะเดินตามกันมาไม่มีผิดเพี้ยน…

ซึ่ง…ก็ไม่ใช่เรื่องผิด หากเป็นสิ่งที่ “ประชาชน” ไม่ “นิยม” ก็ไม่รู้จะเสนอเข้ามาให้เลือกทำไม และการที่ประชาชนจะนิยมเลือกอะไรนั้น ก็เป็นสิทธิอันชอบธรรมแล้วตามครรลองของการปกครองระบอบประชาธิปไตย ที่ไม่ได้ผูกขาดการคิดหรือดำเนินนโยบายไว้เพียงแต่คนไม่กี่คน แล้วบังคับให้คนทั้งประเทศยอมรับทำตาม เหมือนการปกครองในระบอบอื่นๆ

จะมีก็แต่ “ชนชั้นในหอคอย” บางคนเท่านั้น ที่มองว่านโยบายประชานิยมคือการมอมเมาประชาชนรากหญ้า ผู้ไร้การศึกษา ไร้ปัญญา ไร้สามัญสำนึกเสมอมาในสายตาผู้ทรงคุณวุฒิเหล่านั้น

แต่อย่าถามว่าแล้วเช่นนั้นจะมีทางออกอย่างไร เพราะอยู่บนหอคอยมากเกินไป ก็เสนออะไรที่เป็นรูปธรรมไม่ได้เหมือนกัน

สำหรับรัฐบาลชุดปัจจุบันที่มี นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ย่อมต้องมีเป้าหมายและความหวังที่จะทำงานบริหารประเทศให้ครบวาระ 4 ปีไม่ต่างกัน คงไม่มีใครคิดสั้นๆ อยากให้เกิดการเลือกตั้งใหม่ก่อนกำหนดเพราะทั้งเหนื่อยและสิ้นเปลืองงบประมาณประเทศมหาศาล

โดยเฉพาะนี่เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง หลังประเทศไทยเว้นวรรคจากระบอบประชาธิปไตยมา 1 ปี เมื่อหาทางกลับสู่ประชาธิปไตยได้แล้วก็อยากจะให้ราบรื่นไปได้โดยดีที่สุด ไม่หวังให้เกิดอุบัติเหตุการเมืองใด ๆที่จะทำให้ประเทศต้องชะงักงันไปอีก

จึงสมควรแล้วที่รัฐบาลจะต้องพยายามทำหน้าที่ต่อไปอย่างสุขุมที่สุด ใจเย็นที่สุด อยู่ในสติที่สุด ไม่หลงลมไปตามแรงยั่วยุของฝ่ายมารที่ถวิลหากลิ่นการรัฐประหารทุกสามเวลาหลังอาหาร

คาถา “ไม่เริ่ม ไม่รุก และไม่ก่อความรุนแรง” จึงต้องท่องให้ติดปากสลักใจคนในรัฐบาลในทุกระดับสำนึก เรียกว่าหลับก็ยังต้องท่องถึง…แม้ใจหนึ่งอาจรู้สึกเหมือนคนทั้งประเทศที่รู้สึก คือ โมโห เจ็บใจกับกลุ่มก่อกวนที่แตกกระจายอยู่ทั่วประเทศ เพรียกหาทหาร และเรียกร้องการเมืองที่ไม่เป็นประชาธิปไตยพวกนั้น

ชาวบ้านด้วยกันเองอาจตบะแตกไปบ้างแล้ว แต่ในฐานะรัฐบาลต้องนิ่งที่สุด แม้ถูกใส่ร้ายป้ายสีอยู่เนืองๆ ว่าเป็นคนจัดตั้งม็อบเสียเอง (ทั้งที่ถ้าทำจริงๆ ตัวเองก็มีแต่เสียกับเสีย)

พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่อวยพรให้รัฐบาลทำหน้าที่เพื่อบ้านเมืองได้สำเร็จลุล่วง ให้รัฐบาลมีขวัญและกำลังใจต่อไปนั้น เหมือนน้ำทิพย์พร่างพรมที่แสนเป็นสิริมงคลแล้วครั้งหนึ่ง
เสียงสนับสนุนจากประชาชนอีกกว่าค่อนประเทศก็เป็นอีกน้ำหนักหนึ่งที่จะไม่ทำให้รัฐบาลนี้สั่นคลอนไปไหน
น้ำน้อยอาจแพ้ไฟ และน้ำมากก็อาจแพ้ภัยมารในบางครั้ง
แต่ย่อมไม่ใช่ทุกครั้งที่ “อธรรม” จะเอาชนะ “ธรรม” ได้เสมอไป
และสำหรับรัฐบาลที่เข้ามาได้ด้วยการที่ประชาชนเลือกเข้ามา หากจะต้องเดินออกไป ก็ต้องด้วยประชาชน “ไม่เลือก” แล้วเท่านั้น
ซึ่งนั่น ก็ขอให้ได้พิสูจน์กันตามครรลองประชาธิปไตยอีกเกือบ 4 ปีข้างหน้าก็แล้วกัน