ส.ส. อีสานร่วมรัฐบาล ทั้ง “เพื่อแผ่นดิน-มัชฌิมา-รวมใจไทยชาติพัฒนา” เกาะกลุ่มพร้อมร่วมพรรคการเมืองใหม่ทันทีหากพลังประชาชนถูกยุบพรรค ระบุต้องร่วมกันแก้ปัญหาอีสานเป็นหนึ่งเดียว และจะเดินตามรอยนโยบาย “ทักษิณ” ขณะที่กลุ่ม “ขุนค้อน” ที่แยกตัวจากอีสานพัฒนา ย้ำไม่ทิ้ง พปช. ไปไหนแน่ แม้ว่าอาจจะมีบางกลุ่มไปร่วมสังกัดพรรค “บิ๊กจิ๋ว”
จากปัญหาที่พรรคพลังประชาชนประสบอยู่ กรณีมี ส.ส.ออกมาให้ข่าวมีความเห็นที่แตกต่างกัน ทั้งจะมีการออกไปตั้งพรรคใหม่และไปรวมกับพรรคการเมืองอื่น ที่ส่อให้เห็นถึงความแตกแยกภายในพรรค นั้น
พปช.คุยบ่อยขึ้นลดปัญห่าขัดแย้ง
นายบุญลือ ประเสริฐโสภา รมช.ศึกษาธิการ ในฐานะกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน กล่าวว่าที่ประชุมพรรคได้มีการหารือกันว่าต่อไปกรรมการบริหารพรรคต้องประชุมกันบ่อยขึ้น เพื่อช่วยกันดูแลและแก้ปัญหาทางการเมืองทั้งหมด ซึ่งที่ประชุมเห็นพ้องด้วย และมีมติว่าต่อไปนี้การพิจารณาจัดบุคคลลงในตำแหน่งทางการเมือง จะเอาเข้าสู่ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค เพื่อขอความเห็นชอบร่วมกัน ซึ่ง เป็นไปตามข้อบังคับพรรคพลังประชาชนข้อที่ 89 ที่ระบุว่า การคัดเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ รองประธานสภาฯ ประธานกรรมาธิการวิสามัญ นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ที่ปรึกษาและเลขานุการรัฐมนตรี ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กรรมการบริหารพรรคกำหนด เพื่อกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเป็นตัวแทนจากแต่ละภาคจะได้ช่วยกันดูความเหมาะสม เพราะบางทีคนที่ทางกลุ่มส่งมาอาจจะไม่เหมาะสม หรือไม่เป็นที่ยอมรับของส่วนรวมหรือคนทั้งพรรคก็ได้ บรรยากาศการหารือวันนี้ดีมาก เชื่อว่าการทำงานจะดีขึ้นเรื่อยๆ
กลุ่มขุนค้อนยันเหนียวแน่นพปช.
ด้านนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รมว.วัฒนธรรม ให้ สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าว ส.ส.กลุ่มอีสานพัฒนาจะไปอยู่ พรรคการเมืองใหม่ที่มี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นแกนนำว่า ไม่ทราบ พวกตนไม่ได้อยู่กลุ่มอีสานพัฒนาแล้ว เพราะกลุ่มอีสานพัฒนามีทั้งหมด 30 คน อาจจะมีความเห็นที่แตกต่างกัน จึงได้แยกกลุ่มออกมาเพื่อตั้งกลุ่มใหม่ แต่ยังไม่ได้คิดว่าจะตั้งชื่อกลุ่มอะไร มีบางคนเสนอให้ตั้งชื่อ “กลุ่มขุนค้อน”
ขณะนี้มีสมาชิกที่มาร่วมงานด้วยประมาณ 20 คน ล้วนเป็น ส.ส.ที่มาช่วยงานที่กระทรวง และ ส.ส.อีก 2-3 คน กำลังพิจารณาอยู่ว่าจะมาร่วมกลุ่มด้วยหรือไม่ ส่วนแนวทางการทำงานการเมืองของกลุ่มนั้น มีจุดยืนและอุดมการณ์เหมือนเดิม คือสังกัดพรรคพลังประชาชน เป็นกลุ่มอิสระ กลุ่มการเมืองไหนมีแนวทางการเมืองสร้างสรรค์ เราพร้อมร่วมด้วย
อีสานพัฒนายังไม่ไปไหน
นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคพลังประชาชน แกนนำกลุ่มอีสานพัฒนา กล่าวถึงกระแสข่าวกลุ่มอีสานพัฒนาจะจัดตั้งพรรคใหม่ในลักษณะของการรื้อฟื้นพรรคความหวังใหม่ที่นำทีมโดย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ว่า ไม่เป็นความจริง กลุ่มอีสานพัฒนายังไม่มีแนวคิดดังกล่าว และกำลังสืบหาว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวนี้ เพราะยังเชื่อมั่นในฐานเสียงของพรรคพลังประชาชน และมั่นใจว่าพรรคพลังประชาชนจะสามารถดำเนินการต่อไปได้
“ต่อให้มีการยุบพรรคเกิดขึ้น กลุ่มอีสานพัฒนาก็จะไม่ไปไหน เพราะเราไม่มีที่ไป สปอนเซอร์ก็ไม่มี ที่สำคัญเรามาจากพรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชนก็มาจากพรรคไทยรักไทย ถ้าไปไหนก็จะไปด้วยกัน การที่ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางไปอยู่ต่างประเทศก็ถือว่ากระทบต่อพรรคพอสมควรแล้ว ทำให้ทางกลุ่มอีสานพัฒนากลับมาทบทวนอีกครั้งทั้งในการรุกในการรับ การก้าวย่างต่างๆต้องทำให้รอบคอบ เพื่อไม่ให้กระทบกับพรรคโดยรวม” ส.ส.นครพนมกล่าว
ปัดตอบตามไปร่วมพรรคบิ๊กจิ๋ว
“ผมสำนึกในบุญคุณของพรรคพลังประชาชนเสมอ จะยึดพรรคเหมือนบ้าน ยึดหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคเหมือนพ่อและแม่ ฉะนั้นจะขออยู่บ้านหลังเก่าต่อไปจนถึงที่สุด เพราะบ้านหลังเก่ายังมีความมั่นคง ยังไม่คิดว่าพรรคพลังประชาชนจะถูกยุบพรรค ส่วนถ้าใครคิดจะยุบพรรคพลังประชาชน ทำให้เกิดแพแตก และทำให้ ส.ส.ไร้สังกัด แค่คิดก็เป็นเรื่องผิดแล้ว”นายไพจิต
เมื่อถามว่า พล.อ.ชวลิตได้ชักชวนให้ไปร่วมกับพรรคความหวังใหม่หรือไม่ นายไพจิตกล่าวว่า ไม่อยากพูดเรื่องที่ตัวเองยังไม่มั่นใจ ทั้งนี้ ต้องเคารพในความรู้สึกของประชาชน เพราะขณะนี้ลำพังที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ อยู่ในต่างประเทศ ทำให้จิตใจหลายคนมีความว้าเหว่และเศร้า ซึ่ง ส.ส. ในพรรคมีความรู้สึกไม่ต่างจากนี้
หนุนเดินหน้าแก้ไขรธน.ต่อไป
นายไพจิตกล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ เห็นว่าเป็นทางออกของประเทศที่จะทำให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย และเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ เพราะฉะนั้นหากจะแก้รัฐธรรมนูญให้ได้พรรคจะต้องหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ส่วนกรณีการยื่นเรื่องตรวจสอบแก๊งออฟโฟร์นั้น ยอมรับว่าขณะนี้มีเหตุการณ์ที่ พ.ต.ท.ทักษิณลี้ภัยทางการเมือง
เพราะฉะนั้นจึงต้องทบทวนภารกิจเดิม เนื่องจากจะต้องฝ่าฟันภารกิจของพรรคก่อน แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ละเลยการตรวจสอบ เพียงแต่ชะลอการยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. ก่อน พร้อมกันนี้ยังยืนยันว่าตลอดชีวิตการเป็นนักการเมืองไม่เคยเป็นมวยล้มต้มคนดู แต่เห็นว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับ พ.ต.ท.ทักษิณมีความหมายต่อการก้าวเดิน เมื่อถามว่ากรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณมีความสำคัญกว่าการตรวจสอบเรื่องการคอร์รัปชันของประเทศหรือไม่ นายไพจิตกล่าวว่า เรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นเรื่องที่สำคัญ
ตั้งพรรคสำรองไม่ต่อกว่า2พรรค
ด้านนายสมาน เลิศวงศ์รัตน์ นายทะเบียนพรรค พปช. เปิดเผยว่า พรรคได้เตรียมพรรคสำรองเพื่อรองรับในคดียุบพรรคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยนอกจากพรรคเพื่อไทยยังมีพรรคสำรองอีกไม่ต่ำกว่า 2 พรรค แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะจะเป็นการชี้เป้าให้ถูกทำลายล้างและเชื่อมั่นว่า ส.ส.ของ พปช.จะยังเหนียวแน่นในขั้นนี้พรรคไม่สามารถให้ ส.ส.ร่วมแสดงเจตจำนงเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้าเพื่อยืนยันว่าจะไปสังกัดพรรคร่วมกันไม่ได้ เพราะอาจจะถูกยื่นตีความว่าส่อต่อพันจากการเป็นสมาชิกภาพได้
แหล่งข่าวจากพรรคพลังประชาชนเปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ใหญ่ในพรรคมีการพูดถึงการเลือกตั้งครั้งใหม่ โดยมีการเตรียมการเรื่องชื่อพรรคไว้ประมาณ 3-4 พรรค อยู่ที่ว่าจะใช้ชื่อไหนเพื่อให้ตรงใจกับประชาชนและเรียกง่ายที่สุด นอกจากนี้ในส่วนนักการเมืองที่เคยแตกกระสานซ่านเซ็นจากพรรคไทยรักไทยเดิมคาดว่าจะกลับมารวมตัวกันในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งจะเป็นการแข่งขันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับผู้สมัครในพรรคพลังประชาชนเดิม ทั้งนี้ การจะใช้ชื่อพรรคใหม่หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับคดียุบพรรคพลังประชาชนที่จะมีขึ้น
ส.ส.อีสานเกาะแน่นร่วมพปช.
แหล่งข่าวคนเดิมยังกล่าวถึงการลี้ภัยทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณว่ามีนัยทางการเมือง คือต้องการให้พรรคพลังประชาชนจัดระเบียบ ส.ส. ในพรรคว่าใครอยู่กลุ่มไหน ใครอยู่กับใคร และใครเป็นคนดูแล ทั้งนี้ เพื่อความชัดเจนใจการเลือกตั้งครั้งหน้า รวมทั้งเป็นการสลายกลุ่มการเมืองในพรรคไปในตัว คาดว่าจะมีการสังคายนาพรรคในเร็วๆนี้เพื่อความชัดเจน
ขณะเดียวกันนายรณฤทธิชัย คานเขต ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่าจะมีการรวมตัวกันของ ส.ส.อีกสานจากหลายพรรคการเมือง ทั้งพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรคมัชฌิมาธิปไตย เพื่อพร้อมที่จะไปไหนไปด้วยกัน และหากมีการยุบพรรคพลังประชาชนตั้งพรรคการเมืองใหม่ ก็พร้อมที่จะพากันเข้าร่วม