อาชีพที่เคยเป็นที่หมายปองของบรรดาสาวๆ อย่าง “นางฟ้า” หรือแอร์โฮสเตส วันนี้ก็ยังได้รับผลกระทบจากการลดต้นทุนของสายการบินไปแล้วไม่ต่ำกว่า 2 บริษัท จนมีข่าวออกมาว่าอาจมีสาวๆ ส่วนหนึ่งปิดดอนเมืองประท้วง...
วินาทีนี้ก็ขอเข้าข้างทั้ง 2 ฝ่ายไปก่อนละกัน เพราะต่างก็รู้กันว่าเศรษฐกิจตอนนี้ฟาดงวงฟาดงาใส่แทบทุกคนทุกระดับไม่เว้นจริงๆ เพียงแต่อัตราความ “เข้มข้น” ของความเดือดร้อน ความไม่มีจะกิน ความไม่สามารถคาดเดาอนาคตมื้อข้างหน้าได้นั้น มันแตกต่างกันลิบลับ
นางฟ้าที่ดอนเมือง กับสาวโรงงานที่ประท้วงหน้าทำเนียบ ความเค็มของน้ำตาที่หลั่งออกมาก็คงจะต่างกันนะ ฉันว่า...ไม่ใช่ว่าจะมาทำตัวโรแมนติกด้วยการสงสารคนจนเป็นพิเศษแต่อย่างใด แต่เท่าที่ใช้ชีวิตคลุกคลี สัมผัส หรือกระทั่งรู้จักคนบางคนในทั้ง 2 สังคมนั้น ก็ประจักษ์อยู่แล้วกับตัวเองว่า อีกคนหนึ่งที่ตกงานแต่ก็อาจยังมีปริญญา มีฐานะ มีโอกาสสำหรับการเริ่มต้นใหม่ๆ ที่ดีเท่าเดิมหรือดีกว่าเดิมได้เสมอ และถึงแม้โอกาสนั้นยังมาไม่ถึง แต่ก็ยังมีพ่อแม่ครอบครัวที่สามารถให้ความช่วยเหลือได้อยู่ข้างหลัง
ขณะที่อีกบางคนในอีกสังคมนั้น การออกมาร้องแรกแหกกระเชอครั้งนั้นมันอาจหมายถึง “ทั้งหมด” แล้วของชีวิต และไม่เพียงชีวิตของเขาหรือเธอยังรวมถึงชีวิตคนในครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดู ซึ่งแต่ละคนก็อาจอยู่ในสถานะทางสังคมที่ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไร
อายุจนปูนนี้แล้ว บางทีฉันก็เริ่มจะปลงใจเชื่อว่า ความเท่าเทียมกันมันคงไม่มีอยู่จริงสำหรับโลกใบนี้ มีแต่ความแตกต่างเหลื่อมล้ำสุดฟ้ากับเหว คำถามคือจะมีทางใดบ้างหรือเปล่าที่เราจะสามารถทำให้ช่องว่างนั้นมันเขยิบเข้ามาใกล้กันให้มากกว่านี้ได้...
ในวันที่ยังมีคำถาม ฉันก็ยังค้นหาคำตอบเรื่อยๆ อยู่ต่อไปไม่เลิกรา